ขวัญจะหย่าให้พี่
ขวัญจะหย่าให้พี่
ขวัญจะหย่าให้พี่
เรื่องที่ของขวัญพูดเมื่อคืน ดังก้องในหัวซ้ำไปซ้ำมาไม่จบสิ้น
ทั้งที่ควรรู้สึกยินดีแต่กลับไม่ เขางงว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตซะยิ่งกว่าตอนที่ถูกบังคับให้แต่งงาน
ไม่มีสัญญาณเตือนเลยว่าของขวัญจะขอหย่า เราสองสามีภรรยาใช้ชีวิตกันตามปกติเหมือนเดิมที่เคยเป็น แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น อะไรดลจิตดลใจให้อยู่ๆ ยายผู้หญิงที่นอนน้ำลายยืดอยู่ตรงหน้าลุกขึ้นมาพูดว่าเราหย่ากันเถอะ
ของขวัญรักเขา
รักหมดหัวใจ
รักมาแต่ไหนแต่ไร
แต่ทำไมเมื่อคืนถึงได้พูดเรื่องหย่าหน้าตาเฉย ไม่เห็นถึงความเสียใจบนใบหน้าเจ้าหล่อนแม้แต่นิด ไม่เลย..
"อุ๊ย!" ของขวัญสะดุ้งเมื่อลืมตาขึ้นแล้วเห็นภามกำลังจ้องหน้าเธออยู่ "มอร์นิ่งค่าพี่ภาม ดีใจจัง ตื่นแล้วได้เห็นหน้าหล่อๆ ของพี่ภาม"
เจ้าของเรียวปากอิ่มยิ้มแฉ่ง ของขวัญก็ยังเป็นของขวัญคนเดิม สดใสและมีพลัง ต่างจากเขาที่ร่อแร่เต็มที เมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืน เอาแต่คิดว่าทำไมเมียถึงขอหย่า ทั้งที่ควรเป็นเขาไม่ใช่หรือที่ต้องเอ่ยปากพูด
"สดชื่นจังเลยนะ"
"ก็ได้นอนเต็มอิ่มนี่คะ" ตอบสามีพร้อมบิดขี้เกียจโชว์เขา เมื่อคืนเธอหลับสนิท หลับลึกกว่าทุกคืนทุกผ่านมา อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป หรือไม่ก็เพราะได้ปลดเปลื้องบางอย่างที่บีบรัดหัวใจตลอดสามปีที่ผ่านมา "ว่าแต่ทำไมใต้ตาพี่ภามคล้ำจังเลยคะ"
ยังจะถาม ก็เป็นเพราะเธอนั่นแหละที่ทำให้เขานอนไม่หลับ "ไม่เหมือนขวัญ ตื่นเช้ามาหน้าตาสดชื่นแจ่มใส"
ถ้อยคำประชดประชันต้อนรับเช้าวันใหม่ ไม่ได้ทำให้ของขวัญถือสาสามี เพราะเป็นเรื่องปกติที่เธอเจอมาตลอดสามปี ลองภามพูดดีๆ พูดหวานๆ สิ แบบนั้นค่อยน่าตกใจ
"ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ ดีกว่าตื่นมาแล้วหน้าบูดเหมือนตูดลิง" ยกตัวอย่างก็ผู้ชายตรงหน้าเธอนี่แหละ คนบ้าอะไรอารมณ์เสียแต่เช้า เป็นวันนั้นของเดือนหรือก็ไม่ หรือว่าเผลอไปกินรังแตนที่ไหนมา แต่จะเหตุผลไหนก็ช่างแม่งเถอะ คิดให้ปวดกบาลทำไม "งั้นขวัญไปอาบน้ำก่อนดีกว่า วันนี้ขวัญมีประชุมตอนเช้าด้วย"
"ขวัญ.." เขาคว้าข้อแขนเล็กไว้ก่อนที่ภรรยาจะลุกขึ้นจากเตียง "เรื่องหย่าน่ะ เอาจริงเหรอ"
"ก็ต้องเอาจริงสิคะ เรื่องแบบนี้พูดกันเล่นๆ ได้ที่ไหน" ภามถามอะไรไม่สมกับเป็นเขาเลย "ทำไมเหรอคะ หรือว่าพี่ภามไม่อยากหย่า"
"ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เรื่องหย่าเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งสินสมรส ทั้งคุณย่า จะหย่าปุ๊บปั๊บคงไม่ได้ ต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน" เขายกเหตุผลมากมายเท่าที่จะนึกออกบอกกับของขวัญไป
"ก็จริงค่ะ เรื่องสินสมรสพี่ภามจัดการได้เลย ไม่ต้องแบ่งอะไรให้ขวัญก็ได้ เพราะขวัญไม่ต้องการอะไรจากพี่อยู่แล้ว ส่วนเรื่องคุณย่า ไว้เราสองคนหาโอกาสเหมาะๆ บอกท่านกันนะคะ"
"แล้วถ้าคุณย่าไม่ยอมล่ะ ขวัญจะทำยังไง" คุณหญิงชิดสมัยย่าของเขาเอ็นดูของขวัญมาก รักไม่ต่างจากลูกหลานในสายเลือด คงไม่ยอมให้เราสองคนหย่ากันง่ายๆ แน่
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะพี่ภาม ขวัญว่าขวัญเอาอยู่ ขวัญจะอธิบายให้คุณย่าฟังเองว่าทำไมเราสองคนถึงตัดสินใจหย่ากัน พี่ภามไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงพี่ก็ได้หย่าแน่นอน"
นายแพทย์ภามหอบสารร่างเหมือนคนไร้วิญญาณมาที่โรงพยาบาล
ทั้งที่เป็นสถานที่เดิมที่เหยียบย่างเข้ามาหลายปีจนคุ้นเคย แต่ความรู้สึกกลับแตกต่าง ทุกอย่างรอบตัวหม่นหมองไปหมด ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เขารู้เพียงแค่ว่าเกลียดสิ่งที่กำลังเป็นอยู่
เกลียดตัวเองที่เผลอหวั่นไหวกับภรรยา เกลียดความอาลัยอาวรณ์ในหัวใจที่มีต่อของขวัญ เกลียด.. ที่ไม่ชิงชังเธออย่างที่ควรจะเป็น เกลียดที่สุดก็คืออยากดึงรั้งกันไว้ในวันที่เจ้าหล่อนบอกจะไป
เป็นห่าอะไรของมึงวะภาม!
"เฮ้! มาทำงานแต่เช้าเลยนะครับท่าน" นายแพทย์กฤษตบบ่าทักทายเพื่อนสนิทที่เรียนจบจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเดียวกัน ทั้งยังเรียนต่อเฉพาะทางสาขาเดียวกันอีกด้วย เรียกได้ว่ารู้จักภามมานานเป็นสิบปี นานพอที่จะรู้ว่าวันนี้เพื่อนอารมณ์บ่จอย "เป็นอะไรของมึงวะ หน้าหงิกเป็นรูทวารหมาเลย"
"มึงก็เปรียบเทียบซะกูเห็นภาพเลยไอ้สัส"
ต่อหน้าคนอื่นนายแพทย์ภามสุภาพ แน่นอนว่าภาพลักษณ์เขาคือผู้ชายสุขุมสมกับเป็นทายาทรุ่นที่สามของอาณาจักรบางกอกกู๊ดฮอสพิทอลกรุป ผู้นำด้านการให้บริการรักษาสุขภาพอันดับต้นๆ ของประเทศ มีโรงพยาบาลในเครือหลายแห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มและนายแพทย์กฤษทำงานอยู่ก็เป็นหนึ่งในเครือ BGH (Bangkok Good Hospital)
ซึ่งภาม พรพาณิชย์เป็นทั้งนายแพทย์รักษาคนไข้ และกรรมการบริหารของ BGH โดยมีศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์วาโย พรพาณิชย์ นั่งเก้าอี้ประธานกรรมการบริหาร
ศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์วาโยปัจจุบันอายุหกสิบปีบริบูรณ์ ซึ่งตัวเขาคิดว่าควรเกษียณและยกเก้าอี้ประธานกรรมการบริหารให้ลูกชายคนเดียวเสียที
ทว่านายแพทย์ภามกลับขอเวลาทำงานในฐานะนายแพทย์รักษาคนไข้อีกสองสามปี ผู้เป็นพ่อที่ยังพอไหวจึงได้แต่ตามใจลูกอย่างที่ตามใจกันตลอดมา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยขออะไรจากลูกชาย
"มีหลานให้พ่อนะภาม ถ้าแกมีหลานให้พ่อสักคน พ่อสัญญาว่าพ่อจะทำตามที่แกขอ"
ด้วยว่านายแพทย์วาโยหย่ากับภริตาตั้งแต่ลูกชายคลอดได้ไม่กี่เดือน เขาจึงมีทายาทเพียงคนเดียว แม้ในวัยหนุ่มนายแพทย์วาโยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงบ้าง ทว่าไม่ได้แต่งงานใหม่ ด้วยกลัวว่าหากภามมีแม่เลี้ยง จะเกิดปัญหาระหว่างลูกชายกับภรรยา จึงใช้ชีวิตเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกคนเดียวลำพังจนถึงปัจจุบัน
หลาน.. เป็นเรื่องเดียวในชีวิตที่นายแพทย์วาโยร้องขอจากลูกชาย
นึกถึงคำขอของพ่อทีไร ภามก็พลันหนักใจขึ้นมา เขาไม่ได้รับปากนายแพทย์วาโยว่าจะมีทายาทให้ แต่ก็รู้ว่าพ่อและย่าคาดหวังแค่ไหนกับเรื่องนี้
"ว่าแต่อะไรทำให้หงุดหงิดแต่เช้าครับท่าน"
"หน้ากูมันชัดขนาดนั้นเลยเหรอ"
"มองมาตั้งแต่ห้าร้อยเมตรยังรู้เลยว่ามึงอารมณ์บ่จอย สรุปว่าเป็นอะไรวะ" กฤษถามอีกครั้ง ทั้งเป็นห่วงเพื่อนและอยากสาระแน ซึ่งแน่นอนว่าอย่างหลังมีมากกว่า
ปกติเขาไม่ชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง แต่เรื่องของขวัญขอหย่าเป็นข้อยกเว้น เพราะขืนเก็บงำไว้คนเดียวต่อไป มีหวังหัวได้ระเบิดกระจุยแน่ "ไอ้กฤษ กูจะหย่า"
"หย่า!" ดวงตานายแพทย์กฤษเบิกโพลง ก็รู้ว่าเพื่อนไม่ได้เต็มใจแต่งงาน กระนั้นก็เห็นอยู่กันมาได้เรื่อยๆ แล้วทำไมถึงได้ลุกขึ้นมาหย่ากะทันหันโดยไม่มีเค้าลางให้เห็นอย่างนี้ล่ะ "อาทิตย์ก่อนยังไปงานแต่งด้วยกันดีๆ อยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมึงถึงจะหย่า"