5

1517 Words
เสียงคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝังทำให้คนที่ทิ้งตัวลงนอนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างสูงเดินออกไปภายนอก มองท้องน้ำที่ไกลสุดลูกหูลูกตาอย่างเหม่อลอย ภาพบางอย่างวูบเข้ามาในสมอง เขาหลับตากุมศีรษะ รู้สึกปวดจนร้าวไปหมด “เฮียเป็นอะไรคะ” เสียงที่ดังขึ้นข้างตัวพร้อมมือบางจับประคองร่างที่เซเอาไว้ทำให้เขาหันไปมอง ภาพรางเลือนพวกนั้นก็จางหายไป “เมื่อกี้เหมือนเห็นภาพอะไรสักอย่าง แต่ปวดหัว” “อย่าคิดมากเลยค่ะ เดี๋ยวจะปวดหัวอีก” “ฉันอยากทำงาน เบื่อนอนเต็มทน” “ไม่ได้ค่ะ” “ทำไม” เสียงแข็งเอ่ยถาม พิมพ์รดาถอนใจพรืด สุริยันต์ก็ยังเป็นสุริยันต์ผู้เอาแต่ใจตัวเองเช่นเดิม ชอบให้คนอื่นทำตาม ไม่ชอบให้ใครขัดใจ แต่เขาก็ช่างอดทนรอจนเธอคลอดลูก มารยาหญิงยังไงก็ใช้ได้วันยังค่ำ เธออ้อนให้เขาดูแลเขาเลยหยุดอาละวาดไปหลายเดือน “ให้หายดีก่อนค่ะ หายแล้วอยากจะทำอะไรก็จะไม่ห้ามเลย” จริงๆ เขาหายดีแล้ว แต่เธอยังไม่อยากให้เขาออกไปไหนมาไหนตอนนี้ เพราะเกรงจะมีอันตราย “เป็นปีแล้วนะ ฉันแข็งแรงดีแล้ว” “แต่เฮียก็ปวดหัวบ่อย” “ไอ้ผัวของเมียน้อยฉันมันเป็นใคร” จู่ๆ เขาก็โพล่งถามออกมา ทำเอาพิมพ์รดาใบหน้าเหลอหลา นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เธอเคยประชดเขาว่าเขาไปมีเมียน้อยจนสามีอีกฝ่ายตามมายิงจนบาดเจ็บเสียโฉม แต่มันตั้งแต่เขาฟื้นและนานหลายเดือนแล้ว ความจำเขาโคตรดีจริงๆ “ทำไมคะ” เธอเลิกคิ้วขึ้นถาม มองเขาตาปริบๆ “ฉันหายดีแล้วจะไปยิงหัวมัน ผู้หญิงก็สำส่อน มีผัวอยู่แล้วยังจะมีชู้อีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน พิมพ์รดาเบนหน้าหนี กลั้นขำเอาไว้สุดฤทธิ์สุดเดช   เออแน่ะ! แล้วไม่คิดบ้างเลยเหรอว่าเรื่องที่ตัวเองพูด ตัวเองก็ไปเป็นชู้กับเมียเขา แต่เธอก็ไม่น่าไปโกหกเขาเลย ให้ตายดิ้นสิ! ถ้าเขาอยากจะไปเอาเรื่องผู้ชายคนนั้นขึ้นมาจริงๆ เธอจะตอบว่าอย่างไรดีล่ะ ก็ต้องโกหกอีกตามเคย “ขำอะไร” เสียงแข็งเอ่ยถาม ทำเอาพิมพ์รดาสะดุ้งโหยง แน่ะ! ตาดีอีก พิมพ์รดากลั้นขำ หันมาทำหน้าขรึมๆ เหมือนโกรธ “จะมีปัญญาอะไรไปยิงเขา ผู้ชายคนนั้นไล่ยิงเฮียจนหมดสภาพ พักรักษาตัวอยู่นานเป็นปีกว่าจะหาย นี่ก็ยังไม่ปกติเลย ยังปวดหัวและจำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม” “วันนั้นฉันคงพลาด” เขาเถียงคอเป็นเอ็น พิมพ์รดาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะทำหน้ายังไงดี คนไม่เคยยอมแพ้อะไรหน้าบึ้งตึง นี่ขนาดความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้ยังเป็นถึงขนาดนี้ “เฮียสัญญาได้ไหมว่าต่อไปนี้จะไม่เจ้าชู้ จะรักหยกและรักลูกคนเดียว” “เมื่อก่อนฉันไม่รักเธอหรือไง” เขาเลิกคิ้วขึ้น เท้าสะเอวมองนิ่ง ปวดหัวจนแทบระเบิดในเวลานี้ “หยกไม่รู้หรอก ตอบแทนเฮียไม่ได้ว่ารักหรือไม่รัก บางทีหยกก็ไม่เข้าใจเฮีย” อันนี้เธอตอบตามตรง ก่อนจะเดินหนี คนความจำเสื่อมเดินตาม ดึงแขนเอาไว้ รั้งไม่ให้เธอไป “ต่อจากนี้ไปฉันจะรักเดียวใจเดียว โอเคหรือยัง” เธอหันมามองอย่างแปลกใจ ก็ได้เห็นความจริงใจในดวงตาคู่นั้น “ถ้าเฮียความจำเป็นปกติ อาจจะไม่พูดแบบนี้ก็ได้” เธอเม้มปากเข้าหากัน “แล้วฉันยกย่องผู้หญิงคนอื่นหรือไง” เขาเอ่ยถาม เธอส่ายหน้าไปมา “ก็แสดงว่าไม่ได้จะเอาใครจริง” “ไม่เอาหยกจริงด้วย” เธอก้มหน้ามองพื้น “ไม่เอาจริงจะมีลูกหรือไง ถ้าไม่เอาจริงก็ต้องป้องกัน” “ก็หยก...” เธอชะงัก จะบอกเขาไปได้ยังไงว่าเธอเจาะถุงยางอนามัย แถมยังกินยาคุมไม่จริงอีก “ก็หยกอะไร” เขาเลิกคิ้วถาม ต้อนเธอให้จนมุม พิมพ์รดาขมวดคิ้ว ไอ้นิยามตามติดจิกเอาคำตอบอย่างเอาแต่ใจไม่หายไปจากนิสัย ทำไมสมองเสื่อมแล้วไอ้นิสัยพวกนี้ไม่หายไปด้วยนะ “ช่างมันเถอะ” “ไม่ชอบคำว่าช่างมัน” แม้จะความจำเสื่อมแต่สุริยันต์ก็คิดว่าเขาต้องได้คำตอบ เขาไม่ชอบอะไรคลุมเครือ ความรู้สึกของเขาคือความชัดเจน “เฮีย” “อะไร” “อดีตลืมมันไปก่อน ไม่ต้องพูดถึงใครอีก ตอนนี้รักษาตัวให้หายดีก่อน” “ก็ได้” เขาพูดเหมือนไม่ค่อยเต็มใจนัก คล้ายอยากถามอะไรเธออีกมากมายแต่ก็เงียบไป “เฮียเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา เป็นชาวประมง เป็นคนหาปลาอยู่ที่นี่เท่านั้น เฮียจำเอาไว้แค่นั้นก็พอ” พิมพ์รดาเดินหนี ปล่อยให้ร่างสูงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สุริยันต์เบนหน้าไปมองท้องทะเลเบื้องหน้าอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน รู้สึกหงุดหงิด รู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เขาเคยอยู่ มันช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย มื้อเย็นวันนั้นภรรยาของเขาทำอาหารมากมาย เขาไม่เคยคิดว่าจะทนอยู่บนเซฟเฮ้าส์นั่นได้นานเป็นปีๆ ด้วยเหตุผลว่าออกไปไหนไม่ได้เพราะมีคนตามฆ่า แต่มันก็ผ่านมาแล้ว อยู่กันมาได้นานนับปี อาหารทะเลมากมายที่ถูกปรุงอย่างดี กลิ่นหอมกรุ่นทำให้สุริยันต์บอกตัวเองทุกครั้งว่าภรรยาของเขาทำอาหารอร่อยมากแค่ไหน “ของโปรดเฮียทั้งนั้นเลย” เธอบอกเขา สุริยันต์มองปลาผัดขิง ต้มยำหม้อใหญ่ กุ้งทอดเกลือ และข้าวผัดปูแล้วน้ำลายสอ “อร่อย” เขาเอ่ยปากชม คนฟังถึงกับยิ้มกว้าง นานๆ เธอกับเขาจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้ แบบไม่ต้องมีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่เธอเข้ามาช่วยเขาดูแลกิจการอย่างเต็มตัว งานก็ยุ่งเหลือเกิน หัวถึงหมอนบางทีก็แทบจะหลับและมีหลายครั้งถึงกับหลับคาอ่างอาบน้ำจนเขาต้องอุ้มไปนอน “อร่อยก็ต้องกินเยอะๆ นะคะ” “อยู่ใกล้ทะเลก็ดีนะ มีอาหารทะเลสดๆ กิน” คนความจำเสื่อมได้ลิ้มรสชาติอาหารทะเลสดๆ ก็เอ่ยชม สุริยันต์มีนิสัยอยู่อย่าง เขาชอบกินอาหารที่ดีที่สุด สดๆ ใหม่ๆ และสะอาดสะอ้าน “ฉันหาปลาอย่างเดียวเหรอ” เขาเอ่ยถามเมื่อกินไปได้สักระยะหนึ่ง “ค่ะ” เธอตอบรับเสียงนุ่ม “แล้วเธอทำงานอะไร” “ทำปลาเค็ม ปลาแห้ง กุ้งแห้งขาย” “อ้อ...” เขาร้อง ก่อนจะขมวดคิ้ว เขาตักกับข้าวใส่จานให้เธอ พิมพ์รดาเงยหน้ามองอย่างสงสัย ก็เห็นความห่วงใยในแววตาคู่นั้น เธอรู้สึกว่าก้อนอะไรสักอย่างมันแล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอย มันตื้นตันระคนมีความสุขแปลกๆ หลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้น ทั้งสองก็นั่งพักผ่อนกันสักครู่ก่อนจะไปอาบน้ำอาบท่า พิมพ์รดามองคนตัวสูงที่นุ่งผ้าขาวม้ายืนอยู่ที่โอ่งอาบน้ำใบโต แล้วแทบหลุดขำกับท่าทีเก้ๆ กังๆ ของเขา “ทำไมฉันไม่คุ้นกับการอาบน้ำแบบนี้เลย” เขาบ่น “เฮียความจำเสื่อมนี่คะ” คนพูดดึงร่างสูงไปนั่งที่ม้านั่งใกล้โอ่งน้ำ เขาใช้มือสัมผัสน้ำในโอ่งแล้วสะดุ้ง “เย็นชะมัด” คนพูดมีท่าทีไม่ชอบใจนัก แต่ก็ยอมนั่งลงใกล้ๆ โอ่งน้ำใบใหญ่ เป็นโอ่งลายมังกรลวดลายแปลกตา ดูก็รู้ว่าเป็นของเก่าแก่ เขามองมันอย่างสนใจ เธอพาสุริยันต์มาอยู่ที่นี่เพราะคิดว่าจะไม่มีใครหาเจอ ที่นี่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของมารดาผู้ล่วงลับไปแล้ว “อาบสิคะ” พิมพ์รดาบอกอีกฝ่ายหลังจากวางสบู่ก้อนลงตรงหน้า “อาบให้หน่อยสิ” เขาเงยหน้าบอกเธอเหมือนเด็กตัวโตเอาแต่ใจ พิมพ์รดาไม่พูดว่ากระไร ค่อยๆ ราดน้ำที่เท้าของเขาก่อนเพื่อให้คุ้นชินกับอุณหภูมิของน้ำ แล้วใช้มือฟอกสบู่ลงบนเท้าใหญ่ๆ ของเขาอย่างใส่ใจ คนความจำเสื่อมมองอย่างอึ้งๆ ทอดสายตามองการกระทำที่ไม่มีท่าทีรังเกียจของเธอเงียบๆ เธอค่อยๆ ราดน้ำที่ตัวของเขา ตั้งแต่ลำคอลงไปยังเท้า มือนิ่มใช้ฟองน้ำถูตัวให้เบาๆ กลิ่นของสบู่ก้อนหอมกรุ่นแตะจมูก เขานั่งมองเธอตาปริบๆ พิมพ์รดาถูหลังให้เขาแล้วอมยิ้ม สุริยันต์นั่งเงียบกริบไม่ดื้อไม่บ่นอะไร ซึ่งปกติหากไม่ชอบใจอะไรก็จะอาละวาดจนน่าหาไม้เรียวมาตีสักสิบยี่สิบที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD