หมินหมิ่น Say ::
“เมื่อไหร่จะทำได้ จะให้สอนอีกแค่ไหน แค่กวาดบ้านมันยากมากนักหรือไง!!!! ทำไมถึงได้โง่นัก หล่อนอยู่ที่นี่มาจะ 3 อาทิตย์แล้วนะ” เสียงของท่านป้าที่เป็นสาวใช้ดุข้า ที่ข้าไม่สามารถใช้ไอ้เจ้าไม้กวาดได้ ก็ข้าไม่ชำนาญ ข้าโดนดุซ้ำ ๆ จนไม่อาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
“ข้าขอโทษ”
“เครื่องดูดฝุ่นก็ใช้ไม่ได้ หล่อนนี่มันเป็นยังไงเนี่ย!!!!! ทำอะไรเป็นบ้าง คิดจะอู้งานใช่ไหม” เสียงที่ตวาดใส่ข้าดังลั่น มันทำให้ข้ายิ่งต้องพยายามที่จะทำมันให้ดีขึ้น แต่ยิ่งทำมันก็ยิ่งผิดพลาด ยิ่งผิดพลาดข้าก็ยิ่งโดนด่า
“ข้าเปล่าคิดจะอู้นะท่านป้า ข้าตั้งใจทำมันอย่างดีที่สุด ตั้งใจจะเรียนรู้งาน ข้าแค่ไม่เคยชิน”
"ไม่เคยชินก็ต้องหัด แล้วคำพูดคำจา พูดกับผู้ใหญ่ ต้องแทนตัวเองว่าหนู ไม่ใช่ข้า หัดพูดใหม่ ฉันสอนไม่ได้ว่าเกลียด แต่ฉันสอน ให้หล่อนอยู่บนโลกใบนี้ได้ เข้าใจไหม จะน่ารักในสายตาคนอื่น ก็อย่าทำตัวเป็นคุณนายนั่งเฉยๆ ในบ้านนี้มีนังเหม่ยคนเดียวก็พอแล้ว"
"ค่ะ ข้า เอ่อ หนูทราบแล้ว"
"ดี!!! ทราบแล้วก็ทำต่อไป ฉันสอนน่ะดีแล้ว หรือจะให้พ่อบ้านกรีนมาสอน รายนั้นมีไม้เรียวนะ!!!"
"มะ..ไม่เอาค่ะ
ข้ายอมทนโดนด่าจนงานเสร็จ ข้าไม่เคยรู้เลยว่าการทำงานบ้านมันจะสาหัสสากรรจ์เยี่ยงนี้ เครื่องดูดฝุ่นอะไรนั่น ทั้งหนัก ทั้งเสียงดัง ข้าถือไม่ไหว ทำไมต้องดุข้าด้วย ยิ่งข้าโดนดุ ข้าก็ยิ่งร้อนรน ข้าพยายามทำทุกอย่างอย่างดีแล้วนะ ข้านั่งปาดน้ำตามองน้ำที่ไหลรินที่สระน้ำขนาดใหญ่ในสวน ที่อยู่ไม่ไกลตัวบ้านนัก ปลาคราฟมากมายหลากหลายสีแหวกว่าย
"พวกเจ้านี่มันใช้ไม่ได้เลย พวกเจ้าไม่ยอมทำงานบ้าน ตัวข้ายังต้องทำเลย" ทำไมข้าถึงไม่มีพ่อแม่ ทำไมต้องมาโดนโขกสับที่นี่ แม้ท่านป้าเจียวจะหวังดี แต่ท่านก็ดุเหลือเกิน ทำไมข้าถึงรู้สึกโดดเดี่ยวในใจขนาดนี้
ข้าปล่อยใจให้ลอยออกไป ในบ้านนี้หาได้มีใครใจดีกับข้า นอกเสียแต่ท่านหลินหลิน ซึ่งตอนนี้ไปทำงาน แต่จะให้ข้าไปทำตัว สอพลอ มันก็คงจะไม่ดี คนอื่น ๆ ก็คงจะเกลียดข้ามากกว่านี้ ในหัวของข้า มันบอกว่า นี่มันเรื่องปกติ เพราะเหตุใด
"มานั่งอยู่นี่เอง กระผมตามหาตั้งนาน ท่านริวเธอเรียกหาครับ รีบไปนะครับ รายนั้นไม่ชอบคนที่ไม่ตรงต่อเวลาเอามาก ๆ" เสียงของพี่แอลทำให้ข้าต้องปาดน้ำตา แล้วลุกขึ้นเดินตามพี่แอลไปหาท่านริวที่ตอนนี้รอข้าอยู่แล้วที่ห้องทำงาน
เมื่อเข้ามาในห้องกลับมีแม่นางอีกคน แม่นางท่านนี้ที่พอเห็นข้าก็วิ่งเข้ามาจับหน้าเลย แถมพยายามยกแขน ยกขา แม่นางท่านนี้ตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่
"ตัวเป็น ๆ มีเลือดมีเนื้อ สุดยอดเลย แถมสวยบาดตาบาดใจเลยนะเนี่ย อย่างว่าแหละ ฮ่องเต้สมัยก่อน กว่าจะคัดแม่พันธุ์เข้าวัง เลือกที่ดีที่สุดจากเป็นแสนคน นี่คงเป็นผลผลิตจากหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ ชื่ออะไรจ๊ะเราอะ ฉันชื่อซินซินนะ"
"ข้า ไม่สิๆ หนูชื่อหมินหมิ่น แม่นางบอกว่า ข้าอยู่ในวังงั้นหรือ แม่นางรู้เรื่องของข้างั้นหรือ"
"อ้าววว บอกริวตั้งนานแล้วนี่ ฉันไม่ได้รู้เรื่องของเธอ แต่ฉันพยายามหาข้อมูลของเธอจากชุดที่เธอใส่ ก็ริวสั่งให้หาอ่านะ โดนบังคับเต็มประดา แต่พอมาเห็นแบบนี้สวยจังเลย เท้าเล็กนิดเดียว หน้าอกได้รูปทรงดอกบัว ผิวขาวละเอียดดังกลีบดอกไม้" แม่นางซินซินผู้นี้เอ่ยชมจนข้าอายเลย แต่ข้านะหรือเคยอยู่ในวัง
"ข้าเป็นคนครัวในวังใช่หรือไม่ ข้าไม่เคยทำสิ่งใด ได้ดี นอกเสียแต่ทำอาหาร"
"จากชุดที่ฉันได้จากริว มันบอกได้ว่าเธออาจจะเป็นเจ้าหญิง เพื่อนฉันที่เป็นนักโบราณคดี เค้าบอกว่าชุดที่เธอใส่ น่าจะเป็นชุดขององค์หญิงในลำดับท้าย ๆ ละเอียดใช่ไหมล่ะ ผ้าที่ใช้ตัดเย็บเสื้อผ้าของสนม มันก็จะแบ่งกันไปตามลำดับขั้น มันเป็นเครื่องยศ พวกเครื่องแต่งกายพวกนี้อ่านะ หญิงชาวบ้านสามัญชนยังได้แต่ฝันเลย เพราะฉะนั้น เป็นไปได้สองอย่าง ถ้าเธอไม่ใช่สนมก็เป็นองค์หญิงแน่นอน" แม่นางซินซินกำลังบอกว่าข้าคือองค์หญิงงั้นเหรอ!!!!!
"ช่างน่าตกใจจริงๆ แบบนี้ข้าจะกลับบ้านได้หรือไม่"
"กลับบ้านยังไง ราชวงศ์หมิงสิ้นแล้ว อยู่กับริวไปนั่นแหละ อยู่กับริวก็เหมือนอยู่กับฮ่องเต้นั่นแหละ สั่งเก่ง บ่นเก่ง เจ้าระเบียบเก่ง...." แม่นางซินซินกำลังกล่าวถึงคนที่ทำหน้าดุ ข้าไม่อยากจะมองตาคู่นั้นเลย เดี๋ยวเรียกข้าไปอาบน้ำอีก
"แล้วก็เตะผู้หญิงเก่งด้วย" เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำเอาแม่นางซินซินเงียบไปเลย
"คนอุตส่าห์ชงให้ จะเอาแต่คิดถึงเหมเหม่ให้ได้อะไรเค้ามีผัวไปแล้ว" เสียงพึมพำเบา ๆ ทำให้คนที่นั่งทำหน้าขรึมเดินเข้ามาหาเรา แล้วหยิกแก้มของแม่นางซินซินอย่างแรง
"พูดเบาฉันก็ได้ยิน จะชงให้คนอื่น ไปหาผัวให้ได้ก่อน เพื่อนเธอได้บอกไหม จะส่งหมินหมิ่นกลับไปบ้านได้หรือเปล่า อยู่นานกว่านี้โดนคุณนายหลินหลินยัดเยียดให้จับทำเมียแน่ๆ.....เธอน่ะรีบกลับไปซะ" นิ้วเรียวยาวของท่านริว ดีดเข้าที่หน้าผากของข้า
"สวยแบบนี้ไม่สนเหรอ สวยกว่านี้ก็นางฟ้าแล้วนะ"
"สวยกว่านี้ก็ไม่สน ว่าแต่เธอบอกว่ากระจกไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันคืออัญมณีหลังกระจกใช่ไหม"
"อะ ใช่ ฉันไม่มีความรู้เรื่องนี้ แต่ถ้าอยากรู้ ริวต้องเอากระจกนี่ไปให้อาจารย์ของฉันดู เค้าเป็นศาสตราจารย์อยู่ที่มหาลัย HV University's บอกเลยว่างานนี้ แม่หนูนี่โดนพวกนักวิทยาศาสตร์จับไปทดลองแน่ วิทยาการของเรา พยายามอย่างมากมายที่จะคิดค้นเครื่องย้ายมวลสาร แต่ยัยหนูนี่ วาร์ปข้ามเวลามาเลย ยิ่งกว่าแค่ย้าย นี่มันข้ามกาลเวลาเลย" แม่นางซินซินส่งกระดาษใบเล็ก ๆ ให้ท่านริว กระดาษแข็งใบสีครีม ที่มีตัวหนังสือแปลก ๆอยู่บนนั้น
"เธอไม่ได้ไปด้วยเหรอ"
"ก็ให้คอนแทคแล้วไง ช่วงนี้ฉันมีนัดบอร์ด ม้าบ่นจะตายอยู่แล้ว ว่าไม่มีผัวสักที อายุปาไปจะ 31 แล้ว ตอนนี้ฉันเลยต้องเป็นชะนีหนีคานไง ไปเถอะ อาจารย์มาร์คเค้าน่าจะบอกเรื่องพวกนี้ได้มากกว่า ฉันเนี่ยมันรู้แค่งู ๆปลา ๆ มันไม่ใช่สายงานของฉัน ฉันก็แค่นักประวัติศาสตร์ สิ่งที่ฉันมีมันแค่เนื้อเรื่อง"
"ท่านริวคือสิ่งใด หนูไม่เข้าใจ"
"หนู?? ใครสอนให้แทนตัวเองแบบนี้" ท่านริวหันมาถามข้าด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อกี้ข้าก็พูดว่าหนูกับแม่นางซินซิน ไม่เห็นท่านจะประหลาดใจ
"ท่านป้าเจียว บอกว่าถ้าข้าพูดกับผู้ใหญ่ ให้แทนตัวเองว่าหนู" แล้วท่านริวมามองหน้าข้าตาขวางทำไม ข้าหาได้ทำสิ่งใดผิด ทำไมอยู่ใกล้ท่านข้าต้องหัวใจเต้นแรงด้วยนะ เพราะท่านชอบเปลือยกายให้ข้าดู
"ก็ตามนั้น มีคะ ขา ด้วยจะดีมาก ต้องฝึก พูดกับผู้ใหญ่ก็ต้องมีหางเสียงรู้ไหม" นิ้วเรียวไล้บนจมูกของข้าจนมาถึงริมฝีปาก ทำให้ข้าต้องงับนิ้วนั่น มันแปลกที่เขาก็ยอมให้ข้างับนิ้ว
"งับเป็นหมาเลย"
"อย่ามาแตะตัวข้า ข้าจะไม่ให้ท่านทำตามใจตนเองอีกแล้ว"
"หมายถึงอาบน้ำให้ฉันน่ะเหรอ ได้เห็นฉันโป๊ไม่ดีตรงไหน ฉันหุ่นไม่ดีรึไง หรือว่ามันหัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นฉันโป๊ล่ะ เด็กลามก" เสียงที่กระซิบข้างหูข้า ทำให้ข้าต้องผลักท่านริวออก ท่านพูดจาน่าละอายเช่นนี้ แล้วหัวเราะออกมาได้เยี่ยงไร ยิ่งข้าไม่พอใจ ท่านริวก็ยิ่งหัวเราะ
"แกล้งชาวบ้านสนุกงั้นเหรอ ประสาท ริวก็ลองไปหาศาสตราจารย์ดู แต่กระจกนี้มันสยองใช้ได้เลยนะ บางครั้งส่องมันฉันก็เห็นภาพแปลก ๆ ฉันคิดว่าอยู่กับมันแล้วสยองเกินไป เอามาคืนให้ริวดีกว่า อยู่กับมันอย่างกับผีหลอก"
พอข้าเห็นกระจกที่แม่นางซินซินเอามาคืน ความทรงจำในหัวมัน ผุดขึ้นมา ภาพของผู้หญิงคนเดิมที่เรียกข้าหมินหมิ่นก็กลับมา ภาพที่แม่นางผู้นั้น ยื่นกระจกนั้นให้ข้า
'แม่ให้เจ้าเป็นของขวัญแต่งงาน ไปได้แล้วอาไน่!!!' เสียงที่ดังในหัว มันทำให้ข้าต้องน้ำตาไหล
"มันคือของขวัญแต่งงานของข้า แม่ของข้าให้ข้า มันมีรถม้า ข้าขึ้นรถม้าไปกับสาวใช้ แล้วยังไงต่อ ข้านึกไม่ออก ข้ากำลังหนี หนีตาย จากสิ่งใด" ข้าพยายามนึกจนปวดหัว แต่ก็นึกไม่ออกอีกแล้ว
"แต่งงานแล้วเหรอ" แม่นางซินซินถามข้า
"ก็ไม่ใช่ ข้าคิดว่าข้ากำลังจะหนีไปไหน ข้าเสียใจ ข้าเจ็บปวด แต่ข้าจำไม่ได้!!!!" ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว พยายามคิดยังไงก็คิดไม่ออก
"ข้อมูลน้อยเกินไป ไม่อาจจะบอกได้ หนูมั่นใจนะ ว่ากระจกแบบนี้ ศิลปะการทำลวดลายเส้นแบบนี้ มาจากราชวงศ์หมิงแน่นอน แต่ระบุไม่ได้ว่ายุคไหน ต้องรอให้หนูจำได้มากกว่านี้ อยากได้ตัวกลับไปที่บ้านจังเลย ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ คุณหมอจิตเวชของบ้าน จะพาแม่ของฉันมากินข้าวที่บ้าน ฉันจะต้องไปตอบคำถามทายใจ กลับก่อนนะริว"
"กลับดีๆ"
"อืม ไปนะหนูน้อย แล้วก็อย่าไปอยู่ใกล้ริวมันมาก มันขี้แกล้ง เซ่อแบบนี้มันชอบนักแล อ่อออ...แล้วก็ระวังมันจับทำเมียล่ะ" แม่นางซินซินขอตัวลากลับ ทิ้งข้าไว้กับท่านริว ที่ตอนนี้ทำหน้านิ่งไร้การใส่ใจข้าอีก
ข้าคิดว่าถ้ากระจกนี้มันทำให้ข้านั้นจำได้ ข้าจะขอมันเอาไว้เผื่อข้าจะจำอะไรได้มากกว่านี้ ท่านริวจะยอมให้ข้ายืมหรือไม่
"ไม่ให้!!!"
"อะไรกัน หนูยังไม่ได้พูดสิ่งใดเลย" ข้ายังคงมองที่กระจก ทำให้ท่านริวปิดกล่องไม้ลง
"ตาเธอมันฟ้อง เธอเป็นใคร ทำไมฉันต้องให้ กลับไปทำงานได้แล้วไป คนที่อยากเจอเธอกลับไปแล้ว ไปได้แล้ว" ท่านริวถือกล่อง แล้วหันหลังจะเดินหนีข้า แต่ข้าอยากได้กระจกไว้
"ข้าจะยอมอาบน้ำให้ท่านริว" ประโยคของข้าทำให้ขาที่กำลังจะเดินหยุดลง
"หนู!!"
"หนูจะยอมอาบน้ำให้ท่านริว ได้โปรด...ให้ข้ายืมกระจกสักคืน"
"แบบเต็มใจ ไม่ใช่หลับตาทำ ถูทุกจุด ด้วยความเต็มใจและเต็มมือ แบบที่ผ่านมาไม่เอา ถ้าทำได้จะยอมให้ยืมสักคืนก็ได้ ฉันอยากจะรู้นักเธอจะทำได้เหรอออ"
"หนูตกลง" ถ้ามันจะทำให้ข้าได้รับความทรงจำกลับคืนมาบ้าง ข้ายอม
คำตอบของข้าทำให้ท่านริวเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากปีศาจออกมา เหมือนกับเขารู้อยู่แล้วว่าตัวข้าจะกระโจนเข้ากับกับดัก ท่านริวใช้แววตากดดันข้ามันยากจนข้าไม่อยากยอม แต่ข้าอยากได้กระจก ถึงจะยากก็ต้องยอม
ริว Say ::
ตลก ตลกชะมัดถึงบอกว่าจะทำแบบเต็มใจ แต่นั่งห่างไกล ผมรู้อยู่แล้วว่าเธอจะไม่มีวันเต็มใจ แต่ทำๆไปเพราะอยากได้กระจก สายตาของเธอ เดี๋ยวอ่อนโยน เดี๋ยวอ่อนไหว แต่บางครั้งก็มีแววตาเด็ดเดี่ยวและดื้อรั้น ผมเลยอยากจะรู้ ว่าจริงๆเธอเป็นคนแบบไหนกันแน่
"รอยสักลายมังกร ดูน่าเกรงขามเสียจริงๆ" เธอใช้มือลูบเบาๆที่รอยสักที่แผ่นหลัง
"มันแลกมาด้วยอะไรหลายอย่าง" ใช่มันแลกมาด้วยความรักของผมด้วย ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากมีใคร แต่ผมยังไม่เจอใครที่ถูกใจ มันเลยทำให้ผมยังลืมผู้หญิงที่อยู่ในใจไม่ได้ ผู้หญิงที่ต้องให้ผมช่วยจำทุกอย่าง ผู้หญิงที่ถ้าไม่มีผม เธอจะต้องแย่แน่ ๆ
"ท่านริวยิ้มสิ่งใด"
"ฉันมีปัญหากับความทรงจำ บางทีฉันก็อยากจำอะไรไม่ได้เหมือนเธอ ความทรงจำมากมายมันทำให้เราเจ็บปวด ลืม ๆ มันไปบ้างก็อาจจะดี" ผมทิ้งตัวนั่งพิงขอบอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ผมอยากจะลืมความผิดพลาด ความผิดพลาดที่ทำให้ตัวผมเองเสียใจมาถึงทุกวันนี้
"แต่หนูอยากจำได้ หนูอยากรู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากที่ใด เพื่อที่ตัวหนูเองจะได้รู้ว่าจะกลับไปอย่างไร หนูอาจจะมีครอบครัว มีคนที่รักรออยู่" ที่ขัดตัวค่อย ๆ ขัดลงบนร่างกายของผมอย่างเบามือ
"เมื่อจากไปนาน คนที่รักก็จะแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว" ผมพูดเพราะความทรงจำของผมมันบอกแบบนั้น
"ท่านริวคิดแบบนั้นเหรอ หนูไม่รู้ หนูจำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ นับถือสิ่งใด ศาสนาใด ไม่มีสิ่งใดในหัวเลย แต่หนูจะไม่หยุดหามันหรอกนะ ความทรงจำในหัว มันอาจจะสวยงาม ความทรงจำที่ไม่ลืม อาจจะเพราะมันมีสิ่งที่สวยงามซ่อนอยู่" ประโยคของเด็กหญิงมันทำให้ผมต้องหยุดฟัง ความสวยงามมันมีแน่ๆ
"มันจะไปดีได้ยังไง ในเมื่อความสวยงามมันไม่เคยเป็นของเรา" ผมหันมองคนที่วันนี้พูดมากเป็นพิเศษ
"เหมือนตอนนี้ หนูจำไม่ได้ ยังเป็นสมบัติของท่านริวเลย ท่านป้าเจียวบอกว่า ทุกคนที่นี่เป็นสมบัติของท่านริว ท่านชิงหลง และคุณนายหลินหลิน" ประโยคที่เธอพูดออกมาอย่างไม่พอใจ แต่ทำไมผมกลับพอใจ ผมกระชากคนตัวเล็กลงมาในน้ำ เพราะหมั่นไส้ปากขมุบขมิบเหมือนด่าผมในใจ
"ใช่ เธอเป็นเด็กที่มองโลกในแง่บวกมาก แม้ว่าวันนี้จะนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง" ผมเห็นเธอนั่งร้องไห้ เลยให้แอลไปเรียกเธอมา โดนดุจนร้องไห้ แต่ไม่โกรธคนที่ดุเธอเลยสักนิด
"ท่านป้าเจียวเคี่ยวเข็ญจนข้าปวดใจ ที่ตัวข้าทำไม่ได้ แต่ท่านทำข้าเปียกอีกแล้ว ข้าไม่มีผ้าเช็ดตัว ท่านคิดบ้างไหม ว่าข้าจะกลับห้องอย่างไร"
"หนู!!!!" ทำไมยัยนี่ชอบลืมตัวพูดว่าข้าทุกที
"อ๊ะ!!! หนู"
"ผ้าเช็ดตัวในห้องนี้ก็มี"
"มันเป็นของพวกท่านริว ท่านป้าเจียวบอกหนูแล้ว ผ้าเช็ดตัวสีกรม สงวนใช้เพียงแค่เจ้านาย ท่านริวถ้าหนูเป็นองค์หญิงจริง ท่านริวจะคุกเข่าให้หนูรึเปล่า" คนที่พูด ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
"ฝันรึไง"
"แต่หนูเป็นองค์หญิงเลยนะ"
"เราสนิทกันถึงขั้น มาคุยกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันจะเอาเธอไปมัดไว้กับเสาบ้าน เพราะเธอกล้าบอกให้ฉันคุกเข่า" ผมขู่เด็กที่ทำตาใส เธอมีมุมที่เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงแต่งอะไร เหมือนเหมเหม่เลย
"อ๊าาาา หมินหมิ่นไม่กล้าแล้ว หมินหมิ่นก็แค่สงสัย"
"เป็นเจ้าหญิงจากไหน ก็ต้องคลานเข่าให้ฉันทั้งนั้น ถูตัวสิ" ผมจับมือที่ไร้ที่ขัดตัวแล้วมาลูบที่ร่างกายของผม เท่านั้นแหละ!!!!
สั่นไปทั้งตัว 5555555 ให้มันได้แบบนี้สิ
"แบบนี้มันบัดสีบัดเถลิงกันไปใหญ่แล้ว ท่านริวจะแกล้งหนูแบบนี้ทุกวันไม่ได้น้าาาาาา"
ก็เธอมันน่าแกล้งอ่า ซื่อบื้อสุดๆ แถมยังยอมให้แกล้งด้วย เหมือนเหมเหม่เลย คนที่พยายามจะหนีผมเดินในน้ำจนไปสะดุดกับที่ปล่อยน้ำกลางอ่างขนาดให้ ทำให้ผมต้องรีบไปคว้าร่างเธอเอาไว้ เพราะกลัวหัวจะไปฟาดขอบอ่างแล้วเอ๋ออีก แต่ดวงตากลมโตของเธอกลับมองมาที่ผมอย่างไม่วางตา
"หนีจนได้เรื่อง"
"หัวใจข้าเต้นแรงเพราะสิ่งใด เพราะท่านเปลื้องผ้าแน่ๆ" เธอเอามือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง จนฟองสบู่เข้าตา โอ้ยยยย บื้อได้กว่านี้อีกไหม ผมเลยต้องอุ้มเธอออกจากอ่างมาล้างตาที่ฝักบัว
"ใครเค้าให้เอามือเลอะสบู่ปิดตา" ผมใช้ฝักบัวฉีดน้ำล้างตาให้เธอ
"ฮื่อออ แสบๆๆ"
"ซื่อบื้อ"
"ขอบใจท่านมะ.....มาก" ดวงตากลมโตที่มองหน้าผม สลับกับมองเจ้าน้องชายของผม มองสลับแล้ว มองสลับอีก
ผมเองก็ไม่ค่อยภูมิใจหรอก ยืดอกรับในความยาวใหญ่ของตัวเองอย่างแมน ๆ
"ไร้ยางอายสิ้นดี!!!! อี๋!!! ปีศาจสามขา!!!!!"