ภวินท์เอ่ยขอร้องภรรยาหมาดๆของตนว่าวันนี้ให้หยุดเรียนสักหนึ่งวันก็ได้แต่ว่าคนตัวน้อยก็ยังดื้อดึงจะลงมาเรียนตามปกติ เขาจึงต้องประคองเธอลงมานั่งรอคุณครู
“ที่รักโอเคแล้วค่ะ พี่ไม่ต้องมานั่งเฝ้าที่รักหรอกนะคะ”
“อย่าห้ามพี่เลย พี่จะนั่งเฉยๆไม่กวนเวลาเรียนหรอกครับ”
“งั้นก็ตามใจค่ะ ที่รักไม่ได้อยากให้เขามานั่งมองพี่ตาหวานเชื่อมแบบนั้นสักหน่อย”
“ฮ่าๆ หึงพี่ก็ไม่บอก รับรองว่าวันนี้คุณครูของที่รักต้องเลิกคิดไปไกลแน่นอน” ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจเสียงดัง เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่อยากให้เขาพบกับคุณครูสอนวาดรูปอย่างน้ำใส
“ยังไงละคะ” หญิงสาวถามออกไปหน้างอ เขารู้อยู่ก็ยังจะแกล้งถามคาดคั้นคำตอบจากเธออีก
“เดี๋ยวก็ได้รู้ครับ” ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
ด้านคุณครูสอนวาดรูปคนสวยรีบเดินทางมาที่บ้านของลูกศิษย์แต่เช้าเพราะอยากจะเจอพี่ชายสุดหล่อของลูกศิษย์ วันนี้หญิงสาวแต่งตัวสวยเป็นพิเศษเพราะอยากให้ชายหนุ่มประดับใจ เมื่อรถจอดสนิทเธอก็ส่องกระจกจัดทรงผมเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนก้าวเดินเข้าไปยังด้านใน พัทธ์ธีรานั่งรออยู่ก่อนแล้วโดยมีภวินท์นั่งอยู่ไม่ห่างกายเพราะเป็นห่วงคนตัวน้อยเหลือเกิน น้ำใสเห็นเขาก็รีบเอ่ยทักทายเสียงหวาน
“วันนี้สนใจมาเรียนพร้อมกับน้องที่รักไหมคะ” น้ำใสถามออกไปเสียงหวาน ดวงตาเธอทอประกายวาววับ
“ไม่ดีกว่าครับเรื่องงานศิลปะผมไม่ค่อยถนัดเท่าไร” ชายหนุ่มปฏิเสธออกไปอย่างพยายามรักษาน้ำใจคนฟัง
“ของแบบนี้อยู่ที่การฝึกฝนนะคะคุณภวินท์ รับรองว่าน้ำใสฝึกให้คุณได้” หญิงสาวส่งสายตาเป็นประกายไปให้กับชายหนุ่ม พัทธ์ธีราเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบใจอย่างแรง
“พี่ภวินท์ไม่ต้องมาเฝ้าที่รักหรอกนะคะ ไหนพี่บอกมีงานต้องทำนี่คะ” เธอไม่ชอบใจเลยที่คนต้องหน้าจ้องใบหน้าคมคายของชายหนุ่มตาเป็นมัน มันรู้สึกหวงอยากจะเก็บเขาเอาไว้คนเดียว อาการหึงหวงมันเป็นแบบนี้นี่เอง
“เอาไว้ก่อนก็ได้ครับ พี่เป็นห่วงที่รักนี่” ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงอบอุ่น เขาทั้งเป็นห่วงทั้งอยากจัดการอะไรหลายๆอย่างด้วย
“คุณภวินท์เป็นพี่ชายที่น่ารักจังเลยนะคะ ถ้าน้ำใสมีคนดูแลแบบน้องที่รักบ้างก็คงจะดี” น้ำใสบอกออกไปน้ำเสียงชื่นชม พี่น้องรักใคร่เป็นเรื่องที่ดี
“นี่งอนอะไรพี่อีกแล้วใช่ไหมครับ ถึงได้บอกใครต่อใครว่าพี่เป็นพี่ชายเราน่ะ ไม่คิดเลยนะครับว่าการคบหากับพี่จะเป็นเรื่องน่าอาย” ชายหนุ่มแสร้งตอบกลับน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจจนหญิงสาวหน้าเสีย
“คะ คุณภวินท์หมายความว่ายังไงคะเนี่ย” น้ำใสถามออกไปด้วยความสงสัย วันนี้เธอจะต้องรู้ความจริงทุกอย่างให้กระจ่าง
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย” ที่รักเอ่ยออกไปน้ำเสียงแผ่วเบา
“นั่นสิคะนี่คุณกำลังอำน้ำใสเล่นอยู่หรือเปล่าคะ ฮ่าๆ คบหาอะไรกันก็ในเมื่อ...” หญิงสาวยังไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินกับหูของตนเอง
“ที่รักหมายถึงที่รักไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าอาย ที่รักก็แค่ยังไม่ชินเท่านั้นเอง ที่รักจะอายได้ยังไงละคะพี่น่ะคิดมากเกินไปแล้ว” คำตอบของหญิงสาวทำให้น้ำใสเข้าใจทุกอย่างกระจ่างแจ่มแจ้ง ที่ผ่านมาเธอเข้าใจผิดมาตลอดคิดว่าชายหนุ่มที่ยังไม่ได้แต่งงานยังโสดสนิท
“คุณสองคน...” ท่าทางโอบประคองไม่ห่างของชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกอิจฉาตาร้อนมากๆ ถ้าข้างกายเขาเป็นเธอก็คงจะดีไม่น้อย
“ที่รักเป็นแฟนและว่าที่ภรรยาของผมเองครับ ขอโทษด้วยถ้าทำให้คุณน้ำใสเข้าใจผิดคิดเป็นอื่นไป” ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ น้ำใสอยากจะกรีดร้องออกมาแต่ต้องสงวนท่าทีของตัวเองเอาไว้ต่อหน้าคนตัวโต ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะคบหากับเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างพัทธ์ธีรา
“ที่รักปวดหัวจังเลยค่ะ” หญิงสาวบอกกับคนตัวโตเสียงอ่อนจากนั้นก็ยกมือขึ้นมากุมขมับ
“งั้นขึ้นไปพักที่ห้องก่อนนะครับ วันนี้ที่รักคงเรียนไม่ไหวแล้ว คุณน้ำใสกลับได้เลยนะครับ ส่วนค่าจ้างของวันนี้ยังจ่ายให้คุณตามปกติครับ” จบประโยคของชายหนุ่มเขาก็ประคองหญิงสาวผละห่างออกไปทันที น้ำใสได้แต่ยืนทำตาปริบๆ มองคนสองคนเดินจากไปช้าๆ
“เป็นไงครับ พอใจแล้วหรือยัง”
“พอใจแล้วค่ะ พี่ภวินท์พูดตรงเกินไปไหมคะ ที่รักชักจะสงสารครูเขาแล้ว”
“ฮ่าๆ อะไรกันเมื่อกี้ยังมองแรงน้ำใสเขาอยู่เลย”
“อย่าเรียกให้ดูสนิทสนมขนาดนั้นได้ไหมคะ” หญิงสาวบอกออกไปน้ำเสียงสะบัด ในเมื่อเขาบอกว่าเธอมีสิทธิ์ในตัวเขา เพราะฉะนั้นผู้หญิงคนอื่นก็ไม่ควรได้ใกล้ชิดเขา
“คร๊าบๆ ไม่เอาไม่พูดถึงคนอื่นแล้วดีกว่า ไปนอนพักดีกว่านะครับ”
“ค่ะ” หญิงสาวยอมลงอย่างง่ายดายเพราะรู้สึกหมดแรงอยากนอนพักสักหน่อย เมื่อหัวถึงหมอนหญิงสาวก็หลับไปทันที ชายหนุ่มอมยิ้มมุมปากเอ็นดูคนตัวน้อย เขายื่นมือออกไปลูบผมเธอเบาๆพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า
“เหนื่อยแย่เลยสิเรา ครั้งหน้าพี่จะปราณีมากกว่านี้หน่อยแล้วกันนะครับ”