ผมเกือบจะกระหยิ่มยิ้มอย่างผู้ชนะแล้ว ทว่าเนวิลล์กลับพุ่งเข้ามาฟาดสันมือลงบนต้นคอของผม ความปวดแปลบแล่นพล่านไปทั่วร่างจนผมมึนงงไปชั่วขณะ และก่อนที่ผมจะตั้งหลักได้ แขนของผมก็ถูกดึงไปอีกครั้ง แต่ไม่ได้ถูกดึงไปฉีดยาแต่อย่างใด ทว่าถูกดึงไปจับพลิกไพล่หลัง แล้วเนวิลล์ก็ใช้ตัวโถมทับลงมาให้ผมก้มลง ความเจ็บปวดทวีเพิ่มขึ้นไปอีกจนผมร้องโอยออกมา
“โอ๊ย... เจ็บ ๆ ๆ ยอมแล้ว ยอมให้ฉีดแล้ว...” ผมแทบจะไม่มีเสียงร้องขอชีวิตด้วยความเจ็บมันแผ่ซ่านจนแทบจะควบคุมร่างกายตัวเองไว้ไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ผมได้ยินเสียงเย็น ๆ จากเนวิลล์ดังขึ้นมาข้างหูดุจกับเสียงมัจจุราชที่พร้อมจะกระชากวิญญาณผมก็ไม่ปาน
“สายไปแล้ว ไบรอัน บรู๊ค...”
“โอ๊ย!”
ผมแหกปากร้องลั่นรถถังแทบจะทันทีที่สิ้นเสียงของเขา
ทำไมน่ะเหรอ...
ก็หมอนั่นเอาเข็มฉีดยาจิ้มบั้นท้ายผมเต็มแรงเลยน่ะเซ่! ไหนบอกว่าให้ฉีดที่ข้อพับแขนยังไงกันเล่า!
พอจัดการกับผมได้เรียบร้อย เนวิลล์ก็ถอยกลับออกมานั่งที่เดิม ถอดเข็มออกจากตัวกระบอกฉีดแล้วเก็บลงกล่องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่ผมค่อย ๆ บิดตัวกลับมานั่งให้เป็นปกติที่สุด พลางร้องโอดโอยกับความปวดระบมที่แล่นพล่านไปทั่วตัว
“บอกแล้วว่าอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ร็อบบ์หัวเราะร่วนทันทีที่เห็นใบหน้าเหยเกของผม
ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้ที่เตือนมันคือเรื่องนี้!
ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจเสียงหัวเราะที่ดังลั่น เหลือบมองเนวิลล์ที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างเคือง ๆ ให้ตายเถอะ เห็นตัวกว่าผมอย่างนี้ ใครจะไปรู้ว่ามือหนักเป็นบ้า
“มองอะไร หรืออยากจะโดนอีกเข็ม”
พอโดนผมมองนาน ๆ เข้า เนวิลล์ก็เปรยขึ้นมาโดยไม่มองหน้าผมแม้แต่น้อย ผมยังคงจ้องเขาอยู่และสังเกตเห็นในตอนนี้นี่เองว่าที่ต้นคอด้านซ้ายของเขามีรอยสักเป็นตัวอักษรอยู่ แต่ไม่ทันจะได้รู้ว่าคือตัวอะไร เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วแสยะยิ้มเย้ยให้ สาบานได้เลยว่ารอยยิ้มบนหน้าหล่อ ๆ ของเขาเป็นรอยยิ้มที่กวนเส้นประสาทเท้าของผมมาก นี่ถ้าผมได้เจอกับเขาตอนไวรัสซียังไม่ระบาดล่ะก็ ป่านนี้ผมคงไม่รอช้า ท้าขึ้นเวทีมวยปล้ำไปเรียบร้อยแล้ว
“เนวิลล์นี่ตัวอันตราย อย่าได้คิดแหยมเชียว ไม่งั้นหมอนั่นอาจจะไม่หยุดแค่เอาเข็มจิ้มก้นนายแน่นอน” ร็อบบ์แกล้งกระซิบข้างหูผม ให้ผมได้มองหน้าเขาอย่างไม่สบอารมณ์
นี่จะมาขู่กันเพื่อ?! อย่างกับรู้ว่าผมคิดอะไรอย่างนั้นแหละ
หนำซ้ำ เนวิลล์ยังตอกย้ำคำพูดของร็อบบ์โดยการคว้าปืนขึ้นมาขัดไปมา พลางชำเลืองมองผมแล้วยิ้มเผล่
ให้ตายเถอะ ไม่มองก็ได้ อย่างน้อยผมก็ยังรักชีวิต ยังไม่อยากตายตอนนี้
ผมละสายตาออกจากเนวิลล์ ก่อนจะรู้สึกร้อนวูบวาบในร่างกายขึ้นมาอย่างประหลาด เดาได้ว่าต้องเป็นฤทธิ์ของยาต้านไวรัสที่ทำปฏิกิริยากับไวรัสในร่างกายผมแน่ ๆ มันร้อนราวกับถูกไฟเผา จนเหงื่อกาฬผมเริ่มไหลอาบทั่วร่าง หัวผมมึนงงขึ้นมาอีกครั้งจนผมแทบทรงตัวไม่อยู่ ผมกำมือแน่น ก้มหน้านิ่ง พยายามบังคับตัวเองให้ดูนิ่งและปกติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จนกระทั่งแพทริกขับรถถังเข้าใกล้บริเวณกำแพงเขตควบคุมโรคขึ้นเรื่อย ๆ
“นายโอเคมั้ย” ท่าทางผิดปกติของผมทำให้ร็อบบ์เอ่ยปากถามขึ้นมา
“โอเคสิ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ผมรีบเงยหน้า หันไปบอกร็อบบ์อย่างรวดเร็ว
“แน่นะ?” เขาหรี่ตาลงเหมือนไม่เชื่อ ก็แน่ล่ะ เหงื่อเม็ดเป้งไหลท่วมหน้าอย่างนี้ คงจะสบายดีอยู่หรอก
“แน่สิ” ผมก็ยังคงโกหกไปอยู่ดี
ผมว่าร็อบบ์ไม่เชื่อแหละ แต่เขาคงไม่อยากจะเซ้าซี้ เลยว่าตามน้ำไป
“งั้นก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องห่วงว่านายจะเป็นอะไรไปเพราะฝีมือของมือขวาฉัน”
มือขวาที่ว่าคงจะหมายถึงเนวิลล์
“โอ๊ย แค่ฉีดยาแค่นี้ เรื่องจิ๊บ ๆ น่า มือขวานายมือเบาจะตาย หนังฉันหนา แค่นี้ไม่สะเทือนหรอก” ผมแสร้งว่าเหมือนกับตัวเองไม่เป็นอะไร ทั้งที่ตอนนี้ธาตุจะแตกอยู่รอมร่อ ไหนจะความปวดแปลบที่เนวิลล์ทิ้งไว้ให้ผมอีก
กระนั้นผมก็แสร้งฉีกยิ้มที่คิดว่าดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดออกมาเมื่อเนวิลล์ชำเลืองตามามอง พอเขาเลิกสนใจ ผมก็กลับมานั่งนิ่งครู่เดียว ความร้อนวูบวาบในกายก็หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมโล่งใจขึ้นมาทันทีที่ยาต้านไวรัสไม่ได้มีปฏิกิริยากับไวรัสในร่างกายผมมากไปกว่านี้ แต่ผมก็ต้องมาปวดขมับอีกระลอกเมื่อเห็นแพทริกขับรถถังมาจอดอยู่หน้าปากทางเข้าเขต
“ถึงแล้ว” แพทริกว่า
เหงื่อเม็ดโตพร้อมใจกันหลั่งไหลออกจากทุกอณูรูขุมขนอีกครั้งจนเสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่เปียกชุ่ม และผมก็ต้องใจเต้นระรัวเป็นกลองดุริยางค์เมื่อเห็นซอมบี้ฮันเตอร์สิบกว่านายที่แต่งตัวต่างจากพวกผมพากันกรูเข้ามาที่รถถังพร้อมกับอาวุธปืนในมือ แล้วจ่อมันมาที่รถ
“ทิ้งอาวุธ แล้วค่อย ๆ ออกมาข้างนอกทีละคน!”
เสียงของใครบางคนด้านนอกดังขึ้น เป็นสัญญาณให้ร็อบบ์พยักหน้าบอกให้ทุกคนทำตาม ก่อนที่เขาจะเป็นคนแรกที่ออกไป ตามด้วยแอนนาเบล แพทริก และเนวิลล์
พอผมเห็นร็อบบ์ถูกซอมบี้ฮันเตอร์คนหนึ่งเอาไม้สแกนที่มีลักษณะคล้ายกับที่ใช้ตรวจหาโลหะในสนามบินมาวาดไปมาตามตัวเขา ผมก็กลืนน้ำลายเอื้อกทันที ด้วยผมรู้ว่ามันคือเครื่องตรวจหาเชื้อไวรัส เพราะผมเคยถูกซอมบี้ฮันเตอร์ใช้มันตรวจร่างกายก่อนซึ่งตอนนั้นโชคดีที่มันตรวจไม่พบ แต่ครั้งนี้ ผมไม่แน่ใจว่ามันจะตรวจเจอหรือเปล่า ด้วยเชื้อมันลุกลามมากกว่าเมื่อปีก่อนอยู่มาก ยิ่งเห็นร็อบบ์ถูกตรวจดวงตาด้วยเครื่องมืออีกอย่างที่ผมไม่เคยเห็นด้วยแล้ว ความกังวลก็ผุดพรายขึ้นในใจผมอีกครั้ง
ทำไมครั้งนี้ตรวจละเอียดจังวะ?
ผมกลัวเหลือเกินว่าจะถูกจับได้ว่าเป็นซอมบี้ ทำให้ผมรีบคว้าข้อเท้าของเนวิลล์ที่กำลังจะออกจากรถไว้ทันที
“ฉันไม่ลงไปได้มั้ย”
“พูดบ้าอะไรของนาย” เขาชะงัก หันมามองผมด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ฉันถามว่าฉันไม่ลงไปได้มั้ย แบบว่า... ฉันกลัวว่าฉันจะถูกทำโทษน่ะ” ผมโกหกอีกแล้ว ตั้งแต่เจอเจ้าพวกนี้ ผมโกหกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วเนี่ย
“นายจะถูกทำโทษเรื่องอะไร นายเป็นผู้รอดชีวิต มันมาเกี่ยวอะไรกับพวกฉัน”
“ก็ฉันมากับพวกนายนี่”
“ไร้สาระ รีบตามออกมา อย่ามัวชักช้า” เขายู่หน้า แถมยังสั่งผมอีกต่างหาก
พอเห็นว่าเนวิลล์เมินใส่ ผมก็รีบคว้าข้อเท้าเขาไว้อีกครั้งก่อนที่เขาจะได้ออกไป
“แต่ว่า...”
เนวิลล์หลุบตามองผมแวบเดียว สาบานว่าแวบเดียวจริง ๆ ซ้ำยังไม่รอให้ผมพูดจบ ก็พูดสวนขึ้นมาทันที
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าชักช้า”
สิ้นเสียง เขาก็สะบัดมือผมที่เกาะกุมข้อเท้าเขาอยู่ แล้วจัดการตวัดขาทั้งสองข้างมาล็อคหัวผมด้วยหัวเข่า พลันดึงขึ้นให้ตามเขาออกไปทันที
“โอ๊ย! เจ็บ ๆ ๆ ” ผมร้องลั่น จำต้องยืนแล้วทำตามเขาอย่างไร้ทางเลือก เพราะดูจากท่าทางแล้ว ขืนผมไม่ลุก มีหวังหัวได้หลุดติดขาเขาไปแน่ ๆ
ไอ้หมอนี่เถื่อนเป็นบ้าเลยให้ตาย!
ทันทีที่ออกมาด้านนอกได้ เนวิลล์ก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระ กระโดดลงไปยืนบนพื้นให้ซอมบี้ฮันเตอร์นายอื่นตรวจร่างกาย ขณะที่ผมเองก็โดนตรวจเหมือนกัน ดีที่เครื่องสแกนนั่นไม่ส่งเสียงร้องใด ๆ ออกมา ซ้ำเครื่องสแกนดวงตาก็ไม่ส่งสัญญาณ ทำให้ผมได้หายใจโล่งคอขึ้นอีกครั้ง หรือบางทีที่เครื่องสแกนพวกนี้อาจจะตรวจได้แค่ผู้ติดเชื้อที่มาจากการกัดเท่านั้นล่ะมั้ง
“ตรวจค้นหาเชื้อไวรัสไม่พบ ผ่าน...” คนตรวจร้องขึ้น
ร็อบบ์ยักไหล่ ทำท่าจะเดินเข้าไปด้านใน ทว่าคนตรวจก็กระซิบบอกเขาด้วยน้ำเสียงกึ่งเยาะเย้ย
“แต่นายไม่รอดแน่ พ่อนายรอคิดบัญชีกับนายอยู่ พวกนายทุกคน... ทั้งหน่วย”
ผมเดาได้เลยว่าคงเป็นเรื่องที่เจ้าพวกนี้ขโมยรถถังกับอาวุธหนีออกไปลาดตระเวน ทว่าร็อบบ์ยิ้มเผล่ไม่ยี่หระ
“งั้นเหรอ? ขอบใจที่บอก แต่ก็ไม่แน่นะว่าพวกฉันอาจจะไม่ถูกคิดบัญชีก็ได้ถ้าฉันมีผลงานกลับมา” ยียวนด้วยสีหน้าและคำพูดไม่พอ เขายังคว้าซองบุหรี่ที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมาจุดสูบหน้าตาเฉยอีกต่างหาก สูบแล้วก็พ่นควันใส่หน้าอีกฝ่าย
ผมคิดในใจว่าอีกไม่นานคงได้มีมวยแน่ แต่เปล่าเลย คนที่ถูกพ่นควันบุหรี่ใส่ทำเพียงย่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“นี่พวกนาย... อย่าบอกนะว่าไปเจอไอ้เจ้านี่มา” เขาหมายถึงบุหรี่ที่ร็อบบ์คาบอยู่ในปาก
“ไม่ใช่แค่บุหรี่ แต่ยังมีผู้รอดชีวิตด้วย” ร็อบบ์ยักคิ้วแล้วบุ้ยหน้ามาทางผม
ผมที่จู่ ๆ ก็ตกเป็นเป้าสายตารีบยกมือขึ้นข้างหนึ่งแล้วพูดว่า ‘ไง’ ขึ้นมาเบา ๆ เชื่อได้เลยว่าท่าทางของผมคงดูเหมือนไอ้งั่งอย่างแน่นอน