รถเคลื่อนจอดหน้าบริษัทร่างสูงใหญ่ใสชุดสูทสีเทาลงมาจากรถ เขาเหลือบมองหนุ่มร่างเล็กก่อนเดินนำไป เอลี่เดินตามเขาไปเงียบๆ ใบหน้ายังคงแดงซ่านไม่หายเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ซึ่งความรู้สึกของเธอนั้นไม่ต่างจากเขา ไซน์ยังคงวนเวียนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อครู่ไม่ตก ชายหนุ่มพยายามคิด... เขาไม่ควรเป็นแบบนี้มันน่าแปลก เขาไม่ใช่พวกเกย์ทำไมถึงใจเต้นแรงกับเอสไปได้
ห้องประชุมใหญ่เต็มไปด้วยผู้บริหารล้วนมาจากสาขาต่างประเทศ ทันทีที่เธอก้าวเข้ามาถึงความรู้สึกกดดันทำให้รู้สึกประหม่า ไซน์เหลือบมองหนุ่มร่างเล็กพลางสาวเท้าเข้าไปใกล้
“ที่นั่งคุณอยู่ข้างผม มานี่มา”ไซน์บอกแล้วเดินนำไป
เอลี่รีบก้าวเท้าเดินตาม สายตาหลายคู่เหลือบมองมาที่เธอ ร่างบางตัวยิ่งทำตัวลีบเล็กทั้งกังวลทั้งประหม่าอยู่ในที ไซน์นั่งประจำตำแหน่งหัวโต๊ะส่วนเธอนั่งรองลงมา ป้ายด้านหน้าติดชื่อสายการบินแฮปปี้ฟลาย
“ผมขอเปิดประชุมในวันนี้ครับ”ไซน์เอ่ยเสียงเข้ม
ทุกคนต่างเสนอข้อมูลต่างๆ ออกมา และร่วมกันแก้ปัญหา สาขาและพันธมิตรของอัลเล็นโซ่เอ็นเตอร์ไพรส์ต่างถกเถียงถึงบางเรื่องไม่ชอบมาพากล
“ตอนนี้สาขาที่ฟิลิปปินส์เองก็โดนแทรกแซงครับ บริษัทบางแห่งที่มีทีท่าว่าจะเซ็นสัญญากับเราก็บอกเลิกสัญญาไปบางส่วน”หุ้นส่วนทางฟิลิปปินส์บอกสถานการณ์ของบริษัทตนเอง
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันพลางครุ่นคิด คงไม่มีใครกล้าแทรกแซงบริษัทอัลเล็นโซ่เอ็นเตอร์ไพรส์หากไม่ใช่การ์ดิโอ้อินเตอร์กรุ๊ป
“เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจะนำไปปรึกษากับประธานบริษัทของเราอีกทีนะครับ ตอนนี้ผมขอให้พวกคุณใจเย็นก่อน และอยากให้เชื่อมั่นว่ายังไงอัลเล็นโซ่เอ็นเตอร์ไพรส์ไม่มีทางล้มแน่!”เขาบอกผู้ร่วมประชุมสีหน้าจริงจัง
เอลี่จ้องมองสีหน้าของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เพิ่งเคยเห็นสีหน้าเอาจริงเอาจังและการควบคุมสถานการณ์ที่กำลังปั่นป่วนได้ดีถึงเพียงนี้
“ผมมีเรื่องจะแจ้งอีกเรื่องนะครับ”ไซน์ประกาศ
“เรื่องอะไรครับ?”หุ้นส่วนทางเกาหลีเอ่ยถามบ้าง
“ผมจะแนะนำหุ้นส่วนใหม่ของเรา บริษัทแฮปปี้ฟลายจากประเทศไทย คุณรณวุฒิครับ”ชายหนุ่มแนะนำผู้ร่วมประชุม
ทุกคนปรบมือให้กำลังใจหญิงสาว เอลี่อึกอักกล้าๆ กลัวๆ แต่หญิงสาวก็ยอมลุกขึ้นก้มศีรษะเพื่อทำความเคารพทุกคน เพราะจากที่ประเมินเธอคงอายุน้อยที่สุดในที่นี่
จากนั้นทุกคนในห้องประชุมต่างแยกย้ายกันออกไป หญิงสาวถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนเหลือบมองเขาที่กำลังอ่านเอกสารบางส่วนอยู่ในห้อง ร่างบางเลยเดินออกจากห้อง เธอสาวเท้าเดินมาเรื่อยตางทางเดิน จนกระทั่งมีใครบางคนมาขวางเธอไว้
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเห็นชายร่างสูงใบหน้าคมเข้มเหมือนแขกขาว ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล กำลังจ้องมองเธออยู่
“มีอะไรครับ?”เธอถามสีหน้ามึนงง
“สวัสดีครับ ผมชื่อไนซ์”เขาบอกแล้วยิ้มกว้าง
เอลี่มองเขาด้วยความแปลกใจ ผู้ชายตรงหน้าหล่อเหลาไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เกินไปกว่าดาราที่เธอได้เคยพบ แม้รอยยิ้มจะดูทรงเสน่ห์ แต่คนอย่างรัดเกล้าใช่ว่าจะดูผู้ชายไม่ออก เธอเป็นนักแสดงมานานพอควร ใครสวมหน้ากากเข้าหามีหรือจะไม่รู้ ที่สำคัญเธอไม่รู้ว่าชายคนนี้ต้องการอะไรถึงได้เข้ามาเสแสร้งยืนยิ้มทั้งๆ ที่ในใจคิดอีกอย่าง
“สวัสดีครับ ผมรณวุฒิเรียกเอสก็ได้”เธอตอบเขาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
“เอ่อ... คุณพอมีเวลาไหม ผมอยากจะพูดคุยด้วยสักหน่อย”
“วันนี้ผมคงไม่ว่างครับ ผมมีนัด”หญิงสาวแสร้งโกหก
“ไม่เป็นไรครับหากคุณไม่ว่าง ยังไงผมขอเบอร์ติดต่อไว้หน่อยได้ไหม เผื่อผมมีเรื่องอยากปรึกษา”เขายังคงหว่านล้อม
“ไม่มีหรอกครับอีกไม่กี่วันผมก็จะกลับเมืองไทยแล้ว ถึงเวลานั้นเราค่อยติดต่อกันดีกว่านะครับ วันนี้ผมขอตัวก่อน”หญิงสาวตอบก่อนเดินเลี่ยงออกมา
ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย เมื่อมองแผ่นหลังที่มีทรวดทรงราวกับหญิงสาวแรกรุ่น คนอย่างเขาไม่ได้โง่พอที่จะไม่รู้ว่าเธอคนนั้นคือใคร ไม่นึกว่าจะเข้ามาอยู่ในความคุ้มครองอย่างใกล้ชิดกับบุตรชายคนรองของอัลเล็นโซ่ เห็นในภาพเขาก็แทบอยากรัดร่างงามมากอดกระหวัด ยิ่งพอได้เห็นเธอมายืนตรงหน้ายิ่งยากจะถอนตัวไม่ให้หลงละเมอไปได้ ไม่นึกว่าหญิงไทยจะงดงามขนาดนี้
เธอไม่มีวันรอดพ้นเงื้อมมือเขาไปได้ คนอย่างมิลาโน่ การ์ดิโอ้ อยากได้อะไรก็ต้องได้!
รณเทพนั่งบนโซฟาสีครีมภายในบ้านสำหรับลี้ภัยของเขา ชายกลางคนจ้องมองคนในครอบครัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดใจเขากำลังเป็นห่วงบุตรสาวคนเล็ก ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะสอบถามจากซาฟแล้วก็ตาม
“ตอนนี้น้องปลอดภัยดีแล้ว” รณเทพเอ่ยกับทุกคนในบ้าน
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏที่ใบหน้าของพีรยาทันที เธอเหมือนยกภูเขาออกจากอกเมื่อรู้ว่าน้องสาวปลอดภัยดี
“จริงเหรอครับพ่อ แล้วตอนนี้น้องอยู่ที่ไหน!” รณวิทย์ถามรัว
“น้องได้รับการคุ้มครองจากตระกูลอัลเล็นโซ่หุ้นส่วนของเรา”
รณวิทย์ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ไม่นึกว่าน้องสาวของเขาจะปลอดภัย โชคยังดีที่เอลี่ได้ภาษาเพราะถูกพ่อบังคับให้เรียนตั้งแต่เด็ก
“แล้วเราจะไปรับน้องกลับมาหรือเปล่าครับ?” ชายหนุ่มถามบิดาต่อ
“ยังก่อน น้องอยู่ที่อิตาลีก็ดีแล้วพ่อหายห่วงเพราะยังไงน้องก็ต้องปลอดภัย”
“ครับ”
“อีกเรื่องที่พ่อจะบอก” รณเทพอึกอักพักใหญ่ “พ่อจะกลับเมืองไทย!”
“ไม่ได้นะครับพ่อ พ่อก็รู้ว่ามันอันตราย เกิดพวกมันดักพวกเราอยู่ที่เมืองไทยจะทำยังไงล่ะครับ!”รณวิทย์ค้านบิดาหัวชนฝา
“แล้วแกจะให้ฉันทำไงวิทย์ พ่อมีพนักงานต้องรับผิดชอบ ไหนจะการเบิกจ่ายเรื่องเครื่องบินที่พ่อสั่งซื้อมาใหม่อีก เงินจำนวนมากขนาดนั้นเราให้ใครทำแทนไม่ได้หรอก!”
วิอาภานั่งเครียด แต่เรื่องที่สามีบอกมันคือเรื่องจริง หากไม่กลับไปบริษัทคงย่ำแย่เพราะไม่มีพนักงานที่ทำงานแทนในส่วนนี้ เรื่องการอนุมัติงบประมานจำนวนมหาศาลเป็นเรื่องยากนักที่จะทำได้
ชายหนุ่มไม่อาจเถียงบิดาได้ แต่เขาไม่มีวันยอมให้พ่อกลับไปแน่นอนเพราะเขาเป็นลูก หากไม่มีใครมารับผิดชอบหน้าที่นี้เขาจะทำเอง
“งั้นผมไปเองพ่อ”ชายหนุ่มแน่วแน่
“ไม่ได้!”รณเทพปฏิเสธเสียงแข็ง
พีรยาจ้องมองเขาด้วยความเป็นห่วง หากไปแล้วเกิดอันตรายจะทำยังไงเล่า
“พ่อห้ามผมไม่ได้หรอก ยังไงผมก็จะไป ผมไม่มีวันให้พ่อต้องไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวหรอก”ชายหนุ่มบอกบิดาเสียงแข็ง