วันแรกก็เจอเลย(ต่อ)

1495 Words
พระแสงยังยิ้มขันเต็มใบหน้าเมื่อเดินลงมาจากห้องนอนของช้องนาง ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขึ้นมาบนห้องนอนของหล่อนเช่นนี้ เขาเคยมาบ้านนี้และบ่อยครั้งเมื่อยังเรียนหนังสือแล้วมีเรื่องต้องพึ่งพาช่อม่วงลูกคนกลางของบ้านนี้ บ้านนี้มีลูกสาวถึงสามคน ล้วนแต่หน้าตาสะสวยทั้งนั้น เพียงแต่ความสวยงามของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันเช่นเดียวกับบุคลิกภาพแม้แต่ช้องนางพี่คนโตที่ดูห้าวแข็งกร้าวไม่ต่างจากผู้ชายก็ยังมีความสวยตามแบบฉบับของตนเอง ช่อม่วงเพื่อนรุ่นเดียวกับเขานั้นสวยหวานอบอุ่นและอ่อนโยน เหมือนน้ำเย็นรินรดหัวใจยามอยู่ใกล้ ส่วนพวงครามน้องคนเล็กหน้าตาสะสวย อาจเรียกว่าสวยจัดสวยเกินหน้าเกินตาพี่ๆ แต่นั้นเพราะเจ้าตัวปรุงโฉมแต่งเติมสีสันจนบางคราเขายังคิดว่ามากจนเกินพอดี ผู้หญิงวัยสาวสะพรั่งควรเผยผิวสมวัยมากกว่าพอกแป้งจนหาเนื้อแท้ไม่เจอเช่นนี้ ทว่าในเมื่อเป็นความชอบส่วนตัวของคน ใครก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย พวงครามไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเหมือนพี่สาวทั้งสองคน ช่อม่วงเคยบอกว่าน้องขออยู่หอพักใกล้โรงเรียนเพื่อสะดวกในการเดินทาง แม้ครอบครัวนี้จัดเป็นครอบครัวชาวสวนเต็มขั้น แต่มีฐานะเข้าขั้นเศรษฐีทีเดียว ดูจากการส่งเสียให้ลูกได้เรียนหนังสือจนจบปริญญา ให้พักสบายใกล้ที่เรียนรวมถึงมียานพาหนะให้ใช้สอย เขาจำภาพช้องนางขี่จักรยานยนต์ไปเรียน บางวันก็แวะส่งช่อม่วงก่อน บางวันช่อม่วงก็ไปกับเขาหรือขับรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ไปเรียนเอง ส่วนเวลานี้หล่อนจบการศึกษาและทำงานมั่นคงแล้วจึงซื้อรถยนต์ใหม่ใช้เองแล้ว ทว่าพี่สาวของหล่อนยังใช้จักรยานยนต์เช่นเดิมแม้จะซื้อคันใหม่ก็ตาม อาจเป็นเพราะโรงเรียนมัธยมที่ช้องนางสอนนั้นอยู่ไม่ไกลบ้านนัก “มีอะไรหรือเปล่านายพระแสงเห็นหัวเราะร่วน” อุไรทักขึ้นเมื่อลูกเขยหมาดๆ เดินผ่านมา พลางวางมือจากการทำอาหาร ปิดเตาแก๊ส แล้วเดินออกไปนอกครัวที่พระแสงยืนรอ “ไม่มีอะไรครับน้าอุไร” “หือ ยังเรียกน้าอีกหรือ” อุไรเลิกคิ้ว ลูกเขยยิ้มเจื่อนทันที “ขอโทษครับแม่” อุไรยิ้มกับคำเรียกใหม่ แล้วเดินไปนั่งลงเหมือนต้องการคุยกับลูกเขยเป็นกิจจะลักษณะ “ขอบใจนะที่ไม่รังเกียจนังช้อง” “รังเกียจเรื่องอะไรครับ”พระแสงทำหน้างง และพิศวงมากขึ้นเมื่อฟังแม่ยายพูด “ก็นะเข้าหอแล้วก็คงรู้แล้ว จะว่าไปสมัยนี้คงไม่มีใครถือสาเรื่องนี้แล้วใช่ไหม แม่นะไม่รู้จริงๆ ว่ามันไปพลาดท่าใครเข้า ถามหาพ่อเด็กมันก็ไม่ยอมบอก อันที่จริงก็ถือเป็นความผิดของแม่เองที่ปล่อยลูกสาวอยู่บ้านกันตามลำพังแถมพักนั้นก็บ้าพืชบ้าสวนเฝ้าประคบประหงมไม่มาดูดำดูดีลูกจน” อุไรหยุดถอนหายใจแล้วหัวเราะขื่นๆ “วันหนึ่งนังช้องก็อุ้มนายมังกรไปฝากให้ตากับยายเลี้ยง” อุไรหัวเราะอีกครั้ง“เราก็รู้จักกันมานานช้องมันคงบอกก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหม ขอบใจที่ยอมรับมันได้ยอมตบแต่งให้เกียรติมัน” “ไปไหนกันหมด” เสียงยายมาลัยดังขึ้นที่หน้าบ้าน ก่อนจะเดินเข้ามาเมื่อเห็นคนนั่งคุยกันอยู่ “อ้าว! อุไรมาหรือ” “สวัสดีค่ะน้า พอดีว่าจะมาช่วยเก็บข้าวเก็บของ แต่ช้องบอกว่าเอาเสื้อผ้าไปไม่กี่ชุด ไว้ค่อยมาเอาใหม่” “อือ ไม่ต้องขนไปมากมายหรอก อยู่ใกล้แค่นี้เอง” มองหาคนที่เอ่ยถึง “แล้วแม่ช้องไปไหนละนี่” “เก็บของอยู่ข้างบนค่ะ ฉันทำกับข้าวแล้ว เดี๋ยวจะชวนเด็กๆ กินข้าวที่นี่ก่อน น้ามาลัยกินด้วยกันไหมคะ” “ไม่ละ ที่บ้านก็ทำแล้ว คนงานช่วยเก็บร้านเก็บบ้านต้องทำให้กินอิ่มก่อน ฉันเห็นพวกเด็กๆ หายมานานเลยว่าจะมาช่วย แม่อุไรอยู่ช่วยแล้วถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อน” มาช่วยหรือมากันท่า ช้องนางที่แอบฟังอยู่ตรงบันไดอดคิดไม่ได้ “แม่ช้อนแอบฟังผู้ใหญ่คุยกันไม่ดีนะครับ” เสียงเล็กทักขึ้นทำช้องนางสะดุ้งโหยง ก่อนหันไปแหวใส่ “ไม่ได้แอบฟัง ป้าหยุดรอเราไง นายมังกร” หล่อนบอกแล้วหันกลับไปยิ้มกับผู้ใหญ่ที่คงได้ยินเสียงนายมังกรเต็มๆ แล้วมีแววตำหนิจากสายตาทั้งสามคู่ สองคู่ของผู้มากวัยกว่านั้นหล่อนยอมให้ แต่นายพระแสงนี่มาส่งสายตาดุด้วยทำไม หล่อนไม่ยอม อย่าปีนเกรียว เดี๋ยวแม่ตบดิ้น ช้องนางได้แต่คิดในใจ เพราะไม่กล้าทำจริงอยู่แล้ว ใครจะตบผัวรักได้ลงคอ เฮ้อ บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวง่ายๆ สามอย่างฝีมือแม่ที่ช้องนางกำลังลำเลียงขึ้นโต๊ะ แต่ถึงจะง่ายใครทำก็ได้แต่รสมือย่อมแตกต่างกัน แล้วลูกบ้านนี้ก็ติดรสมือแม่เสียด้วย เวลาไปหาแม่หรือแม่มาเองมักจะมีกับข้าวติดมือมาฝากเสมอ แต่วันนี้แม่หิ้วของสดมาทำและทำหม้อโตจนช้องนางแปลกใจ “ทำไมทำเยอะจังแม่” หล่อนถามพลางตักข้าวให้ทุกคน พอส่งให้มังกรก็ไหว้ขอบคุณก่อนรับไปทำให้พระแสงอดยิ้มในกิริยามารยาทของเจ้าเด็กน้อยช่างเถียงไม่ได้ แต่จะเรียกเถียงคงไม่ใช่ เรียกว่าเจ้าตัวจ้อยช่างหาเหตุผลมามาเจรจา บางคราดูแก่แดดแก่ลมไปนิดแต่รู้ว่าเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ใจและเป็นปกติของเด็กที่ถูกปู่ย่าตายายเลี้ยงมา เมื่อช้องนางส่งจานข้าวให้เขาจึงต้องเอ่ยขอบคุณไปด้วยแต่กระนั้นยังถูกเจ้าตัวเล็กติงเอา “ทำไมไม่ขอบคุณครับแม่ช้อนแบบนี้ละครับ” มังกรไหว้อีกครั้งเป็นตัวอย่าง ทำเอาผู้ใหญ่ในโต๊ะมองสบตากันในทันที “ลุงเค้าเป็นแฟนป้า ไม่ต้องไหว้ก็ได้”ช้องนางว่า “แต่แม่ช้อนแก่กว่า ผู้ใหญ่ให้ของคุณลุงก็ต้องไหว้ ไหนลองทำตามลูกมังกรสิครับ” แล้วมันก็ไหว้ชดช้อยอีกครั้งทำเอาพระแสงหน้าเหวอไปทีเดียว “นี่นายมังกรกินข้าวไป อย่าทำมารู้ดี ยายเคยสอนว่ายังไง” อุไรออกโรงเองจนเจ้าตัวเล็กสะดุ้งรีบเอามือลงแล้วตอบ “เป็นเด็กต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ครับ” “ใช่ แล้วห้ามสอนผู้ใหญ่ด้วยเข้าใจไหม”อุไรพูด “แต่ถ้าผู้ใหญ่ผิดละครับ” “มังกร!” ช้องนางเหลืออด “ทำไมต้องเสียงดังด้วยคุณช้อง” พระแสงติงทันที ก่อนหันไปมองหน้าเจ้าตัวช่างเจรจาที่หน้าสลดหดลงเหลือไม่ถึงสองนิ้ว “ครับ ลุงจะจำไว้ ถ้าผู้ใหญ่ให้ของต้องไหว้ขอบคุณ” แล้วหันไปไหว้อุไร “ขอบคุณสำหรับกับข้าวอร่อยๆ ครับน้าอุไร” “หือ”อุไรเลิกคิ้ว “ครับแม่” “ขอบคุณค่ะแม่” ช้องนางไหว้ตาม แล้วหันไปลูบหัวเจ้าตัวน้อยที่ทำให้ตนถูกสามีดุ “พอใจหรือยัง กินข้าวกันดีกว่านะ” “ครับกินข้าวกันครับ” มังกรยิ้มหน้าบาน พร้อมขยับจานข้าวไปข้างหน้าแล้วบอกว่าอยากกินอะไรเพื่อผู้ใหญ่จะได้ตักให้ซึ่งทำเช่นนี้ประจำเพราะไม่มีผู้ใหญ่คนไหนวางใจให้เด็กอย่างมังกรตักกับข้าวเอง ทั้งเกรงจะหกเลอะเทอะและกลัวติดนิสัยเห็นแก่ตัวตักอาหารที่ชอบเยอะจนกลายเป็นตะกละตะกราม ไม่รู้จักแบ่งปัน พระแสงจัดการตักกับข้าวที่เด็กน้อยต้องการให้ แต่มิวายยังถูกเจ้าตัวเล็กสั่งสอน “เอานิดเดียวครับ กินให้หมดก่อนค่อยตักเพิ่มครับ ยายบอกว่า” “พอๆ หยุดพูด กินไปเงียบๆ” อุไรตัดบท “ลุงจะจำไว้ครับ” พระแสงบอก แล้วเทกับข้าวในช้อนใส่จานตนเองแล้วลงมือกินบ้าง “ทำไมทำเยอะ แม่จะเอากลับไปหรือจ้ะ” ช้องนางยังไม่ได้คำตอบจึงต้องถามใหม่ “เอาไว้ให้ช่อ มันบอกจะมาช่วยเก็บบ้านตอนเย็น” ถ้าตาไม่ฝาดช้องนางเห็นแววระริกในดวงตาพระแสง ดีใจทำไม น้องเมียๆ จำไว้ “แค่นี้เองหนูมาจัดเองได้” จะว่าไป บ้านก็ไม่ได้รกรุงรังเหมือนบ้านที่ผ่านการจัดงานใหญ่มาเท่าไหร่ เพราะพิธีเช้าและงานเลี้ยงล้วนทำที่ร้านช่อม่วง ญาติและเพื่อนบ้านที่มาเป็นแขกรดน้ำสังข์ก็ไม่ได้ค้างแรมเหตุเพราะอาศัยอยู่ละแวกนี้ทั้งนั้น ส่วนงานเลี้ยงก็เป็นเพื่อนร่วมงานของหล่อนกับพระแสง ซึ่งไม่มีใครเมาหมดสภาพจนต้องนอนค้างในงาน ยกเว้นเจ้าบ่าว เมาจนอด เชอะ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD