EP : 2

1934 Words
สวัสดีค่ะ รู้จักกันมาสักพักแล้วแต่ยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยใช่ไหมคะ แต่...อย่าทางการเลยเนอะเอาพอสังเขปดีกว่า บอกตามตรงว่าเขินค่ะ แค่แนะนำตัวตอนพรีเซนต์งานหน้าชั้นเรียนก็เขินจะแย่แล้ว ฮ่าๆๆ ฉันชื่อพริกหวานค่ะ ชื่อพริกเหมือนจะแสบและแซบแต่ดันมีคำว่าหวานมาด้วย ก็ดี น่ารักดี ชื่ออะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละที่พ่อแม่ตั้งให้ คนสวยแต่ให้ชื่อมะเขือก็ยังดูสวย -__-! อ้อ! ชื่อฉันไม่ใช่ว่าได้มาเพราะที่บ้านทำสวนพริกหรอกนะคะ แล้วก็ไม่ใช่ว่าได้มาเพราะตอนท้องแม่ชอบกินพริกหวานด้วย ไม่ต้องตามหาที่มาและความสำคัญของชื่อน่ารักๆ นี้ เพราะมันไม่มีอะไรเป็นเหตุจูงใจให้พ่อแม่ตั้งชื่อนี้หรอกค่ะ ตั้งเฉยๆ อยากตั้งก็ตั้งเลย คงเห็นว่าน่ารักเหมาะกับลูกสาวดีก็เลยตั้ง ฉันเรียนอยู่ปี 3 มหาลัยชื่อดังที่บอกใครก็ร้องอ๋อ~ แต่ช่างมันเถอะเรื่องนั้น เอาเรื่องปัจจุบันตอนนี้ดีกว่า คือแบบนี้ค่ะ ฉันมีเพื่อนสนิทหนึ่งคนชื่อแป้งหอม แป้งหอมป็นคนสวยและมีแฟนหนุ่มที่หล่อและรวยมาก~ แต่ก่อนหน้าที่เพื่อนจะมีแฟนเราสองคนได้เคยทำการจองตั๋วเครื่องบินในโปรโมชั่นศูนย์บาทเอาไว้เพื่อมาเที่ยวทะเล จองข้ามปีข้ามชาติกันเลยทีเดียวล่ะ ทีนี้พอถึงเวลาที่จะได้มาเที่ยวเพื่อนก็ดันมีแฟนไปแล้วไงคะ ทีแรกจองโรงแรมเล็กๆ ราคาน่ารักเอาไว้แต่แฟนเพื่อนไม่โอเคอยากให้แฟนตัวเองได้พักหรูอยู่สบายก็เลยจัดการจองโรงแรมชื่อดังอันดับหนึ่งของที่นี่ไว้ให้ แล้วเราสองคนก็มาเที่ยวกันสวยๆ สองสาว แต่วันนี้ที่จะพักเป็นคืนสุดท้ายพี่คูเปอร์แฟนแป้งหอมก็โผล่มาเซอร์ไพรส์แฟนตัวเองถึงที่ ฉันก็เลยได้ย้ายห้องพักใหม่ซึ่งฉันโอเคมากๆ ไม่ได้มีปัญหาติดขัดอะไร จะติดอยู่เรื่องเดียวที่ทำให้อารมณ์เสียนิดหน่อยก็คือเหตุการณ์เมื่อกี้ที่เจอพี่ฟาโรห์อะไรนั่นมาทำเย็นชาไร้มารยาทใส่ แต่ช่างมันเถอะค่ะยังไงไม่ก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ อยู่แล้ว คนเราร้อยพ่อพันแม่จะให้ใครเขามาเป็นอย่างที่เราต้องการก็คงเป็นไปไม่ได้จริงไหมล่ะ ก๊อกๆๆ “ค่า~” ฉันได้ยินเสียงเคาะประตูก็เลยขานรับ สงสัยเป็นแป้งหอมมั้งคะ คงเดินมาเช็คความเรียบร้อยเพราะเกรงใจฉันที่อยู่ๆ ก็ต้องย้ายห้องแบบไม่ทันตั้งตัว แอด~ “อ้าว...พี่วายุ สวัสดีค่ะ” เป็นเพราะฉันคิดว่าเป็นแป้งหอมก็เลยไม่ได้ส่องตาแมวดูแต่พอเป็นประตูออกไปถึงได้รู้ว่าไม่ใช่เพื่อนรักแต่เป็นเพื่อนรักของแฟนเพื่อนอย่างพี่วายุต่างหาก แต่ก็อย่างที่เคยบอกนั่นล่ะค่ะฉันไม่เคยคุยกับเพื่อนพี่คูเปอร์ แค่รู้จักผิวเผินเท่านั้น “สวัสดีครับ พี่มาชวนพริกหวานไปกินข้าวน่ะ” “คะ?” พี่เขาทักทายกลับแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลยค่ะ ยิ้มให้เหมือนคนที่สนิทกันมาก่อนแล้วก็เอ่ยปากชวนเลย จริงสิพี่คูเปอร์บอกว่าเพื่อนเขายังไม่ได้กินข้าวฝากให้ฉันช่วยดูแลนี่นา “ไปกินข้าวกัน” พี่เขาคงเห็นฉันทำหน้างงก็เลยพูดอีกรอบ พูดแล้วก็ส่งยิ้มมาเป็นของแถม ยิ้มเหมือนจะให้ละลายหัวใจซึ่งถ้าใครต่อใครมาเห็นก็ละลายจริงๆ นั่นล่ะค่ะ ยิ้มสวยมาก “อ้อค่ะพี่วายุ แต่เอ่อ...พริกขอเวลาสักครู่ได้ไหมคะ แป๊บเดียวค่ะ” ฉันเอ่ยออกมาด้วยความเกรงใจ หน้าเน่อไม่ได้เติมพริกหวานออกไปเดินไม่ได้หรอกนะคะ ยิ่งไปเดินกับผู้ชายหล่อๆ ด้วย เดี๋ยวคนหาว่าเป็นคนใช้ ถึงจะไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขาแต่ฉันก็ไม่อยากเดินไปแล้วถูกคนมองว่าฉันเป็นอีขี้เหร่ที่เสนอหน้าไปเดินใกล้คนหล่อ แบบนั้นพริกหวานคนนี้รับไม่ได้หรอกนะคะ “ได้สิครับ ตามสบายเลย เสร็จแล้วเรียกพี่นะพี่รออยู่ห้องตรงข้าม” เขาพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มทำให้ฉันรู้ว่าเขาเข้าใจผู้หญิงแน่นอนก่อนที่พี่วายุจะชี้ไปที่ประตูห้องฝั่งตรงข้ามกับฉัน จะเข้าไปรอในห้องนั้นงั้นเหรอ แล้วแบบนี้ตอนไปกินข้าวต้องไปกับพี่ฟาโรห์ด้วยรึเปล่าคะ ไปกับคนเย็นชาไร้อารมณ์ร่วในสังคมนี่มันค่อนข้างอึดอัดนะ “ถ้างั้นเดี๋ยวพริกรีบไปทำธุระก่อนนะคะพี่วายุ” ถึงจะสงสัยแต่ก็ทำได้แค่เก็บไว้ในใจแล้วไปจัดการธุระส่วนตัวดีกว่าพี่เขาจะได้ไม่ต้องรอนาน “ครับผม ไม่ต้องรีบนะตามสบายเลยพี่รอได้” พี่เขาส่งรอยยิ้มจริงใจมาให้ฉันก็เลยยิ้มตอบก่อนจะปิดประตูแล้วเดินไปเติมหน้า อันที่จริงก็เติมหน้าไม่นานหรอกค่ะ แต่ก็ต้องเช็คความเรียบร้อยกันหน่อย คนมันสวยอ่ะเนอะยังไงก็สวยอยู่แล้ว ^0^ ฉันใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็พร้อมออกไปข้างนอก ออกมานอกห้องก็มายืนเคาะประตูห้องของพี่ฟาโรห์ ระหว่างที่เคาะก็พยายามลบอคติออกไปด้วย ก๊อกๆๆ ฉันเคาะประตูแค่ 3 ครั้งก็ยืนรออยู่หน้าห้อง รอให้คนในห้องเปิดประตูออกมา ไม่กล้าเคาะหลายครั้งค่ะกลัวเสียมารยาท แต่...ยืนรอเกือบ 2 นาทีก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะมีใครเปิดประตูให้ฉันเลย ก๊อกๆๆ ฉันตัดสินใจเคาะอีกรอบเพราะบางทีเมื่อกี้ฉันอาจจะเคาะเบาไป เผื่อพี่เขาเปิดทีวีหรือคุยกันเสียงดังแล้วไม่ได้ยิน แอด~ คราวนี้ได้ผลค่ะ เคาะรอบที่สองรอไม่ถึง 10 วินาทีประตูห้องก็เปิดออก แต่คนที่เปิดประตูดันไม่ใช่พี่วายุ เฮ้อ! แต่ช่างเถอะพริกหวาน พี่เขามีบุคลิกไม่น่าคบหาเองอย่าไปถือสาเขาเลย ลบอคติออกไปเถอะนะเดี๋ยวไม่สนุก แต่บอกตามตรงนะคะว่า First impression มันสำคัญมากๆ เจอกันครั้งแรกแล้ว First impression มันไม่ดีนี่ความรู้สึกกลับมายากเลยนะ “พี่วายุล่ะคะ” แต่ฉันก็ต้องพยายามลดอคติแล้วคุยกับพี่ฟาโรห์อยู่ดี “ไปเอาของที่ห้อง” เขาตอบฉันสั้นๆ แล้วก็เดินออกมาจากห้องพร้อมปิดประตู เขาเปลี่ยนชุดใหม่นะคะ เป็นชุดที่ดูสบายๆ กางเกงขาสั้นกับเชิ๊ตแขนยาวที่พับแขนเสื้อมาครึ่งหนึ่ง ดูดีเลยค่ะ แต่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมหรอก เวลานี้คือกำลังเซ็งนิดหน่อยที่เห็นเขา นี่อย่าบอกนะว่าพี่ฟาโรห์เขาก็จะไปกินข้าวด้วย? ฉันได้แต่เซ็ง เจอแบบนี้ไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะเพราะเขาปิดประตูเสร็จก็เดินนำหน้าฉันไปโน่นแล้ว เดินไปหยุดที่ห้องพี่วายุแล้วก็เคาะประตู เหอะ! น่าจะมีมารยาทบอกฉันสักหน่อยเถอะว่าให้เดินไปกับเขา นี่ไม่อยากจะเยอะเรื่องมารยาทเลยนะคะ แต่พี่แกก็นิ่งไป นิ่งแบบนี้มันจะกลายเป็นเสื่อมมารยาททางสังคมนะโว้ย! เขาเคาะไม่นานพี่วายุก็เดินออกมา พอออกมาพี่วายุก็แสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษด้วยการหันมายิ้มให้ฉันแล้วก็พูดคุยกับฉันพร้อมกับเดินไปที่ร้านอาหารของโรงแรม “เอ้อ ไอ้เปอร์มันบอกรึยังครับว่าจะพาแป้งหอมอยู่เที่ยวต่ออีกสัก 2-3 คืน พริกหวานว่างใช่ไหม” พี่วายุเอ่ยขึ้นระหว่างที่นั่งกินข้าวกันสามคน โดยที่มีแค่ฉันกับพี่วายุที่คุยกันส่วนพี่ฟาโรห์ก็นั่งกินเงียบๆ ไม่พูดไม่จา แต่ไม่ได้ทำหน้าเหมือนโกรธใครมาหรอกนะคะ โอเคค่ะฉันจะพยายามเข้าใจบุคลิกของพี่เขาแล้วมองผ่านๆ ไปเหมือนเป็นอากาศธาตุก็แล้วกัน “ยังเลยค่ะ จะอยู่ต่อกันใช่ไหมคะ” ฉันก็คิดเอาไว้อยู่เหมือนกันว่าพี่คูเปอร์มาถึงที่นี่บางทีพี่เขาคงอยากพาแป้งหอมอยู่เที่ยวต่อ ถ้างั้นพรุ่งนี้ฉันคงต้องกลับคนเดียวสินะ “ครับ ว่าแต่พริกหวานว่างใช่ไหม พี่นึกว่ามันบอกเราแล้วซะอีก อยู่ต่อนะจะได้เที่ยวกันหลายๆ คน” อยู่ต่องั้นเหรอ? อยู่ต่อก็ต้องรบกวนพี่คูเปอร์เรื่องที่พักน่ะสิคะ ไหนจะค่าเครื่องที่ต้องกลับนั่นอีก ขากลับนี่ถ้าเลื่อนก็ไม่ใช่โปรศูนย์บาทแล้วนะคะ ต้องจ่ายเต็มราคาแล้วนักศึกษาตัวเล็กๆ อย่างพริกหวานจะปั้มเงินมาจากไหนกันล่ะ “เอ่อ...” จะบอกยังไงดีล่ะ “ไอ้เปอร์มันจัดการเรื่องห้องพักกับตั๋วขากลับไว้ให้แล้ว แต่ถ้าเราไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับเผื่อมีธุระ แต่พี่ก็อยากให้อยู่ต่อนะจะได้เที่ยวด้วยกัน” “คะ จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอคะ” ฉันถึงกับงงเลยค่ะ อย่าบอกนะว่าห้องพักที่ให้ฉันไปพักพี่เขาจ่ายล่วงหน้าถึงวันที่เขาต้องการกลับเรียบร้อยแล้ว โอ้โหแพงนะคะหลายหมื่นเลยนะนั่น “ครับผม เราว่าไงล่ะอยากอยู่ต่อไหม” “คือ...” อยากสิคะ อยากมากด้วยเพราะมีเวลาว่าง กำลังจะตอบแต่สายตาดันมองไปเห็นหน้าพี่ฟาโรห์ ความอยากก็เลยหยุดชะงัก “ไอ้ฟาร์ มึงทำหน้าให้เหมือนเต็มใจมาเที่ยวหน่อยสิวะ มึงเกรงใจน้องพริกหวานบ้างเดี๋ยวน้องเขาไม่สนุก เห็นหน้ามึงอึนแบบนี้ใครจะอยากอยู่เที่ยวต่อกันวะ” พี่วายุหันไปว่าเพื่อนตัวเอง สงสัยคงเป็นเพราะพี่วายุเขาเห็นฉันชะงักไปตอนที่หันไปเจอพี่ฟาโรห์มั้งคะ ฉันก็เห็นด้วยค่ะ แล้วก็อยากขอบคุณพี่วายุมากที่พูดกับเพื่อนเขาตรงๆ เพราะฉันก็แอบไม่สนุกหลายครั้งเหมือนกันเวลาที่หันไปเจอคนนั่งหน้านิ่งเหมือนเบื่อโลกอย่างเขา “จะให้กูทำหน้ายังไงในเมื่อหน้ากูเป็นแบบนี้” เขาตอบเนือยๆ “ทำหน้าให้มันสนุกไงวะ มึงทำเป็นไหมไอ้ฟาร์ นี่มาเที่ยวนะโว้ย” “อยากให้กูทำหน้าสนุกก็ไปหาผู้หญิงสวยๆ มาให้กูมอง กูไม่มีอาหารตา...กูเบื่อ” เขาตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงรำคาญ ฟังดูรำคาญมาก แต่ฉัน...จุก อยากให้กูทำหน้าสนุกก็ไปหาผู้หญิงสวยๆ มาให้กูมอง กูไม่มีอาหารตา...กูเบื่อ ...เดี๋ยวๆๆ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง แล้วฉันที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่สวยงั้นเหรอ? นี่เขากำลังจะสื่อว่าฉันไม่สวยงั้นเหรอคะ? ฉันเนี่ยนะไม่สวย! มันจะมากไปแล้วนะไอ้ตุ๊กตายาง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD