“นี่แกกล้าทิ้งฉันไปงั้นเหรอนังแพร!” ป้ายังคงตะโกนถามฉันด้วยสีหน้าเหลืออด คุณองศามองฉันที่ค่อยๆ หันมามองป้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วย ความเยาะเย้ย “อีทรยศ แกไม่สำนึกบุญคุณฉันสักนิด แล้วยังจะกล้าไปกับผู้ชายที่ไม่รู้จักอีก แกคิดว่าเขาจะดูแลแกได้ดีกว่าฉันงั้นเหรอ”
“ดูแลดีเหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามด้วยเสียงที่ราบเรียบแต่จุกในอกเป็นบ้า “ให้แพรกินข้าวเหลือจากป้า ให้แพรทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะได้หาเงินมาให้ป้ากับครอบครัวใช้ ให้แพรไม่ต้องเรียนเพื่อจะได้เป็นคนรับใช้ของป้า ให้แพรเลิกเรียนเพราะอยากให้แพรหาเงินและพาแพรไปขายที่ซ่อง นี่เหรอคะที่เลี้ยงดูแพรอย่างดี”
“...” ทุกคนเงียบปากสนิท จนคนของคุณองศาหันมามองฉันแวบหนึ่ง ทว่าไม่มีอะไรต้องอายอีกต่อไปแล้ว
“ดูแลแพรให้ลุงเข้ามาลวนลามแพร ให้ลุงเกือบจะขืนใจแพร ไหนจะ เอ็มอีก ป้าไม่รู้เหรอว่าพวกเขาทำอะไรกับแพรไว้บ้าง มันเป็นตราบาปนะคะ ป้าก็เป็นผู้หญิงทำไมป้าถึงได้ปล่อยให้พวกเขาทำกับแพรแบบนั้นล่ะ!” ตวาดใส่ป้าที่สีหน้าถอดสีขณะมองสามีและลูกเลี้ยงของตัวเอง “ป้ารู้ไหมว่าถ้าแพรมีแหวนของแม่อยู่ แพรไม่อยู่ให้ป้าโขกสับหรอกค่ะ”
“แล้วแหวนแม่แกไปไหน?”
“ไม่ใช่เรื่องที่ป้าต้องรู้หรอกค่ะ ป้ารู้แค่ว่าแพรอยู่ที่ไหนก็ได้ ดีกว่าอยู่ที่นี่จนป้าเอาแพรไปเร่ขายตามซ่อง... หรือแพรอาจจะโดนขืนใจจริงๆ ก็ได้ ป้าไม่เข้าใจเหรอคะ” น้ำตาของฉันไหลรินอาบแก้มจำต้องเอาหลังมือปาดมันออกไป “จะมองว่าแพรอกตัญญูก็ได้นะ แต่แพรทนให้ตัวเองถูกข่มเหงรังแกไม่ได้หรอกค่ะ”
“พอแล้ว” คุณองศาดึงข้อมือฉันให้หันไปมองเขาทั้งน้ำตา “ทิ้งเรื่อง เลวระยำที่เธอพบเจอไปซะ”
“...”
“คิดว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ญาติเธอ เธอไม่มีญาติแบบนี้ จำไว้แพรวา”
“ค่ะ คุณองศา” ฉันเชื่อฟังเขาอย่างง่ายดายเหมือนสัตว์เลี้ยงของเขา แค่บอกว่าให้ทำอะไรก็ยอมทุกอย่าง ชีวิตของฉันต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับเขา ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เชื่อใจคนๆ นี้ทั้งที่เพิ่งจะเคยเจอกัน ฉันก็รีบเก็บข้าวของหนีตามเขาไปเลย
“กลับกัน ฉันมีงานต้องทำต่อ”
คุณองศาจูงมือฉันออกจากบ้านหลังนี้ที่เป็นเหมือนรกบนดิน นรกที่ทำให้ชีวิตของฉันต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมาเป็นสิบๆ ปี ฉันกลับมาที่คอนโด ที่หรูหราของคุณองศาอีกครั้ง รอบนี้ได้สำรวจห้องของคุณองศาแบบชัดๆ ก็คือรอบๆ ห้องเป็นบานกระจกทั้งหมดที่สูงเทียบเพดานผ้าม่านสีขาวแบบโปร่ง ถูกเปิดรับแสงเข้ามาภายในห้อง มีเตียงนอนที่ฉันเคยนอนอยู่สีดำปนเทาตั้งเด่นสง่าอยู่กลางห้อง มีโซฟาเดี่ยวและปลายเตียงจะมีตู้ตั้งทีวีขนาดยักษ์ คุณองศาให้ฉันเอาเสื้อผ้าไปแขวนไว้ในห้องแต่งตัวของเขาที่มีเสื้อสูท,เสื้อเชิ้ตสีขาวและดำเรียงรายหลายยี่สิบกว่าตัว ฉันเลยแบบไม่กล้าที่จะเอาเสื้อผ้าแขวนเทียบเขา ด้วยซ้ำ แต่คุณองศาก็ให้ฉันจัดการให้เรียบร้อย พาเดินชมห้องที่กว้างขวางพื้นที่ได้บ้านหลังหนึ่งก็ว่าได้ เคาน์เตอร์ครัวสไตล์ฝรั่งมีโต๊ะกินข้าวสี่ตัวริมบานกระจก คุณองศาก็พาเดินตัดมายังด้านข้างของห้องที่มีอ่างกุชชี่ขนาดสี่เหลี่ยมกว้าง ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย วิวตรงนี้ดีมากไม่เคยเห็นห้องที่ดูแพงและหรูขนาดนี้มาก่อน ขนาดห้องน้ำก็ยังแบบเป็นห้องได้ห้องหนึ่งเลย คุณองศาเดินนำฉันมาถึงเตียงนอนเขาก็ให้ฉันนั่งลงพลางกอดอก “เธออยู่ที่นี่กับฉันได้ตลอด”
“ค่ะ”
“ฉันให้อิสระเธอ ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องทำงาน แต่ว่าฉันจะส่งคนของฉันไปรับไปส่งเธอและเฝ้าเธอตลอดเวลา เผื่อว่าคนพวกนั้นจะมาทำอะไรเธออีก ตกลงไหม?”
“ค่ะ”
“แล้วเรื่องเงิน ไม่พอหรือมีกิจกรรมอะไรที่จะต้องใช้ ให้มาบอกฉัน” พยักหน้ารับ อันที่จริงเรื่องนี้ฉันทำงานหาเงินได้ ไม่รบกวนอะไรของเขามากหรอก คุณองศาพูดจบเขาก็เงียบไป
“ขอบคุณนะคะที่ให้ฉันมาอยู่ที่นี่ด้วย แต่ไม่ว่าคุณองศาจะให้ฉันทำอะไร บอกมาได้เลยนะคะ”
“ตอนนี้ยัง”
“...” แสดงว่ามีสินะ
“เธอนอนบนเตียงกับฉันได้เลย ปกติฉันจะกลับห้องแค่ไม่กี่ครั้ง ต่ออาทิตย์” อ๋อ แบบนี้ถึงให้ฉันมาอยู่ที่ห้องกับเขาได้สินะ พอรู้ว่าได้หลุดพ้นจากที่นั้นฉันก็ต้องใช้ชีวิตของตัวเองใหม่ “ไม่ต้องคิดอะไรมาก เธอผ่านมันมาแล้ว”
“ฉันขอบคุณคุณองศาอีกครั้งนะคะที่ช่วยฉันไว้” ยกมือไหว้ขอบคุณเขาที่พยักหน้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าต้องขอบคุณเขาอีกกี่ล้านครั้ง ถึงจะให้สมกับที่เขาทำให้ฉันหลุดพ้นออกมาได้ “ดีกว่าอยู่กับพวกเขา ฉันเชื่อใจคุณว่าจะไม่ทำกับฉันแบบนั้น”
“เฮ้อ ฉันไม่ใช่คนประเภทนั้นหรอกนะ เธอวางใจได้” ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม “ปกติฉันไม่ค่อยยุ่งเรื่องของใครนะ ปล่อยผ่านไปหมด พอเห็นเธอโดนกระทำ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“เพราะคุณองศาเป็นคนดีไงคะ” ฉันมองเขาด้วยสายตาที่ชื่นชม “ขอบคุณนะคะที่ไม่ปล่อยผ่าน ไม่งั้นป่านนี้ฉัน...”
“บอกแล้วไงว่าเลิกคิดเรื่องนี้” ร่างสูงเดินมาหยุดตรงหน้าฉันพลางโน้มใบหน้าลงมา วางมือทั้งสองข้างบนเตียงกักกันฉันไม่ให้ไปไหน ยามที่ลมหายใจของเราสองคนผสานกันไปมา หัวใจของฉันกลับเต้นแรงเป็นบ้า “ฉันจะให้เธอพักผ่อน ฉันต้องไปทำงาน”
“เออ วันนี้จะกลับมาไหมคะ?” เรียกรั้งแผ่นหลังกว้างไว้ ใบหน้าหล่อเหลาก็เอี้ยวมามอง “จะได้ทำกับข้าวไว้รอค่ะ”
“อืม กลับก็ได้”
พอคุณองศาตกลงจะกลับมาและบอกว่าในตู้เย็นมีของสดอยู่ เขาซื้อทิ้งไว้คงยังไม่เน่าหรอกมั้ง? ก็เลยต้องลุกขึ้นไปดู ดีนะที่ของสดไม่มีอะไรเน่าไม่งั้นคงต้องไปซื้อใหม่ ฉันเดินไปรอบๆ ห้องและมานั่งพิงหัวเตียง พร้อมเปิดโน้ตบุ๊คหาข้อมูลของคุณองศาว่าเขาเป็นใคร? มีอิทธิพลมากขนาดที่ว่าทั้งเขาและคนของเขามีปืนพกด้วย
“องศา โยคินวาณิชย์สกุล บุตรชายคนเดียวของท่านศาวิทย์และคุณหญิงอรอนงค์ ผู้มีอิทธิพลมากๆ และร่ำรวยมหาศาลจากธุรกิจมากมาย ทั้งในและต่างประเทศ...” ฉันกดเข้าไปดูรูปของคุณองศาที่มีแต่รูปเท่และแบด ทุกรูป “คุณองศาเกิดวันที่ 1 มค. ปีพศ. ไม่ระบุ อายุ 32 ปี เป็นประธานบริษัทนำเข้ารถหรูและมีโชว์รูมรถที่ไม่ว่าใครก็มาซื้อรถที่นี่ ฉันอ่อนกว่าเขาสิบปีเลยเหรอเนี่ย”
อายุ 32 ปี ส่วนฉันก็ 20 ห่างกันตั้ง 12 ปีแหน่ะ แต่คุณองศายังดู หล่อเหลาราวกับว่าหนุ่มวัยนี้น่าค้นหาและน่าเกรงขามจริงๆ นั่นแหละ ประวัติของเขาไม่เชิงน่ากลัวนะ เป็นบุตรชายของคนที่มีอิทธิพลแบบสุดๆ มากกว่า
Rrr
ฉันสะดุ้งตกใจทันทีที่หันไปมองปลายสายคิดว่าป้าจะโทรมา มันเหมือนเป็นความระแวงและความกลัวทั้งที่ฉันบล็อกเบอร์พวกเขาไปจนหมด ทว่าเบอร์นี้ไม่ใช่ใครอื่นเลยนะ “ว่าไงนิว”
(“แพร วันนี้ทำไมเธอไม่มาเรียน เป็นอะไรหรือเปล่า ให้ไปหาไหม?”) คนในสายร้อนรนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ‘นิว’ เป็นเพื่อนในคณะเดียวกับฉันคือคณะอักษรศาสตร์ (“นั่นสิแพร เป็นอะไรมากไหม เป็นห่วงนะ”)
“ฉันไม่เป็นไรนิว ‘เอม’” เอมคือเพื่อนสาวอีกคนที่อยู่ในกลุ่มของฉันนะ
(“หรือยัยป้ามหาภัยทำอะไรเธออีก!”)
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปเรียน ไว้ค่อยเล่าให้ฟัง แล้วก็ไม่ต้องไปที่ บ้านนั้นแล้วนะ”
(“ได้ งั้นเจอกันพรุ่งนี้”) เป็นนิวที่ตอบรับไม่เซ้าซี้ถามซักไซ้อะไรอีก เพื่อนสองคนนี้เป็นห่วงเป็นใยฉันมาก เพราะสองคนนี้รู้ว่าฉันต้องเจอกับอะไรและรู้ว่าฉันโดนกระทำเยี่ยงสัตว์ป่าจากญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ฉันเอานิ้วมือลูบไล้นิ้วนางขวาเนื่องจากที่ตรงนี้เคยมีแหวนของแม่ฉันอยู่... แต่มันกลับ ไม่อยู่บนนิ้วของฉันแล้วล่ะ