ตอนที่ 1 พานพบอีกครากับความทรงจำที่เลือนหาย

2249 Words
คฤหาสน์หลิวซิงตั้งตระหง่านกลางเมืองหนิงโจว ลานตากผ้าของโรงซักล้างประจำคฤหาสน์ แสงแดดลอดผ่านช่องใบไม้ ส่องกระทบเสี้ยวหน้าพิสุทธิ์เนียนลออของสตรีนางน้อยผู้หนึ่ง เผยความงามเย็นเยียบคล้ายบุปผาแห่งรัตติกาล ริมลำธารสายเล็กสำหรับซักผ้า หญิงสาวยืนโงนเงนแหงนหน้ามองแสงตะวันอย่างเหม่อลอย เพราะยังจำอะไรมิได้ และยังไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าตนเองเป็นใครกันแน่ นางจึงถูกเรียกว่าหนี่เอ๋อร์ ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่นางมิได้เอ่ยปากกับใคร นางมีปานแดงรูปจันทร์เสี้ยวที่เนินอกข้างซ้าย และนั่นทำให้นางรู้สึกว่าบางที นามแท้จริงของตัวเองอาจมีคำว่าเยว่รวมอยู่ เยว่... ตามด้วยคำว่าอะไรกันแน่? หญิงสาวขบคิดจนปวดหัวก็ยังมิได้คำตอบเช่นเดิม นางรู้แค่ว่าตนเองเป็นทาสที่ถูกซื้อตัวมาเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากได้กินและนอนจนมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก็ถูกสั่งให้อยู่ประจำในโรงซักล้างแห่งนี้ นางมีหน้าที่ซักเสื้อผ้าให้บ่าวขั้นหนึ่งถึงขั้นสาม ส่วนเสื้อผ้าของเจ้านายจะมีบ่าวระดับสูงของโรงซักล้างเป็นผู้ดูแลอย่างดีไม่มีทางลงมาถึงมือบ่าวรับใช้ระดับล่างเช่นนาง “นังทาสชั้นต่ำ กล้าอู้งานรึ?” เสียงขู่คำรามดังมาแต่ไกล ม่านเหนียงผู้ตั้งตนเป็นคนคุมกฎแห่งโรงซักล้างโดยพลการยังคงเดินตรวจตราและด่าทอไปทั่ว เบ่งบารมีเหมือนทุกวัน “อยากลองดีกับข้าใช่หรือไม่?” ม่านเหนียงตวาดลั่น ซิงเยว่...จู่ๆ นามนี้ก็ปรากฏเข้ามาในห้วงความคิด สาวน้อยผู้มีความจำสูญหายให้นึกประหลาดใจไม่เบา ซิงเยว่หรือ? ข้าชอบนามนี้ ระหว่างยกยิ้มบาง แผ่นหลังนางพลันถูกแส้หวด ความเจ็บแปลบสายหนึ่งพลุ่งพรวด เป็นฝีมือของม่านเหนียง “นังทาสชั้นต่ำ! ไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึ?” ม่านเหนียงยกมือเหวี่ยงแส้หมายตีซิงเยว่อีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มิรู้ว่าเป็นเพราะสัญชาตญาณหรืออะไร ฝ่ามือเล็กของซิงเยว่กลับว่องไว นางจับแส้เอาไว้ได้อย่างแม่นยำ ดวงตาหงส์ที่จ้องมองระอุเดือดดุจเปลวเพลิง อาจเป็นเพราะเคยตรากตรำทำงานหนักมาก่อน เรี่ยวแรงจึงมีมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า สาวน้อยกระตุกมือดึงทั้งแส้ทั้งคนมาใกล้ ยกฝ่ามืออีกข้างขึ้นตบหน้ากลมแป้นของม่านเหนียงอย่างแรง เสียงเพียะเกิดขึ้นดังลั่น สะเทือนม่านตาม่านเหนียง ก่อนสาบเสื้อตรงลำคอของม่านเหนียงจะถูกจับกระชาก ตู้ม! หัวของม่านเหนียงถูกกดลงจนทิ่มม่านน้ำ เสียงน้ำแตกกระจายซ่านเซ็นดังสนั่น ม่านเหนียงเป็นสตรีร่างใหญ่ตัวหนาและแรงเยอะ นางใช้พละกำลังที่มีเบ่งบารมีไปทั่ว แต่จวนตัวเข้าจริงกลับไม่อาจรักษาฐานที่มั่นไว้ได้ สองเท้าของม่านเหนียงลอยลิ่วชี้ฟ้า หัวคะมำจมดิ่งลงในน้ำ ทั้งรวดเร็วและรวบรัด ไม่เปิดโอกาสให้คนหลบหลีก ร่างกายของซิงเยว่รวดเร็วกว่าความคิด โดยไม่รู้ตัวและไม่ทันที่ม่านเหนียงจะตั้งสติพลิกตัวโผล่หัวขึ้นมา ซิงเยว่เอื้อมมือกดหัวม่านเหนียงมุดน้ำลงไปอีก แช่ค้างอยู่เช่นนั้น สาวน้อยกระตุกยิ้ม แววตาเหี้ยม แค่นเสียงเย็น “ข้าได้ยินเจ้าข่มขู่ทุกคำ แต่เป็นเจ้าเองที่ไม่ดูให้เต็มตาว่างานของข้าเสร็จเรียบร้อยหรือยัง” จบคำก็กระชากหัวม่านเหนียงขึ้นแล้วกดลงไปอีก ศีรษะถูกดึงรั้งจนแสบตึงมีเลือดซึมกระนั้นกลับไม่มีใครมองเห็นเพราะแรงอัดกระแทกของน้ำที่ทำคนเจ็บปวดล้วนดูดกลืนหลักฐานไปสิ้น แขนใหญ่ของม่านเหนียงตีน้ำดังตูมๆ ผิวน้ำแตกกระจาย ละอองน้ำคละคลุ้งทั่วบริเวณ พวกสาวใช้คนอื่นที่ถูกม่านเหนียงข่มแหงพากันเบิกตาโพลง แน่นอนว่าพวกนางไม่คิดห้ามปราม หลายคนยังแอบชอบใจ แต่อีกหลายคนไม่รู้ว่าจะต้องทำฉันใด จึงวิ่งพล่านกรีดร้องวุ่นวาย ซิงเยว่คล้ายไม่ได้ยินเสียงสับสนอลหม่านของผู้คนรอบกาย บางสิ่งในตัวนางกำลังสั่งว่าหากต้องลงมือคราใด ควรเอาให้ตาย...มิเกี่ยงว่าคับขันหรือไม่ ทว่าการไว้ชีวิตศัตรู คือเรื่องโง่เขลาที่สุดในใต้หล้า! มือเล็กจับร่างใหญ่กดลงมิดลำธารจนแน่นิ่งไป คฤหาสน์หลิวซิงตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาราบสูงเหนือหมู่บ้าน มีเรือนเล็กเรือนน้อยในอาณาเขตมากมาย ล้อมรอบด้วยแปลงผัก คันนา ไร่ชาแบบขั้นบันได ทิศบูรพาเหนือขึ้นไปทางริมระเบียงสูงบนชั้นสามของเรือนใหญ่ บุรุษหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดแพรหรูหราสีขาวยืนโดดเด่นอยู่ตรงนั้น สาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราสองคนคุกเข่าปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง คนหนึ่งคอยโบกพัด อีกคนคอยดูแลปรนนิบัติชงชาหอมชั้นดีประคองส่งอย่างนอบน้อม บุรุษผู้นี้คือหลิวไท่หยาง นายน้อยหลิวแห่งคฤหาสน์หลิวซิง เจ้าของรูปลักษณ์โดดเด่น ความสามารถล้ำเลิศเกินหยั่ง รูปหน้าดั่งรูปปั้นสลักที่ดูเย็นชาไร้ความรู้สึก หากแต่งดงามแฝงด้วยพลังอำนาจ ดวงตาคู่คมทรงเสน่ห์ล้ำลึกแผ่ซ่านบารมีกดดันผู้คนกำลังกวาดมองทุกสิ่งอย่างเย็นชา ท่าทีสงบนิ่งเงียบงันนั้นกำจายกลิ่นอายเคร่งขรึมอันน่าเกรงขามออกมาท่วมท้น แม้ตัวคนจะมีใบหน้าหล่อเหลางดงามกว่าสตรีทั่วไปก็ตาม ริมระเบียงตรงนี้นับเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดประจำคฤหาสน์หลิวซิงของเขา ไม่ว่าจะเป็นลานกว้าง โรงครัว โรงบ่มเหล้า ลานตากพืชพรรณ สวนพฤกษา โรงชา ล้วนไม่อาจหลุดรอดสายตา เนตรคมกล้าบนใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนจึงบังเอิญเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่โรงซักล้างริมธารชัดเจน แม้อยู่ห่างไกลสักหน่อยแต่ไม่เกินกำลังให้คนเพ่งพิศ สาวใช้ตัวน้อยนางนั้นหาญกล้าไม่เบา “พาตัวนางมา” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบเรื่อยไปทางลูกน้องคนสนิท บุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่นามจิ้นสิงที่ยืนนิ่งเยื้องทางแผ่นหลังนายน้อยของตนจึงค้อมศีรษะประสานมือ “ขอรับ” เขาหมุนตัวเดินไปทางประตูด้านหนึ่ง สั่งการออกไปเพียงสองสามคำ จากนั้นคนก็เดินนำหน้าบ่าวใต้อาณัติไปทางเรือนซักล้าง ตรงตำแหน่งริมธารที่กำลังเกิดเรื่องรุนแรง ครั้นสาวใช้บริเวณนั้นเห็นบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เครื่องหน้าคมคายเดินเข้ามาด้วยท่าทางเย็นชาชวนกริ่งเกรงพร้อมกลิ่นอายน่าเกรงขามก็พากันตัวสั่น สาวใช้คนหนึ่งกล่าวเสียงเครือ “นี่มิใช่องครักษ์จิ้น คนสนิทของนายน้อยหลิวหรอกหรือ?” ด้วยตำแหน่งที่เป็นถึงคนสนิท และท่าทางน่ายำเกรง จึงมิแปลกที่จิ้นสิงจะมีอิทธิพลกับเหล่าบ่าวไพร่ หลายคนมองอย่างหวาดกลัว แต่หลายคนกลับมองอย่างเขินอาย เพราะมิง่ายที่คนระดับคนสนิทของผู้เป็นนายจะเยื้องกรายมาทางเรือนอันต่ำต้อยอย่างโรงซักล้าง บ่าวไพร่รีบหลบทางให้เป็นสองฝั่งดังธาราปริแยก เพื่อให้บุรุษเดินผ่านโดยสะดวก จิ้นสิงนับเป็นเทพมาจุติสำหรับสาวใช้ในเรือนแห่งนี้ คนจำนวนหนึ่งรีบเอาหน้า หมายเรียกร้องความสนใจทันที “อา...เร็วเข้า รีบไปห้ามทาสน้อยกับม่านเหนียงเร็ว” “องครักษ์จิ้น ท่านต้องการสิ่งใด สั่งการข้าได้เลย” “องครักษ์จิ้น ทางนี้เจ้าค่ะ” หลายเสียงยื้อแย่งแข่งกันเอาใจ ทว่าเจ้าของนามเพียงยืนนิ่งสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนปรายตามองพ่อบ้านเหิงที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “องครักษ์จิ้น ข้ามาแล้ว” พ่อบ้านผู้ดูแลคฤหาสน์ที่เดิมทีมักจะทำตัวยิ่งใหญ่คับที่คับทางเป็นนิตย์ บัดนี้ค้อมเอวนอบน้อมอย่างยิ่ง เขายิ้มประจบ “ให้ผู้แซ่เหิงจัดการเองขอรับ” จบคำก็รีบโบกไม้โบกมือให้บ่าวชายติดตามเข้าไปห้ามปรามผู้ก่อเหตุอย่างต้องการเอาหน้าทันที ความวุ่นวายจึงหยุดลงด้วยเหตุนี้ เวลาไม่ถึงครึ่งเค่อ สาวใช้ผู้ก่อเหตุร้ายจับม่านเหนียงกดน้ำจนสลบแน่นิ่งก็ถูกพาตัวมาที่เรือนใหญ่ชั้นสาม โดยมีพ่อบ้านแซ่เหิงเดินตามมาด้วย เดิมที หากบ่าวไพร่ชั้นต่ำก่อเรื่องทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นตบตีเหิงอันที่เป็นพ่อบ้านดูแลคฤหาสน์แห่งนี้มานานปีย่อมมีสิทธิ์ขาดในการลงโทษผู้ก่อเหตุอย่างสาสม จะขายทิ้งหรือโบยให้ตายก็ย่อมได้ ทว่าวันนี้นายน้อยหลิวที่นานปีทีหนจะมาเยือนที่นี่กลับปรากฏกายให้ได้ยลโฉมอันสูงส่งงามสง่าที่หาได้ยากยิ่ง ทั้งยังออกปากสั่งการให้พาคนมาพบ ตัวเขาจึงไม่อาจสั่งลงโทษทาสคนใดได้ดั่งใจ จำต้องบากหน้าเหี่ยวย่นติดตามเข้ามาด้วย “นายน้อย...” เหิงอันเอ่ยปากอย่างนอบน้อม “ข้าน้อยพาทาสชั้นต่ำไม่รู้ดินฟ้ามาแล้วขอรับ ขอนายน้อยสั่งการลงทัณฑ์” หลิวไท่หยางกวาดตามองร่างเล็กบางในชุดสาวใช้ขมุกขมัวนิ่งๆ ม่านตาดำค่อยๆ หรี่แคบ สาวน้อยผู้ถูกเรียกว่าทาสชั้นต่ำก้มหน้าไม่กล้าเงย หากแต่เนื้อตัวกลับมิได้สั่นเทาแม้แต่น้อย ช่างน่าสนใจ...บุรุษหนุ่มแค่นเสียงเย็นในลำคอ แววตาที่จับจ้อง มองไม่ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ใด “แค่ทาสหรือ?” ผู้เป็นนายถามเสียงชืดชา เหิงอันกัดปากปาดเหงื่อ ความผิดที่ปล่อยปละละเลยหน้าที่ กระทั่งบ่าวไพร่ไม่อยู่ในกฎระเบียบถึงขั้นวิวาทอย่างอาจหาญเยี่ยงนี้ ตัวเขาไหนเลยจะหลีกเลี่ยงความผิดได้ จำต้องแบกรับแล้ว ทว่า...ข้าขอปัดความรับผิดชอบมากกว่าครึ่งให้ตัวต้นเหตุได้หรือไม่? “ขะ...ขอรับ นางผู้นี้ยังมิได้เลื่อนตำแหน่งเป็นสาวใช้ประจำเรือนใด เป็นเพียงทาสต่ำต้อยที่เพิ่งซื้อตัวเข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อน สมองกลวงของนางทึมทื่อเกินเยียวยา จำสิ่งใดมิได้กระทั่งนามของตนเอง กฎระเบียบอันใดก็ยังมิค่อยเข้าใจถ่องแท้ นางจึงละเมิดกฎเกณฑ์อย่างไม่น่าให้อภัย ขอนายน้อยได้โปรดละเว้นโทษหนักด้วยขอรับ” คำว่าละเว้นโทษหนักของเหิงอันหมายถึงการทำโทษแค่เพียงทาสสาว มิต้องสืบมาถึงตัวเขา หลิวไท่หยางโบกมือเบาๆ ให้พ่อบ้านออกไป เหิงอันราวกับได้รับการอภัยโทษครั้งใหญ่สุดในชีวิต เขารีบค้อมเอวล่าถอยหนีตายไปยืนก้มหน้าสงบนิ่งที่มุมห้องไกลลิบทันที กลางห้องกว้าง คงเหลือเพียงซิงเยว่ที่จำต้องคุกเข่าก้มหน้าไม่อาจขยับเขยื้อน “ปล่อยนาง...” กระแสเสียงทุ้มต่ำเอ่ยสั่งพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ขยับเท้าเชื่องช้ามาหยุดตรงหน้าสาวน้อย ฝ่ามือคล้ายคีบเหล็กของบุรุษร่างกำยำค่อยๆ คลายออกจากไหล่มน ทำคนตัวเล็กโล่งใจสบายหัวไหล่ทันที นึกว่ากระดูกจะแตกเสียแล้ว ซิงเยว่ยังคงระงับกิริยามิให้เผยอาการอันใดออกมา แม้จดจำสิ่งใดไม่ได้ ทว่านิสัยระแวดระวังภัยด้วยการเก็บงำสีหน้าซ่อนความรู้สึกกลับติดตัวตลอดเวลา “เงยหน้า” กระแสเสียงเย็นเยียบดังขึ้นอีกคราจากผู้เป็นนาย ซิงเยว่จึงเหลือบมองบุรุษในอาภรณ์เรียบลื่นหรูหรา ผ้าสีขาวพิสุทธิ์ดุจไข่มุกแห่งท้องทะเลอันลึกล้ำนี้ ทำคนมองมิอาจละสายตา เขาคือคนที่นางเพิ่งรู้ว่ามีฐานะเป็นเจ้านาย มีนามว่าหลิวไท่หยาง นายน้อยแห่งคฤหาสน์ฤดูร้อนหลิวซิง หรือก็คือเจ้าชีวิตของทาสชั้นต่ำอย่างนาง... ลมริมระเบียงสูงโชยผ่านผะแผ่ว แสงตะวันแยงตา ประดุจเข็มเงินทิ่มแทงเนตรงาม สาวน้อยขมวดคิ้วนิ่วหน้า สูดหายใจลึก ขบริมฝีปากแน่น ช่างน่าแปลกเหลือเกินที่นางรับรู้ถึงกลิ่นอายคุ้นเคยทั้งรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลอันไร้รูปลักษณ์จากร่างเขา ทั้งๆ ที่เขามิได้ขู่เข็ญหรือกรรโชกอันใด คล้ายมีเสียงกระซิบหนึ่งจากดินแดนแสนไกลบอกนางว่าเขามีอิทธิพลต่อนางอย่างแรงกล้า นางมิอาจต่อกรเขาได้ แน่นอนว่าหากเป็นบ่าวไพร่ชั้นต่ำเฉกเดียวกันอย่างม่านเหนียง ซิงเยว่ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวหวั่นเกรง หากแต่ผู้ใดให้ชายตรงหน้าเป็นถึงเจ้าแห่งคฤหาสน์แห่งนี้เล่า นางที่เป็นเพียงทาสสาวตัวน้อยในเรือนใหญ่ของเขา กล้าขัดคำสั่งหรือไร? หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้าตามคำสั่ง เผยใบหน้ามอมแมมเปื้อนดินโคลนจากการทะเลาะตบตี และเมื่อแน่งน้อยเงยหน้าเผยความคุ้นเคยแก่สายตา แม้จะถูกความซอมซ่อกลบความงามที่แท้จริงจนมิด แต่หลิวไท่หยางกลับเบิกตากว้าง เรือนร่างแข็งค้างบัดดล เมื่อมองเห็นใบหน้าของอีกคนเต็มสองตา ชั่วขณะนั้นภาพของสตรีอีกนางพลันซ้อนทับเข้ามา ใบหน้างดงามพริ้มเพราแต่มึนตึง ดวงตาโฉบเฉี่ยวแฝงความดุดันคุกคามผู้คน ท่าทีแข็งกร้าวมิเคยยอมความใด เพียงมองปราดเดียวยังประทับตราตรึงในหัวใจยากลบเลือน เหมือนมาก...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD