8

1548 Words
“แม่กับพ่อโดนมันฆ่าตาย ผมจะแก้แค้น คอยดูว่าผมจะไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่!” สุริยันต์ตรงเข้ากอดศพของมารดาเอาไว้อย่างน่าเวทนา เกื้อกับนุชนารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ลำคอของคนทั้งสองแห้งผากตีบตันไปหมดเมื่อเห็นการตายที่สุดแสนอนาถของพี่ชายกับพี่สะใภ้ “ไอ้เสี่ยพงศ์ไอ้เลวนั่นมันฆ่าพ่อแม่ผม ผมจะไปฆ่ามัน ผมจะไปฆ่ามัน ฮือ ๆ ๆ” สุริยันต์บอกผู้เป็นอาเสียงสั่น ก้าวเดินออกจากบ้านด้วยความคั่งแค้นใจ “ใจเย็นๆ ก่อนนะยันต์ ตอนนี้ยันต์ยังทำอะไรมันไม่ได้” “ปล่อยผม ผมจะไปฆ่ามัน ไอ้เลวไอ้สารเลว ผมจะไปฆ่ามัน ฮือ ๆ ๆ” สุริยันต์ร้องไห้โฮ อาละวาดจนหมดแรง เกื้อกอดรัดร่างหลานชายเอาไว้แน่นอย่างเวทนา “ไปอยู่กับอานะยันต์ เรื่องแก้แค้นเอาไว้ยันต์โตกว่านี้ถึงค่อยจัดการ ตอนนี้เราสู้พวกมันไม่ได้หรอก” เกื้อนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าหลานชาย ตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ “ทำไม” สุริยันต์ถามเสียงเข้ม “เรายังเด็ก จะแก้แค้นต้องแข็งแกร่งกว่านี้ ลำพังอายังสู้มันไม่ได้เลย ดูสภาพพ่อกับแม่เราสิ” ถ้าสู้กับสรพงศ์ตอนนี้ก็เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง “แจ้งตำรวตสิครับ ทำไมไม่แจ้งตำรวจ” “ตำรวจทำอะไรมันไม่ได้หรอก” “ไม่จริง” เด็กชายวัยสิบขวบตะโกนลั่นบ้าน กอดศพมารดาร่ำไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด “ถ้าไม่เสียใจจริงๆ อย่าร้องไห้อีกจำเอาไว้ เกิดเป็นลูกผู้ชายต้องอดทน อาจะสอนทุกอย่างให้ยันต์ ทั้งวิชาการต่อสู้ทุกรูปแบบ ทั้งการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ ไปอยู่กับอากับแดนนะ ต่อไปยันต์คือลูกชายคนโตของอากับอานุช” เกื้อมองหลานชายร้องไห้แล้วตบไหล่เบาๆ เขาไม่อยากให้สุริยันต์อ่อนแอ เพราะความหวังของเขาอยู่ที่สุริยันต์และแดนตะวัน แดนตะวันคือลูกชายคนเดียวของเขาที่เป็นลูกของญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว เขากับนุชนารถไม่มีลูกจึงอุปการะแดนตะวันเป็นลูก เพื่อให้อีกฝ่ายสืบทอดกิจการของครอบครัว แดนตะวันจะเป็นเด็กน้อยวัยแบเบาะอายุได้เพียงขวบเดียว แต่ก็น่ารักสดใสและซนพอสมควร “ครับ ผมจะไปอยู่กับอาเกื้อ” สุริยันต์มองศพของบิดามารดาที่ถูกหามออกไปขึ้นรถหลังจากตำรวจมาเคลียร์สถานที่เกิดเหตุแล้วสรุปว่าโดนฆ่าชิงทรัพย์ เกื้อกับนุชนารถแค้นใจเป็นอันมาก ที่คดีถูกปิดไปอย่างรวดเร็วและคนผิดก็ลอยนวลไปอย่างง่ายดาย สุริยันต์นั่งอยู่หน้าหีบศพของบิดามารดาด้วยอาการสงบนิ่ง เขาทอดสายตามองรูปถ่ายหน้าศพของบุพการีด้วยความเจ็บแค้น ก่อนที่เขาจะเห็นคนที่ฆ่าบิดามารดาของเขาโผล่มาที่งาน “ไอ้เลว ไอ้สารเลว มึงฆ่าพ่อแม่กู มึงฆ่าพ่อแม่กู กูจะฆ่ามึงซะ” เด็กชายวิ่งเข้าใส่เพื่อจะเตะต่อย เกื้อกับนุชนารถรีบเข้าไปดึงร่างของหลานชายเอาไว้ “ยันต์เข้าใจลุงผิดหรือเปล่า ลุงไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยเลย” สรพงศ์ปฏิเสธ ทำท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ แบมือขึ้นข้างตัว “มึงอย่ามาตอแหล มึงเป็นคนทำ มึงเป็นคนฆ่าพ่อแม่กู กูจะฆ่ามึงซะ ไอ้เลวไอ้สารเลวเอ๊ย!” สุริยันต์ดิ้นรนแต่เกื้อจับตัวเอาไว้แน่น พยักหน้าให้ลูกน้องมาช่วยด้วย สุริยันต์เป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ แต่แรงมหาศาลด้วยว่ากำลังคั่งแค้นเป็นที่สุด “ใจเย็นๆ ก่อน ยันต์ใจเย็นๆ ก่อน” เกื้อพยายามปรามหลานชาย “มันฆ่าพ่อแม่ผม จะให้ผมใจเย็นได้ยังไง แจ้งความจับมันเข้าคุกเลย” “เธอเห็นเหรอว่าฉันฆ่าพ่อแม่เธอ ฉันเป็นคนยิงเหรอ” “ก็ลูกน้องมึงไง ไอ้เลว ไอ้สารเลว มึงกับกูอย่าอยู่ร่วมโลกกันเลย” “ลูกน้องคนไหนเหรอ ลุงไม่เห็นรู้เลย” สรพงศ์ยกมือขึ้นแบข้างตัวเอ่ยถามด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาท “ไอ้ชาติหมา ไอ้ชาติชั่ว” สุริยันต์แค้นใจจนแทบกระอักเลือดตายเมื่อเห็นท่าทีของมัน “ยันต์หยุดนะ” เกื้อตวาดหลานชาย เพราะในตอนนี้มันไม่สามารถเอาผิดสรพงศ์ได้เลย “ฉันขอไปจุดธูปไหว้ศพเพื่อนรักหน่อยนะ” “ที่นี่ไม่ต้อนรับเสี่ยหรอก กลับไปเสียเถอะ อย่าคิดนะว่าผมไม่รู้ว่าเสี่ยทำอะไรเอาไว้บ้าง ผมไม่มีทางปล่อยให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ของผมตายฟรีแน่ๆ” เกื้อเดินเข้าหาพูดเสียงเหี้ยมเกรียมดุดัน สรพงศ์หัวเราะร่วนไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลยแม้แต่น้อย เขาเดินออกไปจากงานศพแบบไม่ทุกข์ร้อน ก่อนที่รูปของสุพลจะหล่นลงมากระแทกกับพื้นเต็มแรง เพราะจู่ๆ ก็เกิดลมพายุหย่อมๆ พัดเข้ามาในศาลาสวดศพ สรพงศ์หยุดหัวเราะก่อนจะรีบก้าวขึ้นรถตู้ สีหน้าของสรพงศ์กระตุกและมีแววดุดันขึ้นมาในทันที “กูบอกมึงให้ฆ่ามันให้หมดทั้งโคตร มึงปล่อยให้ลูกมันรอดมาได้แบบนี้ คิดเหรอว่ามันจะไม่แก้แค้น” สรพงศ์ด่าลูกน้องอย่างหงุดหงิดใจ “เด็กตัวแค่นั้นจะไปทำอะไรได้ เราค่อยหาทางฆ่ามันก็ได้นี่ครับเสี่ย” “มันจะให้เราเดินอาดๆ เข้าไปยิงหัวมันได้ง่ายๆ ไอ้เกื้อมันคงระวังตัวแจ มึงคิดเหรอว่ามันจะยอมให้ตามไปฆ่ามันรอบสองได้ ไอ้หน้าโง่เอ๊ย!” สรพงศ์ด่าด้วยความโมโห ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในรถเขาเตะยอดหน้าพวกมันไปแล้ว “กูสอนมึงหลายครั้งแล้วใช่ไหม จะทำอะไรต้องตัดรากถอนโคน ไม่งั้นมันจะเป็นเสี้ยนหนามกับเราต่อไปในภายภาคหน้า” สรพงศ์พูดด้วยใบหน้ากระตุก น้ำเสียงและดวงตาเหี้ยมเกรียม “แค่เด็กคนเดียวผมจัดการเองครับ” “มึงอย่าประมาทว่ามันแค่เด็ก” สรพงศ์มีสีหน้าเคร่งเครียด “ดูเสี่ยจะกังวลเรื่องไอ้เด็กนั่นจริงๆ นะครับ” “มึงไม่รู้อะไร กูกับพ่อของมันเคยไปดูดวงเอาไว้ หมอดูทักว่าเด็กนั่นต่อไปจะเป็นใหญ่เป็นโต มีฐานะร่ำรวย มีข้าทาสบริวารมากมาย” “แล้วมันเกี่ยวอะไรกันครับ” “มึงนี่หน้าโง่จริงๆ ถ้ามันเป็นแบบนั้น มันจะปล่อยกูเอาไว้เหรอไงวะ กูฆ่าพ่อแม่มัน มึงนี่มันโง่จริงๆ เลย” “ผมจะหาทางจัดการมันเองครับ” “มึงจัดการมันให้ได้ก่อนค่อยมาพูด กูสังหรณ์ใจว่ามันไม่ง่ายอีกต่อไปแล้ว” สรพงศ์มองออกไปนอกรถอย่างหงุดหงิดใจ ถ้าจะจัดการใครก็ต้องจัดการให้สิ้นซาก ไม่อย่างนั้นมันจะกลับมาแว้งกัดภายหลัง ทางด้านเกื้อ เขาเดินไปหยิบรูปภาพของพี่ชายขึ้นมาวางไว้ที่เดิม สายตาคมเข้มมองรูปภาพนั้นนิ่งก่อนจะพูดบางอย่างออกมา “ผมสัญญาต่อหน้าหีบศพของพี่ ผมจะต้องจัดการไอ้เสี่ยพงศ์ให้ได้ ผมจะเลี้ยงสุริยันต์เหมือนลูกชายคนหนึ่งของผม พี่กับพี่ลดาไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ลมพายุที่พัดเข้ามาในศาลาจนข้าวของปลิวไปรอบตัวสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ “ไม่ใช่ว่าอาจะไม่จัดการมัน แต่เราต้องรอจังหวะก่อน บางทีเราต้องเก็บความแค้นเอาไว้ในใจ ถ้าเรายังไม่แข็งแรงพอที่จะสู้ก็จงสงบจิตสงบใจเอาไว้ก่อน สักวันโอกาสต้องเป็นของเรา” เกื้อนั่งยองๆ ลงตรงหน้าหลานชาย ก่อนจะบีบบ่าของอีกฝ่ายเบาๆ ดวงตาของสุริยันต์แดงก่ำด้วยความเจ็บแค้น “ครับอาเกื้อ” “ต่อไปนี้ยันต์คือลูกชายของคนโตของอา ต้องดูแลน้อง ดูแลแดน เข้าใจไหม” สุริยันต์พยักหน้าให้ผู้เป็นอา หลังจากงานศพของบิดามารดา สุริยันต์ก็เข้ามาเป็นลูกชายอีกคนของเกื้อและนุชนารถ เกื้อรู้ดีว่าพี่ชายสอนวิชาการป้องกันตัวและการต่อสู้ให้หลานชายเพราะไม่อยากให้ใครรังแก เขาต้องดำเนินรอยตาม เลี้ยงสุริยันต์ให้เข้มแข็งและดูแลตัวเองได้ รวมถึงรักน้องและรักครอบครัว สุริยันต์ตื่นเช้ามาวิ่งออกกำลังทุกวัน ในขณะที่เกื้อบอกหลานชายให้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของเสริมศักดิ์ ท่านเป็นครูมวยที่มีชื่อเสียงและเก่งกาจแต่กลับไม่รับศิษย์ง่ายๆ “ยันต์ต้องไปฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์เสริมศักดิ์ให้ได้นะลูก” เกื้อตบบ่าหลานชายเบาๆ “ทำไมถึงบอกว่าต้องไปฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์เสริมศักดิ์ให้ได้ด้วยครับ” สุริยันต์เอ่ยถามผู้เป็นอาอย่างสงสัย ท่านพูดเหมือนอาจารย์เสริมศักดิ์จะไม่รับเขาเป็นศิษย์อย่างนั้นแหละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD