ตอนที่ 2 คือนาง...ไม่ผิดแน่!

1538 Words
ทันทีที่เห็นใบหน้าทาสสาวตัวน้อย ในห้วงภวังค์ความทรงจำ บุรุษหนุ่มคล้ายได้ยินเสียงกราดเกรี้ยวจากดินแดนแสนไกล ‘ข้ารักเจ้า ซิงเยว่! เพียงเจ้าเท่านั้นที่ข้าไท่หยางต้องการเคียงคู่ร่วมผูกผมเป็นภรรยา’ ‘แต่ข้ามิได้รักท่าน เอาสินสอดกลับไป ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าคนของท่านให้สิ้น’ แน่นอนว่านั่นมิใช่แค่คำขู่ เพราะนางสังหารโหด กลุ่มคนหามหีบหมั้นของเขาตายจนเกลื่อน ‘ไสหัวไปซะ! ก่อนที่ข้าจะฆ่าท่านอีกคน!’ เนตรงามมองกร้าว บ่งบอกว่าทำได้จริง แค่นางหยามเกียรติโดยการปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า แค่นั้นก็ร้ายกาจพอแล้ว แต่นางยังฆ่าคนของเขาเช่นผักปลา ทั้งยื่นปลายดาบพาดบนลำคอเขาจนเลือดซึม! หากมิได้รักแล้วเหตุใดบุปผารัตติกาลเช่นเจ้าถึงยอมให้เพียงข้าได้ยลโฉมภายใต้หน้ากากเงิน เหตุใดถึงมอบความหวังจนข้ามั่นใจในสัมพันธ์ การกระทำแน่ชัดว่ารัก แต่กลับสะบั้นสิ้นเยื่อขาดใย เช่นนี้จะมิให้ข้าแค้นได้อย่างไร... แววตาหลิวไท่หยางวูบไหว เผยอารมณ์ซับซ้อน ทั้งโกรธกรุ่น ชิงชัง ทั้งปักใจมิเสื่อมคลาย ฝ่ามือแกร่งคว้าใบหน้าของทาสสาวอย่างหยาบคาย เผลอบีบคางนางแน่นเมื่อใดมิอาจทราบ ซิงเยว่นิ่วหน้าน้ำตาซึม แต่มิกล้าส่งเสียงเล็ดลอดจากริมฝีปากแห้งผาก “นายน้อย...” เสียงทุ้มของจิ้นสิงดึงสติของหลิวไท่หยางให้กลับคืน เรียวนิ้วแกร่งจึงค่อยๆ คลายออกแต่มิได้ผละจาก เมื่อครู่เขาแค่เห็นไกลๆ มองแล้วให้รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา จึงสั่งคนให้เรียกตัวมา ทว่าเมื่อเห็นใกล้ๆ เหมือนมาก... ชายหนุ่มหรี่ตาเดินกำลังภายในจับกระแสลมปราณของอีกฝ่าย ไม่มี... นางผู้นี้ไร้ซึ่งวรยุทธ์... หลิวไท่หยางเพ่งพิศรูปโฉมของทาสสาวตรงหน้าที่เหมือนกับสตรีร้ายกาจในความทรงจำทุกส่วนอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ เนตรคมกริบดุจมีดดาบจ้องมองหญิงสาวในห้วงคะนึงไม่วางตา เขาจ้องมองอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดไม่จาสักคำ สร้างแรงกดดันมหาศาลแผ่กำจายออกมาอย่างเข้มขลัง “เจ้ามีนามว่าอะไร?” นายน้อยแห่งคฤหาสน์หลิวถามเสียงราบเรียบ ซิงเยว่ไม่กล้าบอกนามชมชอบที่เพียรคิดโดยพลการเมื่อครู่ จึงเอ่ยตามชื่อที่ถูกผู้คนมอบให้ “หนี่เอ๋อร์เจ้าค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจลึกยาวหมายข่มแรงกดดันที่แผ่ซ่านจนกดทับให้รู้สึกแน่นหน้าอกจากชายตรงหน้า “เพราะความจำเสื่อมจำนามเดิมมิได้ ทุกคนจึงเรียกบ่าวเช่นนั้นเจ้าค่ะ” “เจ้าจำตัวเองมิได้หรือ?” นิ้วเรียวยาวปล่อยคางมน ไต่ถามอย่างเฉยชา ทว่าแววตาคล้ายจับผิดครามครัน “เกิดสิ่งใดกับเจ้า?” ซิงเยว่โขกศีรษะตอบ “นายหน้าค้าทาสเล่าให้บ่าวฟังว่าบ้านเดิมของบ่าวถูกโจรร้ายปล้นชิงก่อนจุดไฟเผาจนวอดวาย พ่อแม่พี่น้องล้มตาย วันรุ่งบ่าวกลับจากเดินทางไปค้าขาย ได้เห็นเศษซากครอบครัวจึงกรีดร้องจนสิ้นสติ ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็จำอะไรไม่ได้แล้ว คาดว่าได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจขั้นรุนแรงเจ้าค่ะ” “อย่างนั้นหรือ?” มุมปากได้รูปหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน หลิวไท่หยางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ใต้หล้าจะมีคนใบหน้าเหมือนกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ? แม้ไร้ซึ่งลมปราณ กิริยาแตกต่าง ทว่าน้ำเสียงเล่า? ชายหนุ่มยืดกายขึ้น พาร่างสูงสง่ากลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน เปี่ยมเสน่ห์ชวนสะท้านทั่วห้องโถง สาวใช้จิ้มลิ้มสองคนที่คอยรับใช้เบิกตามองอย่างหลงใหล รีบโบกพัดเอาอกเอาใจ หลิวไท่หยางนิ่วหน้าอย่างรำคาญ เขาสนใจเพียงนาง “ซิงเยว่...” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ต่อไปเปลี่ยนเป็นชื่อนี้แล้วมารับใช้ข้าอย่างใกล้ชิด” ทาสสาวเจ้าของนามใหม่ได้ยินพลันเบิกตา สาวใช้พริ้มเพราทั้งสองที่ขนาบข้างขมวดคิ้วฉงน ลอบมองหลิวไท่หยางอย่างไม่เชื่อสายตา อะไรนะ? ซิงเยว่มิคาดฝันว่าจะได้ใช้ชื่อที่ตนบังเอิญคิดขึ้นเพราะชมชอบอย่างไร้เหตุผล ทั้งยังได้ย้ายตัวออกจากเรือนทาสเก่าคร่ำ ได้เลื่อนขั้นเป็นสาวใช้ข้างกายนายน้อย โชคดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว... สาวใช้นางหนึ่งชักสีหน้าปั้นปึ่งแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวกล่าววาจาที่บรรจุโทสะไว้เต็มท้อง นางมีนามว่าจิ่นอิ่ง “นอกจากไม่ถูกลงโทษข้อหาที่ทำร้ายม่านเหนียง ยังได้ขยับฐานะรวดเร็ว ช่างน่าริษยาเสียจริง” จิ่นอิ่งทำทีคุยกับสาวใช้อีกนางนามว่าจิ่นอ้าน หาได้คุยกับบุคคลที่สามไม่ สายตาของนางมิได้สนใจซิงเยว่สักนิด ทว่าวาจาแข็งกร้าวที่กระทบกระเทียบเช่นนั้นกลับชัดเจนโดยมิต้องคาดเดา ว่านางกล่าววาจาเกรี้ยวกราดกับผู้ใด จิ่นอิ่งกับจิ่นอ้านนั่งอยู่ด้วยกันบนเตียงในห้องรวมฝั่งตะวันตกของเรือนหลัก ซึ่งเป็นเรือนพำนักของเจ้านายหนุ่ม “เจ้าจะอิจฉาไปไย จะอย่างไรก็เป็นแค่สาวใช้เช่นกัน รอให้นางย้ายจากห้องรวมฝั่งตะวันตกไปนอนร่วมเตียงกับนายน้อยฝั่งตะวันออกก่อนปะไร ค่อยริษยา หึ!” จิ่นอ้านแค่นเสียงหยันต่อคำกับจิ่นอิ่งอย่างไร้การปกปิดความเกลียดชังที่มีต่อสตรีผู้เป็นหัวข้อสนทนา นางปรายตาเหยียดไปทางซิงเยว่ปราดหนึ่งก่อนกล่าวอีกว่า “นายน้อยหลิวของพวกเรามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเหนือสามัญยิ่งนัก ฐานะหรือยังร่ำรวย อำนาจสูงส่งปานนั้น เป็นที่หมายปองของบรรดาสตรีทั่วเมือง สุนัขหิวโซบางตัวจึงคิดเพ้อฝัน อยากอาศัยปีนป่ายขึ้นที่สูงอย่างโง่เขลา” “จะมีวันนั้นหรือ?” จิ่นอิ่งยิ้มเยาะ “เฮอะๆ เจ้ามิใช่งามกว่านาง กิริยามารยาทถูกใจนายน้อยมากกว่านางรึ?” เมื่อถูกสหายชื่นชมต่อหน้า จิ่นอ้านก็ยกยิ้มงดงามอย่างลำพองตน “คนที่จะได้รับความโปรดปรานที่สุด ได้รับอนุญาตยินยอมให้ปรนนิบัติยามค่ำคืน ย่อมเป็นข้าอยู่แล้วล่ะนะ สุนัขตัวอื่นอย่าได้ฝันเฟื่อง! รอจนเน่าตายไปเถอะ!” “ตายจริง หึๆ” สิ้นเสียงต่อคำเหล่านั้น เสียงหัวเราะขบขันเผยแววเหยียดหยันถากถางของพวกนางพลันดังครืน จิ่นอิ่งกับจิ่นอ้านเป็นสตรีที่งดงามหยาดเยิ้มที่สุด พวกนางมักจะถูกเรียกใช้ให้ประจำข้างกายนายน้อยหลิวมาโดยตลอดจึงไม่จำเป็นต้องปั้นหน้ายิ้มหวานใส่สาวใช้ด้วยกันแต่อย่างใด รอยยิ้มละมุนละไมพร่างพราวของพวกนางมีไว้เพื่อนายน้อยหลิวเท่านั้น และแน่นอนว่าสุนัขตัวอื่นที่ถูกพาดพิงอย่างเดียดฉันท์ย่อมเป็นซิงเยว่ บุคคลที่สามที่นั่งเงียบสงบด้วยใบหน้าเรียบนิ่งอยู่บนเตียงอีกฝั่งหนึ่งของห้องรวมแห่งนี้ ตั้งแต่ตื่นลืมตาขึ้นมาพร้อมความทรงจำที่ว่างเปล่า ได้ยินประวัติความเป็นมาของตนคร่าวๆ จากหัวหน้าค้าทาส ซิงเยว่ก็รู้แล้วว่าชั่วชีวิตคงถูกลิขิตให้มืดมนไร้หนทางอื่นให้เลือกเดิน ทว่า....นางจำเป็นต้องอดทนให้คนระดับเดียวกันเหยียดหยันหรือไร? คำตอบคือ ไม่! ดวงตาโฉบเฉี่ยวทอประกายวาบคมปลาบปราดหนึ่ง ซิงเยว่กระตุกยิ้มมุมปากเยียบเย็น เนื่องจากห้องพักแห่งนี้มิได้ใหญ่ เตียงนอนเล็กๆ ยังตั้งเรียงรายใกล้กัน ซิงเยว่ผู้มีเลือดลมรุ่มร้อนจึงลุกพรวด ก้าวเท้าเพียงปราดเดียวก็จับศีรษะของสาวใช้สองคนกระแทกใส่กันได้ถนัดถนี่ ปึก! เสียงกะโหลกกระทบกันดังลั่นจนห้องหมุน ซิงเยว่ยังยกเท้าเตะทั้งสองอย่างแรง เกิดเสียงดังพลั่กดังลั่น จิ่นอิ่งกับจิ่นอ้านกลิ้งตกเตียงหัวคะมำ ทั้งสองกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง “กรี๊ด...” ลนลานลุกนั่งบนพื้นห้องเย็นเฉียบสลับกันด่าทอ “เจ้า! นังทาสชั้นต่ำ!” “เจ้ากล้าตีพวกข้ารึ? นังสุนัขสกปรก ตายเสียเถอะ!” ซิงเยว่ยืนเท้าสะเอว ร่างระหงโดดเด่นแผ่กลิ่นอายเฉพาะกายบางอย่างออกมา นางคำรามท้าทาย “เข้ามา! อย่ามัวเห่าเอาแต่หอน นังพวกปากสุนัขเน่า หน้าอัปลักษณ์ เหม็นกลิ่นสาบสาง!” วาจาหยาบคายแสบสันกระชากใจสูบวิญญาณคนเช่นนั้น สาวใช้สองนางที่ชมชอบการประพฤติตัวสูงส่งประหนึ่งว่าตนเป็นคุณหนูมาโดยตลอดทั้งยังไม่เคยมีใครกล้าถกเถียงตนกลับไหนเลยจะรับมือได้ พวกนางจึงเอาแต่เบิกตาอ้าปากพะงาบ ๆ “เจ้า...เจ้า” ซิงเยว่เข้ากระชากหัวทั้งสองอีก “พล่ามอยู่ได้ รำคาญยิ่ง” “กรี๊ดดดดดด...” “อ๊ายยยย...” “ผมข้า โอ๊ย! นังซิงเยว่! ผมข้า” “ปล่อยนะ นังหมาป่าซิงเยว่ อ๊า!” ซิงเยว่ไหนเลยจะสนใจเสียงทัดทาน นางยังคงกระโจนตัวอย่างหมายมาดถลกหนังหัวสตรีทั้งสองอย่างเลือดเย็น เสียงตบตีกันพลันดังสนั่น ลั่นสะเทือนเรือนพัก ไม่นาน พ่อบ้านเหิงที่ได้รับรายงานก็แทบกระอักเลือด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD