ขายเนื้อสด

1541 Words
มนสิชากำลังยื่นรดน้ำต้นไม้อยู่ เมื่อเห็นรถกระบะของพ่อแล่นเข้ามาภายในบ้าน เธอรีบทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งไปหาพ่อทันที       “วันนี้พ่อมีอะไรมาฝากม่อนจ๊ะ” คำถามที่หญิงสาวถามทุกครั้ง เมื่อบิดาของเธอกลับมาจากทำงาน        ศรันย์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เดิมทีครอบครัวเล็กๆ ของมนสิชาจัดว่ามีเงิน แต่เมื่อมะลิจากไปเพราะโรคร้าย ศรันย์แต่งงานใหม่กับวิจิตรา ภรรยาคนปัจจุบันซึ่งชอบแอบเอาเงินไปเล่นไพ่ เมื่อศรันย์รู้ จึงพยายามปรามแต่กลับกลายเป็นว่าทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน จนเดี๋ยวนี้วิจิตราติดไพ่หนักเรียกได้ว่ากู่ไม่กลับแล้ว ศรันย์จึงเป็นคนเก็บเงินไว้เอง ให้ใช้จำกัดในแต่ละวัน แต่กระนั้นการเงินของบ้านก็ร่อยหรอลงมาก มากซะจนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินหรือมีใครเจ็บป่วยขึ้นมา จะหาเงินที่ไหนเป็นค่าใช้จ่าย         “บะหมี่เกี๊ยวที่หนูชอบไง” ศรันย์ส่งถุงบะหมี่ให้มนสิชา        หญิงสาวรับมาและยกถุงขึ้นดู “อ้าวพ่อ.. ทำไมมีสองถุง”        “แม่เขาบอกว่าวันนี้มีธุระ ให้กินข้าวเย็นก่อนเลย ไม่ต้องรอ ไม่ต้องเผื่อ”        “อ๋อ..”          ตั้งภาณุเกียรติกรุป        วิจิตราเริ่มหงุดหงิด ด้วยว่ามานั่งรอประธานบริษัทที่คนในวงไพ่บอกว่าเป็นเศรษฐีใหญ่ชอบกินเด็กหลายชั่วโมงแล้ว แต่เขาไม่ยอมให้เข้าพบซะที ถามเลขาฯ หน้าห้อง คำตอบแต่ละครั้งก็เหมือนเดิม..        ..ท่านประธานยังไม่สะดวกค่ะ ถ้าท่านประธานสะดวกแล้วดิฉันจะมาแจ้งนะคะ        แต่เหมือนกับการที่นางรอมานานจะไม่สูญเปล่า เพราะเลขาฯ คนเดิมมาบอกนางว่า        “เชิญที่ห้องท่านประธานได้เลยค่ะ”        เมื่อวิจิตราได้ยินดังนั้น นางแทบจะวิ่งไปที่ห้องของท่านประธานทันที เงินก้อนโตที่ปรารถนาอยากจะได้ เหมือนกับมันใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว        ประตูบานใหญ่ที่มีป้ายหน้าห้องสลักชื่อ ‘ดนย์ ตั้งภาณุเกียรติ’ ถูกเปิดออก เผยให้เห็นภายในห้องตกแต่งไว้อย่างหรูหรา เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่ละชิ้นบอกยี่ห้อของมันทันทีว่าต้องเป็นของดีมีราคา        “นั่งก่อนสิ”        วิจิตรามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทีแรกนางคิดว่าประธานบริษัทที่คนในวงไพ่ลือกันว่าชอบควงเด็กสาวหน้าตาดี จะเป็นตาแก่พุงพลุ้ย แต่นี่ไม่ใช่เลย เขายังหนุ่ม อายุอานามน่าจะอยู่ที่เลขสาม รูปร่างสูงโปร่งดูสมส่วน หน้าตาหล่อเหลาคมคาย ประกอบกับท่าทางที่สุขุมสมกับเป็นนักธุรกิจหมื่นล้าน ยิ่งเพิ่มความดูดีให้ชายหนุ่ม คิดถึงตรงนี้แล้วนางก็เสียดายเหลือเกินที่เกิดไวไปหน่อย ไม่อย่างงั้นคงจะยอมพลีกายถวายตัวให้หนุ่มหล่อตรงหน้าแทนที่จะเอาลูกเลี้ยงมาเสนอขายเป็นแน่        “มีอะไร ผมให้เวลาคุณห้านาทีในการพูดธุระ”        เมื่อเห็นว่าเวลามีจำกัด วิจิตราจึงเข้าเรื่องโดยไม่อ้อมค้อม“ฉันมีเรื่องมาเสนอให้คุณ”        วิจิตรายื่นโทรศัพท์ที่เปิดหน้าจอโชว์รูปของหญิงสาวคนหนึ่ง ดนย์มองผ่านๆ ก็จำได้ทันทีว่าเป็นเด็กสาวที่ตนให้คำนิยามสั้นๆ ว่าใจแตกที่เขาเจอเมื่อบ่ายวันนี้        “เด็กคนนี้เป็นลูกเลี้ยงของฉันเอง พึ่งจบมัธยมปลาย ฉันกับพ่อของยัยม่อนไม่มีปัญญาที่จะส่งเสียเลี้ยงดูมันต่อ ถ้าคุณจะกรุณาเด็กมัน ฉันอยากจะขอร้องให้คุณช่วยอุปการะลูกเลี้ยงของฉัน”  ดนย์มองหน้าหญิงวัยกลางคนที่มาเสนอ 'ขายเนื้อสด' ให้เขาถึงบริษัท “แล้วลูกเลี้ยงของคุณยอมเหรอ ดูๆ แล้วเขาน่าจะเด็กกว่าผมหลายปีเลยนะ”        “โอ๊ย! เด็กนี่มันรักสบายจะตาย ให้เรียนก็ไม่ตั้งใจเรียน ถ้าไม่มาอยู่กับคุณ มันก็วิ่งโร่หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับผู้ชายอยู่ดี อีกอย่างนะ คุณยังไม่ได้แก่ซะหน่อย ยังหนุ่มยังแน่น” วิจิตราพูดพลางชม้อยชม้ายสายตาให้ชายหนุ่ม        “แล้วค่าตัวลูกสาวคุณเท่าไหร่?”        เมื่อเห็นเขาเข้าเรื่องที่นางต้องการพูดมากที่สุด วิจิตราก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “หนี้ที่ฉันเคยยืมไว้กับบริษัทคุณ ฉันขอให้มันเป็นศูนย์ และฉันขอเงินสดอีกห้าแสน”        ดนย์มองแม่เลี้ยงหน้าเลือดตรงหน้าแล้วแอบแสยะยิ้มสมเพชให้กับความเห็นแก่เงินของนาง ปกติแล้วเขาไม่นิยมเด็กสาวๆ ที่ควงอยู่ก็อายุใกล้กันทั้งนั้น ด้วยว่าไม่อยากมีปัญหาจู้จี้จุกจิกตามมา แต่ครั้งนี้เขาเองก็อยากลองเหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง        เด็กใจแตก แลกกับเศษเงินแค่ไม่กี่บาท คุ้ม!        “ตกลง”          เสียงลูกบิดประตูห้องทำให้มนสิชาที่กำลังง่วนอยู่กับการอ่าน หนังสือสอบ เงยหน้าขึ้นมาดู หญิงสาวเห็นแม่เลี้ยงของเธอที่เหมือนจะถอดแบบมาจากแม่เลี้ยงในละครหลังข่าวเป๊ะๆ เจ้าหล่อน นึกแปลกใจที่วันนี้แม่เลี้ยงที่เกลียดขี้หน้าเธอนักเกลียดขี้หน้าเธอ หนา แต่กลับเข้ามาหาถึงในห้องนอน แถมยิ้มหวานให้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน        โลกแตกแน่ๆ งานนี้        “ฉันขอคุยด้วยหน่อยสิ”        “ค่ะ”        “จบ ม.หก แล้วสินะ”        “ค่ะ”        “แล้วจะเอายังไงกับชีวิตต่อ”        “เดือนหน้าก็สอบเข้าหา' ลัยแล้ว ตอนนี้ก็กำลังท่องหนังสืออยู่ค่ะ”        “ม่อน... ฉันอยากจะบอกว่า ฉันน่ะรักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่งนะ”        มนสิชาถึงกับไปไม่เป็น เมื่อจู่ๆ แม่เลี้ยงที่ต่อหน้าพ่อเธอดีแสนดี แต่ลับหลังร้ายเธอยังกับแม่มด ตอนนี้นางมาบอกรักบอกเอ็นดู หญิงสาวไม่ได้เชื่อเลยสักนิด        “ค่ะ”        “เธอรู้ดีใช่ไหมว่าตอนนี้การเงินบ้านของเราเป็นยังไง พ่อเธอก็ป่วยกระเสาะกระแสะ หาเงินไม่ได้มากๆ เหมือนแต่ก่อน การเรียนมหา’ ลัยของเธอต้องใช้เงินเยอะ”        “ค่ะ หนูรู้ หนูคงไม่รบกวนทางบ้านมากหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูจะหารายได้เสริมมาช่วยส่งตัวเองเรียนอีกแรง” ถึงวิจิตราจะไม่มาพูดกับเธอแบบนี้ เธอก็ตั้งใจที่จะหางานพิเศษทำเพื่อแบ่งเบาภาระของศรันย์อยู่แล้ว วิจิตราพูดถูก ตอนนี้ร่างกายของพ่อไม่ได้แข็งแรงเหมือนแต่เก่าก่อน สามวันดีสี่วันไข้ จนบางครั้งก็อดกังวลไม่ได้เหมือนกันว่าพ่อของเธอจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า หญิงสาวพยายามจะพาไปหาหมอ แต่ไม่ว่าจะพูดเช่นไร ผู้เป็นบิดาก็ไม่ยอมไปกับเธอ        “โอ๊ย! ไม่ต้องไปทำงานที่ไหนให้เหนื่อยหรอกจ้ะ ฉันหาลู่ทางไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว”        คิ้วของมนสิชาขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยินแม่เลี้ยงของเธอพูดเช่นนั้น ลางสังหรณ์ของหญิงสาวบอกทันทีว่าการทำตัวดีแปลกๆ ของแม่เลี้ยงในวันนี้ ต้องมีเรื่องที่ไม่ดีซ่อนอยู่แน่ๆ        “ลู่ทาง..อะไรเหรอคะ?”        “ฉันหาผู้อุปการะให้เธอ เขาเป็นเศรษฐี รวยเป็นหมื่นล้านเชียวนะเธอเอ๊ย”        มนสิชาได้ฟังสิ่งที่แม่เลี้ยงของเธอพูดออกมา ต่อมอารมณ์ของหญิงสาวพุ่งขึ้นทันที “นี่คุณจะเอาหนูไปขายเหรอ!!”        “อย่าพูดอย่างงั้นสิ ฉันอยากให้เธอสบายนะ” วิจิตราพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็นที่สุด เพราะตอนนี้มนสิชาเป็นเหมือนดั่งถุงเงินถุงทองของนาง        “หึ! หนูหรือคุณกันแน่ที่อยากสบาย คุณเห็นหนูเป็นอะไร ถึงเร่เอาไปขายให้คนอื่น หนูจะบอกคุณให้นะ หนูยอมแลกแรงกาย ดีกว่าเอาตัวเข้าแลกกับเศษเงินของเศรษฐีตัณหากลับพวกนั้น”        “อย่าเรื่องมากได้ไหม ที่ฉันทำทั้งหมดนี่ เพื่อเธอนะ” วิจิตราเริ่มมีน้ำโห เพราะนางอุตส่าห์มาเกลี้ยกล่อมตั้งนานแต่มนสิชาดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆ นางรู้ดีว่ามนสิชาที่ดูภายนอกเป็นคนหัวอ่อน แต่ภายในของหญิงสาวนั้นแข็งและดื้อดึงเพียงใด        “ออกไป!! ก่อนที่หนูจะหมดความอดทน”        “ทำไม! เธอจะทำอะไรฉัน”        “ไม่รู้ แต่ถ้าหมดความอดทนขึ้นมาเมื่อไหร่ เดี๋ยวตอนนั้นก็จะได้รู้เองว่าหนูจะทำอะไร” มนสิชาพึ่งเข้าใจสำนวนที่บอกว่า ‘โกรธจนเลือดขึ้นหน้า’ ว่ามันเป็นยังไงก็วันนี้นี่เอง สมองและหัวใจที่สั่งให้เป็นปรปักษ์กับแม่เลี้ยง ส่งผลให้ร่างกายลุกขึ้นและเดินตรงเข้าไปหานางที่ยืนอยู่ใกล้ประตูห้อง        วิจิตราเห็นมนสิชาเดินย่างสามขุมเข้ามา จึงรีบถอยหลังและเดินออกไป เพราะนางก็นึกกลัวๆ เหมือนกัน ถ้ามนสิชาคิดจะทำอะไรขึ้นมา แรงคนอายุมากอย่างเธอหรือจะไปสู้แรงเด็กสาวแบบแม่นั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD