ตอนที่ 1 เถ้าแก่เนี้ยกับระบบร้านค้า

2644 Words
'จิน' หญิงสาวลูกครึ่งไทย-จีนวัยสามสิบต้นๆ กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ในห้องเช่าของตนเพียงลำพัง เธอทำงานเป็นพนักงานประจำของร้านค้าสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆ กับห้องเช่าแห่งนี้ แต่เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาเพื่อนร่วมงานได้ว่าจ้างให้เธอช่วยเข้างานแทน เพราะอีกฝ่ายอยากเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด   ตัวของจินเองไม่ได้มีภาระหรือครอบครัวที่ไหนให้ต้องกลับไปหาจึงได้รับงานนี้เอาไว้ และการทำงานที่หนักหนาติดต่อกันหลายวันจนแทบไม่ได้พักผ่อน พร้อมกับในตอนนี้ที่เกิดโรคระบาดขึ้นทั่วทุกมุมของโลก จินเองก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ติดเชื้อ แต่ดูเหมือนเธอจะโชคไม่ดีเพราะอาการของเธออยู่ในขั้นรุนแรง หลังจากรวบรวมเรี่ยวแรงเพื่อติดต่อขอรถพยาบาลให้มารับตัวเธอไปรักษา แต่ดูเหมือนว่ามันจะช้าเกินไป ก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึงลมหายใจสุดท้ายของเธอก็ได้จากโลกใบนี้ไปแล้วตลอดกาล   ในขณะที่จินรู้สึกว่าลมหายใจของเธอได้หมดลงและเตรียมพร้อมที่จะไปตามวัฏสงสาร แต่อยู่ๆ เธอก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดที่เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง แล้วจากนั้นก็รับรู้ได้ถึงอากาศที่หนาวเย็นรอบๆ ตัว พร้อมกับสัมผัสได้ถึงความแข็งของพื้นที่เธอกำลังนอนอยู่ในตอนนี้   จินพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงเพื่อลืมตาขึ้นมองรอบตัวจะบอกว่าเธอถูกรถพยาบาลมารับตัวได้ทันก็ไม่น่าจะใช่ เพราะบรรยากาศรอบๆ ตัวที่สัมผัสได้มันช่างรู้สึกแปลกประหลาดเหลือเกิน แต่เมื่อลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ ก็เห็นเป็นห้องห้องหนึ่งที่ค่อนข้างทรุดโทรมสิ่งของทุกอย่างในห้องทำจากไม้รวมถึงฝาผนังและเพดานของห้องนี้ด้วย แล้วอยู่ๆ ความทรงจำหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในสมองของเธอ   ความทรงจำที่ได้มาบอกให้รู้ว่าตอนนี้เธอได้มาอยู่ในร่างของจินหลันหญิงสาวกำพร้าคนหนึ่งที่อาศัยอยู่เพียงลำพังในแคว้นชิงหลง ซึ่งเป็น 1 ใน 7 แคว้นของแผ่นดินซื่อหลิง ทั้ง 7 แคว้นนี้แต่ละที่ก็มีประเพณีและการแต่งกายที่แตกต่างกันออกไป และทุกแคว้นใช้ภาษาพูดกับเขียนคล้ายกันคือภาษาจีนที่เธอรู้จัก แต่อาจจะมีแตกต่างกันบ้างในบางคำหรือสำเนียงของแต่ละที่เหมือนอย่างภาษาอังกฤษสำเนียงอิงลิชกับอเมริกันนั่นเอง   ส่วนแคว้นชิงหลงที่เธออยู่นี้มีการแต่งกายและลักษณะบ้านเรือนคล้ายกับยุคจีนโบราณแต่กลับมีความทันสมัยและเรียกได้ว่าค่อนข้างจะเป็นแฟนตาซีอยู่มาก เมืองที่เธออาศัยอยู่ในตอนนี้ก็คือเมืองซื่อหมาย อยู่ติดกับหมายซานที่เป็นภูเขาและผืนป่าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งบนแผ่นดินนี้ ที่บนหมายซานมีสัตว์อสูร ต้นสมุนไพร และสุสานลึกลับเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง (ซื่อ = เมือง, ซาน = ภูเขา, หมาย = เมฆหมอก)   ผู้คนบนแผ่นดินซื่อหลิงแห่งนี้มีทั้งคนธรรมดาที่มีอาชีพต่างๆ เช่นทำไร่ ทำนา หรือค้าขาย และมีคนที่มีพลังปราณอยู่ด้วย ซึ่งคนพวกที่มีพลังปราณนี้ก็จะมีอาชีพเป็นทหาร นักรบ นักผจญภัย ผู้คุ้มกัน หรือถ้าเป็นพวกลูกหลานตระกูลที่ร่ำรวยหรือมีพลังปราณสูงก็อาจจะเข้าสำนักศึกษาที่มีชื่อเสียงที่มีอยู่มากมายบนแผ่นดินนี้ คนทั้งสองประเภทสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติ แต่ก็อาจจะมีการแบ่งชนชั้นกันบ้างเหมือนสังคมทั่วไป และนี่คือทั้งหมดในความทรงจำที่มีอยู่ของร่างนี้ ในขณะที่จินกำลังทบทวนเรื่องราวที่ได้รับรู้อยู่ๆ ก็มีเสียงโมโนโทนที่ไม่ระบุเพศดังขึ้น (โมโนโทน=ไม่มีเสียงสูงเสียงต่ำ)   'ติ๊ง!! ระบบร้านค้าไร้เทียมทานตรวจสอบพบความเข้ากันได้กับร่างของโฮสต์ ทำการติดตั้งระบบ 'ร้านค้าไร้เทียมทาน' นับเวลาถอยหลัง 10..9..8.....2..1..0 ทำการติดตั้งระบบเรียบร้อยแล้ว'   '.....' จินนิ่งฟังเสียงที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้นทั้งที่ในห้องนี้มีเธออยู่เพียงคนเดียว แล้วความคิดหนึ่งก็วิ่งผ่านเข้ามาในสมอง เหตุการณ์แบบนี้ดูเหมือนเธอจะเคยอ่านเจอมาจากนิยายที่คนทะลุมิติทั้งหลายมักจะได้รับมานั่นก็คือระบบที่จะคอยให้การช่วยเหลือโฮสต์หรือในตอนนี้ก็คือตัวเธอนั่นเอง จินจึงพยายามตั้งใจฟังสิ่งที่ระบบกำลังบอกให้เธอฟังอยู่ในขณะนี้   'ยินดีต้อนรับโฮสต์เข้าสู่ระบบร้านค้าไร้เทียมทาน ทางระบบขอสัญญาว่าจะทำให้โฮสต์กลายเป็นเถ้าแก่เนี้ยอันดับหนึ่งของ 'ร้านค้าไร้เทียมทาน' บนแผ่นดินแห่งนี้ให้จงได้..'   จินที่ตอนแรกทั้งรู้สึกตกตะลึงและดีใจกับเสียงที่ดังขึ้นก็พยายามตั้งใจฟังในสิ่งที่เรียกว่าระบบกำลังบอก แต่เมื่อเธอรออยู่เกือบ 10 นาทีระบบก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติมออกมาอีก เธอจึงเลิกรอแล้วตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเดินออกไปสำรวจสถานที่แห่งนี้แทน   ที่นี่เป็นบ้านไม้สองชั้นมีขนาดหน้ากว้างประมาณ 5 เมตร และที่เธอยืนอยู่ในตอนนี้ก็คือชั้นล่างของบ้านที่น่าจะใช้ทำเป็นร้านค้ามาก่อน เพราะเธอมองเห็นชั้นวางของว่างเปล่าที่ถูกวางทิ้งไว้จนมีฝุ่นเกาะหนาอยู่เกือบสิบอัน และประตูหน้าบ้านที่มีขนาดใหญ่กว่าประตูบ้านทั่วไป   เมื่อเปิดประตูออกมาจากร้าน เธอก็เจอกับถนนสายหนึ่งขนาดกว้าง 3 เมตร ยาวออกไปประมาณ 5-6 เมตรลักษณะดูแล้วน่าจะเป็นซอยแยกออกมาจากถนนใหญ่ และด้านข้างของถนนเส้นนี้ที่เธออยู่ทั้งสองฝั่งเป็นกำแพงสูงเกือบ 3 เมตร ส่วนถนนใหญ่ที่ตัดผ่านหน้าทางเข้าเธอก็มองไม่เห็นว่ามีคนเดินผ่านไปมาเลยสักคนเดียว   พอเดินออกมาจากด้านในแล้วเธอหันกลับไปมองสภาพของบ้านด้านหลังก็เห็นเป็นบ้านกึ่งร้านค้าที่มีสภาพทรุดโทรมไม่ต่างไปจากด้านในที่เดินออกมาเลย จินเดินออกมาเรื่อยๆ จนมาถึงถนนใหญ่หน้าทางเข้าร้านและมองดูรอบๆ เห็นว่าร้านของเธอตั้งอยู่ด้านในซอยที่แยกออกมาจากถนนเส้นหลักที่มุ่งหน้าออกไปยังประตูทิศใต้ที่ใช้สำหรับเดินทางไปยังทางขึ้นหมายซาน   ซึ่งตรงถนนหน้าซอยเข้าร้านที่เธอยืนอยู่ในตอนนี้พอจะมองเห็นกำแพงและประตูเมืองทิศใต้ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตรได้ ในบริเวณนี้มีร้านค้าเปิดอยู่บ้างประปราย เพราะดูจากแสงเงาของพระอาทิตย์ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาบ่ายกว่าแล้ว ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่น่าจะขายพวกอาหารและสินค้าจำเป็นสำหรับคนที่ออกเดินทางไปหาสมบัติหรือล่าสัตว์อสูรที่ด้านนอกเมืองนั่นเอง   จินหันกลับไปมองดูร้านของตนเองอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งอยู่บนเส้นทางหลักแต่ถ้าหันมองเข้าไปก็จะเจอร้านของเธอที่ตั้งอยู่ค่อนข้างโดดเด่นพอสมควร แต่ว่าสภาพของร้านทรุดโทรมขนาดนี้เป็นเธอเองก็ไม่คิดจะเสี่ยงเดินเข้าไปเหมือนกัน   'ระบบร้านค้าไร้เทียมทานตรวจสอบพบเงื่อนไขของโฮสต์ที่ต้องมีร้านค้าเป็นของตนเองได้ทำสำเร็จแล้ว ขออนุญาตทำการติดตั้ง 'ร้านค้าไร้เทียมทาน' โฮสต์ตกลงหรือไม่'   'ตกลง' หลังจากที่ระบบเงียบหายไปนานหลายนาทีในที่สุดก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง จินจึงรีบเอ่ยตอบกลับไปในใจทันที เพราะตอนนี้เธอยังอยู่ที่ถนนหน้าทางเข้าร้าน เธอกลัวว่าถ้ามีใครมาเห็นจะคิดว่าเธอบ้าที่พูดคนเดียว และอีกอย่างเธอเชื่อว่าระบบสามารถใช้การพูดคุยในใจได้ มีโอกาสได้เป็นคนทะลุมิติก็ต้องมีสติปัญญาติดตัวมาไว้บ้าง   'โฮสต์เข้าใจได้ถูกต้องแล้ว ระบบร้านค้าไร้เทียมทานเป็นระบบที่ได้รับการพัฒนามาแล้ว โฮสต์สามารถทำการสื่อสารเพียงแค่คิดในใจ จากนี้จะทำการปรับปรุงร้านค้าใช้เวลา 30 นาที โปรดรอสักครู่...'   จินได้ยินที่ระบบตอบกลับมาก็ตัดสินใจไม่อยู่รอ แต่เดินไปยังร้านค้าที่อยู่รอบๆ เพื่อหาอาหารกิน เพราะตอนนี้ท้องของเธอมันกำลังส่งเสียงร้องครวญครางอย่างรุนแรง   "แม่นางรับอะไรดีครับ" จินเดินเข้ามาในร้านขายบะหมี่ที่อยู่ไม่ไกล เถ้าแก่พอเห็นมีคนเดินเข้ามาก็เอ่ยถามด้วยท่าทางเป็นกันเอง   "ขอบะหมี่เนื้อตุ๋นหนึ่งชาม" จินอ่านป้ายรายการอาหารที่แขวนอยู่แล้วจึงเอ่ยตอบกลับไป ซึ่งเธอก็ต้องรู้สึกแปลกใจเพราะภาษาที่เธอใช้และที่เถ้าแก่ร้านบะหมี่พูดหรือป้ายรายการอาหารทั้งหมดเป็นภาษาจีน แต่เธอกลับสามารถเข้าใจได้ทั้งหมด คิดว่าน่าจะเป็นเพราะร่างนี้ที่เป็นคนของแคว้นนี้จึงทำให้เธอสามารถพูด ฟัง และอ่านได้นั่นเอง   นั่งรอไม่นานบะหมี่เนื้อตุ๋นกลิ่นหอมก็ถูกวางลงตรงหน้าของเธอ จินลงมือจัดการกินบะหมี่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เหล่าคนที่อยู่ภายในร้านหรือที่เดินผ่านไปผ่านมากำลังมองเธอด้วยสายตาที่ตกตะลึงในความงดงามและให้ความสนใจตัวเธอมากแค่ไหน   หลังกินบะหมี่จนหมดชามและจ่ายเงินเรียบร้อย เธอยังเดินไปซื้อซาลาเปาที่ร้านข้างๆ เพื่อเอากลับไปกินเป็นมื้อเย็น จากนั้นก็เดินกลับไปยังซอยที่ตั้งร้านของเธอ เพราะตอนนี้ก็ครบตามเวลาครึ่งชั่วโมงที่ระบบแจ้งเอาไว้แล้ว   เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าซอยทางเข้าร้านเธอก็ต้องตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงที่ได้เห็น ทั้งสองข้างของทางเดินมีกระถางต้นไม้วางเรียงเอาไว้ไปตลอดทาง และยังมีเสาไฟสูงกว่า 2 เมตรอยู่ฝั่งละ 2 ต้นโดยตั้งที่ด้านหน้าซอยฝั่งละ 1 ต้นและที่กลางซอยอีกฝั่งละ 1 ต้น   และเรื่องแฟนตาซีเรื่องที่หนึ่งที่เธอได้รู้เมื่อมองไปที่เสาไฟก็คือที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้แต่มีแสงสว่างที่ได้มาจากหินตะวัน โดยตัวหินจะดูดซับแสงจากดวงอาทิตย์มาเก็บไว้และพอหมดแสงจากดวงอาทิตย์หินตะวันก็จะปล่อยแสงสว่างออกมาแทน คล้ายกับหลอดไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ในยุค 2000 โดยไม่ต้องทำการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมอะไรให้ยุ่งยาก และหินตะวันที่นี่ยังสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป   เมื่อตื่นตะลึงไปกับทางเข้าร้านแล้ว ก็มาถึงตัวของร้านค้ากันบ้าง จากร้านค้าที่เป็นบ้านไม้สองชั้นมีสภาพทรุดโทรมใกล้จะพัง ตอนนี้กลายเป็นร้านค้าสองชั้นที่ทำจากอิฐทาด้วยสีขาวทั้งดูงดงามและแข็งแรง ในส่วนของเสา คาน ขอบหน้าต่างของร้านก็ถูกทาด้วยสีแดงสดใส ด้านหน้าร้านทั้งสองฝั่งมีหน้าต่างบานใหญ่ที่ทำจากกระจกใส แต่พอมองเข้าไปด้านในร้านจะเห็นเพียงแค่เคาน์เตอร์สีขาวที่ตั้งอยู่ด้านในเท่านั้น ส่วนของประตูทางเข้าร้านก็ถูกทาด้วยสีแดงสดทั่วทั้งบาน และมีลวดลายหลันฮวาดอกใหญ่ที่วาดด้วยสีทองอยู่ที่กึ่งกลางบานประตูทั้งสองฝั่ง (หลันฮวา=ดอกกล้วยไม้)   ด้านหน้าประตูทางเข้าร้านยังมีส่วนของหลังคาที่ยื่นออกมาเพื่อใช้บังแดดและบังฝน บริเวณหน้าร้านด้านนอกที่ติดกับผนังของร้านมีเก้าอี้หินสีขาววางพิงกำแพงริมทางเดินไว้ทั้งสองฝั่งสำหรับให้ลูกค้าใช้นั่งรออยู่ด้านนอกได้   เมื่อสำรวจสภาพภายนอกร้านที่สวยงามและเป็นที่ถูกใจแล้ว จินก็ผลักประตูเข้าไปภายในร้าน ด้านในที่ได้เห็นก็งดงามไม่แพ้ด้านนอก ผนังของร้านถูกทาด้วยสีขาวตามขอบมุมทาด้วยสีแดง เมื่อหันหน้าเข้าในร้านฝั่งซ้ายมือจะมีชั้นวางของติดผนังที่ทำจากกระจกใสอย่างดีจำนวน 3 ชั้นเรียงกันอยู่ 3 อัน ฝั่งขวามือเป็นผนังโล่งมีโซฟาสีแดงขนาด 3 ที่นั่งและโต๊ะตัวเล็กตั้งอยู่   ด้านในร้านมีเคาน์เตอร์สีขาวที่มองเห็นได้จากด้านนอกสำหรับคิดเงิน และยังใช้แบ่งส่วนของด้านหลังร้านเอาไว้ เคาน์เตอร์มีขนาดหน้ากว้าง 0.6 เมตร ความยาว 1.5 เมตร ความสูง 1.2 เมตร ทำมาจากหินอ่อนสีขาวมีประตูที่เป็นบานสวิงทำจากไม้ทาสีแดงใช้สำหรับปิดเปิดทางเข้าออก ด้านหน้าเคาน์เตอร์มีป้ายไม้เนื้อดีขนาดประมาณ กว้าง 30 × ยาว 60 เซนติเมตรติดอยู่ บนป้ายเขียนตัวอักษรสีทองไว้ว่า 'ไร้เทียมทาน'   ในส่วนด้านหลังเคาน์เตอร์มีบันไดสำหรับขึ้นไปชั้นบน และมีบานประตูจำนวน 1 บานซึ่งหันออกมาทางหน้าร้าน และมีป้ายติดอยู่ที่หน้าประตู จินเดินผ่านประตูสวิงเข้าไปในส่วนด้านหลังของร้านหรือก็คือด้านหลังเคาน์เตอร์คิดเงิน โดยมีเก้าอี้สูงแบบมีพนักพิงวางไว้อยู่ 1 ตัว ส่วนป้ายหน้าประตูเขียนไว้ว่าห้องเก็บของ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วก็เห็นเพียงห้องว่างห้องหนึ่งไม่มีอะไรอยู่ในห้องนี้เลย   หลังจากสำรวจชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินขึ้นไปที่ชั้นสองซึ่งเป็นส่วนของที่พัก ชั้นสองมีลักษณะคล้ายคอนโดในยุค 2000 มีการแบ่งเป็น 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว และ 1 ห้องโถง เธอลองเปิดดูห้องนอนก็เห็นเตียงขนาด 3.5 ฟุตหนึ่งหลังมีฟูกนอน หมอน ผ้าห่ม และผ้าปูเตียงไว้เรียบร้อย ตู้เสื้อผ้า 1 ตู้ที่ด้านในก็มีชุดแขวนเอาไว้อยู่สิบกว่าชุด ซึ่งเป็นชุดผ้าไหมสีแดงเกินครึ่งและที่เหลือเป็นชุดผ้าฝ้ายสีอ่อน โต๊ะกระจกแต่งหน้าอีก 1 ตัวมีกล่องเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และอุปกรณ์สำหรับแต่งหน้าทั้งหมดอยู่ในกระปุกเครื่องแก้วจัดวางเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ   เมื่อสำรวจห้องนอนเรียบร้อยก็มาดูในส่วนของห้องครัว ที่มีอุปกรณ์สำหรับทำครัวเตรียมเอาไว้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเตาหินแบบใช้ถ่าน 2 เตา กระทะเหล็ก หม้อเหล็ก ถ้วย ชาม จาน ช้อนและตะเกียบ มีชุดโต๊ะสำหรับนั่งกินอาหารจำนวน 4 ที่นั่ง ในส่วนของห้องโถงก็มีโซฟาสีเทาขนาด 3 และ 2 ที่นั่ง โต๊ะเตี้ย พร้อมชั้นหนังสือขนาดเล็กที่มีหนังสือจัดเรียงเอาไว้อยู่อีกสิบเล่ม   เมื่อสำรวจทุกอย่างเรียบร้อยจินก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะต้องทำอะไรต่อไป เพราะระบบก็เงียบหายไปเลย เธอจึงไปนั่งที่ชุดโซฟาแล้วหยิบหนังสือออกมาอ่านฆ่าเวลา จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินหินตะวันที่ถูกติดตั้งเอาไว้ตามห้องเริ่มส่องแสงสว่างออกมา เธอจึงเอาซาลาเปาที่ซื้อไว้ออกมาอุ่นกินเป็นมื้อเย็น แล้วก็ไปอาบน้ำเข้านอนเพื่อรอให้วันพรุ่งนี้มาถึงต่อไป ********
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD