บทที่3 พบเจอ

2180 Words
ชุดเดรสเกาะอกเปิดไหล่กระโปรงฟูฟ่องเลยเข่าไปเพียงเล็กน้อยสีฟ้าอ่อนที่สั่งตัดเป็นคู่กับชุดกระโปรงเจ้าหญิงสีฟ้าอ่อนของเด็กคือชุดของสองแม่ลูกที่ใส่มาร่วมงานแต่งงานของเขมิกาในเช้าวันนี้ เพราะความน่ารักของหนูน้อยลลินน์ทำให้หลาย ๆ คนหันมามองด้วยความสะดุดตา ทว่าหญิงสาวไม่ได้ให้ความสนใจใครเป็นพิเศษ ทำเพียงพายัยหนูเดินเข้าไปทักทายแม่เลี้ยงขวัญฤทัยผู้เป็นแม่ของพี่เขยและแม่ของเจ้าสาวในวันนี้ “ซาหวัดดีค่ะ กุนยายขวัญ” “สวัสดีจ้ะน้องลินน์ วันนี้แต่งตัวน่ารักจังเลยลูก” แม่เลี้ยงขวัญฤทัยตอบกลับก่อนจะอุ้มหนูน้อยมาอุ้มอย่างเอ็นดู เพราะรู้ดีว่าครอบครัวของลูกสะใภ้เจออะไรมาบ้างเธอจึงนึกเอ็นดูน้องสาวและหลานสาวของลูกสะใภ้ไปด้วย ยัยหนูลลินน์จึงไม่ได้ต่างไปจากลูกหลานสักเท่าไหร่ ยิ่งหนูน้อยเป็นเด็กน่ารักน่าชังก็ยิ่งทำให้เธอหลงรักจนอยากจะขโมยมาบ้านซะให้ได้ ถ้าไม่ติดว่าแม่ยายของลูกชายเองก็รักหลานสาวมากจนไม่ยอมปล่อยมา เธอคงยึดมาเป็นหลานไปแล้ว “คนเยอะมากเลยนะคะเนี่ย ไหนขิมบอกว่าจัดงานไม่ใหญ่มากไงคะ” เห็นอีกฝ่ายเอ็นดูลูกสาวคนเป็นแม่ก็ชื่นใจ แต่ก็ไม่วายชวนคุยเพราะมองไปทางไหนก็ไม่เข้ากับคำว่างานเล็ก ๆ ตามที่เขมิกาเคยบอกเล่า “เจ้าตัวเขาจัดไม่ใหญ่หรอก ที่เหลือน่ะแขกป้า อะ ยัยภัสตรา...มาด้วยเหรอเนี่ย” แม่เลี้ยงขวัญฤทัยตอบกลับเพียงประโยคเดียวก็ร้องทักใครอีกคนที่เดินเข้ามาด้วยความดีใจ แม่เจ้าสาวก้าวไปหาคนมาใหม่ในทันทีและไม่ลืมที่จะอุ้มยัยหนูติดไม้ติดมือไปด้วยจนคนเป็นแม่ต้องตามไปห่าง ๆ คนมาใหม่เป็นหญิงห้าสิบปลาย ๆ ที่ไม่ได้แต่งตัวหรูหรามากนักแต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เป็นผ้าเนื้อดีและกิริยาท่าทางเองก็บ่งบอกว่าเป็นผู้ดีมีฐานะ “มาสิยะ ลูกสาวเพื่อนแต่งงานทั้งทีไม่มาได้ยังไง” คนมาใหม่พูดแล้วก็ยื่นมือมาจับแทนการกอดเพราะเห็นว่าแม่เจ้าสาวมือไม่ว่าง แม่เลี้ยงขวัญฤทัยบีบมือตอบแต่ก็ไม่ยอมปล่อยยัยหนูให้คนเป็นแม่ “โอ้ยคิดถึง” “ฉันก็คิดถึงเหมือนกัน...แล้วนี่อะไร หลานโตขนาดนี้ไม่บอกเพื่อนบอกฝูงเหรอ” ประโยคแรกคุณหญิงภัสตราตอบรับแต่ประโยคหลังคล้ายจะโวยวายจนแม่เลี้ยงขวัญฤทัยต้องรีบชี้แจง “เปล่า ๆ นี่ลูกน้องสาวของลูกสะใภ้ฉัน หลานฉันน่ะยังอยู่ในท้องลูกสะใภ้อยู่เลย เพิ่งได้หกเดือน” “แหม่ โม้จังเลยนะยะ” “ก็นิดนึงย่ะ แล้วลูก ๆ เธอล่ะ ไม่เห็นส่งการ์ด ยังไม่แต่งงานแต่งการสักคนเหรอ” “เฮ้อ อย่าพูดเลย ลูกฉันแต่ละคนสนใจแต่งาน ไม่สนใจหาเมีย ลูกสาวก็พ่อหวงเหลือเกิน สามสิบห้าโน่นมั้งกว่าจะยอมให้มีแฟน” ได้เจอเพื่อนก็เหมือนเจอคนที่ระบายได้ คุณหญิงภัสตราเล่าแล้วก็ถอนใจหนัก ๆ เธอมีลูกชายสามคน ลูกสาวอีกหนึ่ง แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครแต่งงาน เจ้าตัวดีคนเล็กก็ทำตัวเจ้าชู้เป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมา เจ้าคนกลางที่เป็นแฝดกับคนเล็กก็มีเรื่องผู้หญิงบ้างแต่ก็บ้างานซะเหลือเกิน วัน ๆ ก็มีแต่งาน งาน แล้วก็งาน เจ้าตัวดีคนโตยิ่งหนักสุด เธอคิดว่าจะเข้าจำศีลอยู่แล้วเพราะเหล้ายานารีไม่แตะต้องมาหลายปีสนใจแต่งานกับงาน บ้างานจนบ้านช่องก็แทบจะไม่กลับ...ส่วนลูกสาวพ่อของลูกก็หวงจนไม่ยอมให้มีแฟน นึกแล้วก็อิจฉาเพื่อนจริง ๆ ที่ลูก ๆ แต่งงานไปถึงสองคนแล้ว “เฮ้อ ฉันละอิจฉาเธอ” “ทำใจนะจ้ะ ได้ของดีของเด็ดของรุ่นไปก็ต้องทำใจ คิก ๆ” แทนที่จะเห็นใจแม่เลี้ยวขวัญฤทัยกลับหัวเราะชอบใจ สามีของเธอกับสามีของอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่สมัยมหาวิทยาลัยที่เป็นเพื่อนกัน แต่สามีของอีกฝ่ายเรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของรุ่น นับเป็นของดีที่แม่เพื่อนตัวดีได้ไป แล้วตอนนี้จะมาทอดถอนใจเพราะความหวงลูกของคุณสามีทำไมกัน เห็นเพื่อนไม่ปลอบแต่ยิ้มชอบใจคุณหญิงภัสตราก็ยิ่งถอนใจหนัก ๆ “เฮ้อ รู้งี้ไม่ชอบซะหรอก ปล่อยให้เธอสอยไปซะก็ดี...มาแลกกันมั้ย สามีน่ะ” “ไม่เอาย่ะ อยากสอยของดีของรุ่นไปก็รับกรรมไปเถอะ ฉันจะอุ้มหลานรอดู” “หมั่นไส้” “หึหึ” แม่เจ้าสาวหัวเราะชอบใจในขณะที่เพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยได้เจอกันส่งสายตาหมั่นไส้มาให้ แต่แล้วการพูดคุยก็ต้องหยุดลงเพราะเสียงเล็กจากอ้อมแขนของแม่เลี้ยงขวัญฤทัยที่เจ้าตัวเกือบลืมไปแล้วว่าอุ้มเอาไว้ “ฮ๊าว” “อ้าว หาวซะแล้ว ยายขวัญกับยายภัสคุยกันน่าเบื่อเหรอลูก น้องลลินน์” “ไม่ช่ายค่ะ น้องลีนหาวเฉย ๆ” ยัยหนูตอบแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง จังหวะนี้เองที่คุณหญิงภัสตราได้มองหน้าหนูน้อยชัด ๆ ราวกับเวลารอบตัวถูกหยุดเอาไว้ รอยยิ้มสดใสของแม่หนูน้อยทำให้หญิงวัยกลางคนตกหลุมรักและรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด...เด็กคนนี้เธอถูกชะตาเข้าแล้ว “เป็นอะไร ตกหลุมรักเหมือนกันล่ะสิ ฉันเป็นบ่อย” แม่เลี้ยงขวัญฤทัยที่พอจะเข้าใจอาการของเพื่อนบอกก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือมาลูบแก้มยัยหนูเบา ๆ “น่าเอ็นดูเชียว ไม่ใช่หลานจริง ๆ เหรอเนี่ย” “ก็อยากให้ใช่อยู่หรอก แต่ไม่ใช่น่ะสิ แม่เขายืนอยู่ข้าง ๆ เนี่ย” พูดแล้วก็หลบให้ได้เห็นศศิลัลน์ที่ยืนเงียบอยู่นาน หญิงสาวยกมือไหว้คนที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยทั้งที่มั่นใจว่าไม่เคยพบเจอก่อนจะทักทาย “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีจ้ะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มให้อย่างเป็นมิตรรู้สึกคุ้น ๆ แต่ก็คิดไม่ออกเช่นกันว่าเคยเจอหรือไม่สุดท้ายจึงหันกลับไปสนใจยัยหนูที่เธอตกหลุมรักเข้าให้แทน “ว่าแต่ชื่ออะไรเอ่ย บอกคุณยายภัสได้มั้ยคะ” “จื้อลาลีนค่ะ” “น้องลาลีน?” “ชื่อลลินน์ค่ะ” หญิงสาวแทรกบอกก่อนจะอธิบายเพิ่มเติม “แต่ที่บ้านเรียกว่าน้องลินน์ซะส่วนใหญ่” “อ้อ...งั้นยายภัสเรียกว่าน้องลินน์ด้วยได้มั้ยคะ” “ด้ายคร่า” “ขอยายภัสอุ้มหน่อยได้มั้ย” ด้วยวัยที่สมควรมีหลานมาวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังแล้วแต่ยังไม่มีทำให้คุณหญิงภัสตราชื่นชอบการอุ้มเด็กเป็นอย่างมาก เจอหลานเพื่อนหลายคนก็ขออุ้มอยู่บ่อย ๆ มาเจอหนูน้อยน่ารักน่าชังคนนี้ก็อดไม่ได้ ยิ่งเป็นยัยหนูคนนี้ยิ่งรู้สึกอยากกอดหอมอย่างประหลาด ตกหลุมรักแม่หนูคนนี้เข้าแล้วจริง ๆ “ด้ายคร่า” ยัยหนูไม่พูดเปล่าแต่ยังอ้าแขนให้อุ้มอย่างรู้งาน แม่เลี้ยงขวัญฤทัยจำใจส่งหนูน้อยให้เพื่อนแต่ลึก ๆ ก็รู้สึกดีที่เห็นเพื่อนยิ้มได้ เพียงได้อุ้มหัวใจคนแก่ก็ชุ่มชื่นขึ้น ยัยหนูทั้งตัวหอมและนุ่มนิ่มจนอดใจไม่ไหว คุณหญิงภัสตราหอมแก้มหนูน้อยไปฟอดใหญ่จนเด็กหญิงลภัสชญาหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างชอบใจ “น่ารักน่าชังจริงเชียว” “ดูซิ พอมองนาน ๆ ก็เหมือนจะหน้าคล้ายซะอย่างนั้น” พอมองยัยหนูลลินน์เทียบกับเพื่อนแล้วรู้สึกว่าทั้งคู่คล้ายกัน จะว่าคิดไปเองหรือคล้ายกันจริง ๆ แม่เลี้ยงขวัญฤทัยก็ไม่แน่ใจ แต่รู้ตัวอีกทีก็เผลอพูดไปซะแล้ว ทำเอาคนอยากมีหลานแต่ยังไม่มีชอบใจใหญ่ “จริงเหรอ งั้นมาเป็นหลานคุณยายมั้ยคะ คุณยายรวยนะ ซื้อขนมให้หนูได้เยอะเลย” “นี่ ๆ จะมาขอกันแบบนี้ได้ยังไงย่ะ ฉันก็รวยฉันยังไม่ล่อลวงน้องลินน์เลย” เจอเพื่อนขายตรงจะแย่งหลานไปแม่เจ้าสาวเป็นต้องแย้งแต่ก็ได้เพียงแค่ท่าทีเหนือกว่า “ฉันรวยกว่าเธอไง” “ยัยคนนี้นี่” แม่เลี้ยงวัยกลางคนเอ็ดเพื่อนไม่จริงจังก่อนจะต้องขอตัวไปรับแขกคนอื่นเมื่อมองไปเห็นแขกคนสำคัญหลายคนทยอยเข้างานมาแล้ว “ฝากหน้องลินน์รับแขกให้คุณยายหน่อยนะลูก” “คร่า” แม่เลี้ยงขวัญฤทัยผละจากไปแล้วแต่ศศิลัลน์ยังคงอยู่ที่เดิมเพราะยัยหนูยังคงอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย คุณหญิงภัสตราแนะนำตัวก่อนจะชักชวนพูดคุยเพราะยังอยากคุยกับหนูน้อยต่อซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใด ๆ เพราะคุยกันถูกคอและเห็นว่าอีกฝ่ายค่อนข้างเอ็นดูหนูน้อยลลินน์ศศิลัลน์จึงไม่ได้แยกไปไหนจะมีผละไปบ้างก็ตอนที่มีคนเข้ามาทักทายแต่ก็ไม่ไกล คุณหญิงภัสตรามองหนูน้อยลลินน์ที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยความเอ็นดู หนูน้อยค่อนข้างช่างพูดทำให้คนแก่ที่ตอนนี้ลูก ๆ ยังไม่แต่งงานแต่งการมีหลานให้อุ้มรู้สึกใจฟูอยู่เสมอ นึกอยากจะขโมยหนูน้อยกลับบ้านด้วยซะให้รู้แล้วรู้รอด “น่ารักจริงเชียว น่ารักแบบนี้พ่อต้องหวงแน่เลย” พูดไปแล้วก็นึกถึงลูกสาวของตัวเองที่พ่อหวงนักหวงหนาจนเธอไม่มีลูกเขยและหลานยายสักที ยัยตัวแสบของเธอก็น่ารักน่าชังมาก ๆ พ่อเลยหวงชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ยัยหนูตรงหน้าของเธอน่ารักน่าชังขนาดนี้พ่อก็คงหวงไม่ต่างกัน จะว่าไปแล้วก็เหมือนลูกสาวเธออยู่มากทีเดียว...สามีเธอไปมีบ้านเล็กที่ไหนไว้หรือเปล่านะ? หรือว่าลูกชาย...ไม่สิ เจ้าพวกนั้นน่ะเธอหมดหวังซะแล้ว สามียิ่งแล้วใหญ่ แม่ยัยหนูอายุก็แค่นี้คงไม่ไปหลงกลคนแก่คราวพ่อจนมียัยหนูออกมาเป็นแน่ คุณหญิงภัสตราได้แต่คิดแล้วก็ส่ายหน้า พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ถ้าได้ยัยหนูมาเป็นหลานก็คงจะดี...แต่ดูแล้วเป็นไปไม่ได้เลย คนถูกบอกว่าพ่อคงหวงเอียงคอส่งสายตาสงสัยมาให้ก่อนจะส่งเสียงถามเรียกสติอีกฝ่าย “ป้อคืออายายเหยอคะกุนยายภัส” คุณหญิงภัสตราคิดว่าที่บ้านของหนูน้อยน่าจะเรียกพ่อว่าอย่างอื่นจึงไม่เข้าใจ จึงได้อธิบายอย่างเอ็นดู “พ่อก็คือปะป๊า บางคนก็เรียกว่าพ่อ บางคนเรียกว่าแด็ดดี้ หรือไม่ก็ปะป๊าไงคะ ก็คือแฟนของคุณแม่ คุณแม่ต้องคู่กับคุณพ่อไงคะ” “น้องลีน...ม่ายมีกุนป้อ” “อะ เอ่อ...” ราวกับบรรยากาศดี ๆ ของงานแต่งงานหมองลงทันตาเมื่อได้ยินคำนั้น คุณหญิงภัสตราพูดอะไรไม่ออกไปซะแล้ว รู้ตัวในทันทีว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป ท่าทีนั้นทำให้ศศิลัลน์ที่ผละมาคุยกับอดีตลูกค้าที่เข้ามาทักทายรีบกลับมาสอบถามในทันที “มีอะไรหรือเปล่าคะ?” “เอ่อ...” “น้องลีนมีกุนป้อมั้ยคะ” ยัยหนูไม่รอช้าถามคนเป็นแม่ในทันทีพร้อมกับพุ่งเข้ามาหา ศศิลัลน์นิ่งอึ้งไปชั่วเสี้ยววินาทีก่อนจะตอบกลับเพราะไม่อยากให้สถานการณ์แย่ลง “มีสิค่ะ ใครบอกว่าน้องลินน์ไม่มี” “แต่น้องลีนม่ายเคยเห็นเลย” “คุณพ่อไปทำงานค่ะ งานเหมือนคุณแม่เลย แต่งานยุ่งกว่ามาก ๆ เลยไม่ได้มาหาน้องลินน์” “แล้วน้องลินน์จะได้เจอกุนป้อมั้ย” “เอ่อ...คุณป้า!!!” ขณะที่กำลังกระอักกระอวนไม่รู้จะตอบอย่างไรคนที่ยืนเงียบมาตลอดก็หงายหลังหมดสติไปต่อหน้าต่อตา ศศิลันน์รีบพุ่งไปรับไว้ในทันทีก่อนที่ศีรษะของหญิงวัยกลางคนจะกระแทกพื้น เหตุการณ์อลหม่านเกิดขึ้นในชั่วพริบตาแม่เลี้ยงขวัญฤทัยรีบตามคนมาพาเพื่อนสนิทส่งโรงพยาบาลในทันที ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจที่คุณหญิงภัสตราล้มไปต่อหน้าต่อตาดี เธอควรโล่งใจที่เธอไม่ต้องตอบคำถามของยัยหนูลลินน์ แต่ใจหนึ่งก็นึกห่วงคุณลภัสที่อยู่ ๆ ก็หมดสติไปด้วยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรมากหรือไม่ แต่ก็...รอดตัวไปที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD