เสวี่ยหลานซีโขกศีรษะลงกับพื้น ยอมจำนนทุกอย่าง ขอเพียงแค่เขาไม่ทรมานนางก่อนตายก็นับว่ามีเมตตาแล้ว
ท่าทางขลาดเขลาของสตรีตรงหน้าเห็นแล้วทั้งคับแค้นทั้งปวดใจไม่น้อย ศักดิ์ศรีใด ๆ ถูกโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี หากเป็นสายลับจริงนางคงกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปนานแล้ว แต่ยามนี้กลับหมอบกราบราวกับนักโทษ หากแต่เห็นนางเงยหน้าขึ้นจะโขกหัวอีกครั้ง กลับเป็นเขาที่เข้าไปดึงรั้งร่างของนางขึ้นอย่างแรง ตวาดถามด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
“เจ้าจะทำอันใด!”
เสวี่ยหลานซีตื่นตระหนก หลับตาแน่น แม้ต้นแขนทั้งสองข้าจะถูกบีบจนเจ็บ ก็ไม่ยอมลืมตา
“ข้าขออภัย…ที่ล่วงเกินท่าน…ข้ามิได้ตั้งใจ” น้ำเสียงปนสะอื้นเอื้อนเอ่ย หยาดน้ำใสแห่งความกลัวไหลรินออกมาจากหางตาทั้งสอง
ชีวิตแรกจบลงไปโดยยังไม่ได้เปล่งประกาย ชีวิตที่สองก็กลายเป็นตัวละครที่ต้องตายเพราะถูกจับได้ว่าเป็นสายลับ ทั้งที่นางพยายามใช้ชีวิตเป็นอย่างดีแล้ว หน้าที่สายลับก็ไม่ได้ทำ อีกทั้งยังต้องสร้างความพึงพอใจให้แก่เขาทุกคืน แต่กลับไร้ค่าไร้ประโยชน์
เยี่ยนอวี่หมิงเห็นท่าทางอ่อนแอของนางก็มิอาจทำใจข่มเหงได้ ใจหนึ่งคิดว่านางเสแสร้ง แต่อีกใจกลับคิดว่านี่คือเนื้อแท้ของนาง อ่อนแอ บอบบางและขี้ขลาด ท่าทางเช่นนี้หรือจะเป็นสายลับได้ ครั้นจะสังหารนาง ฉีกทึ้งร่างเหมือนอย่างที่เคยทำกับคนก่อน ๆ ก็ไม่ได้ จะให้อภัยก็มิได้เช่นเดียวกัน แล้วเขาจะต้องทำเช่นไรให้สาสมกับโทษทัณฑ์ของนาง
สองมือใหญ่ปล่อยมือจากต้นแขนเล็กพลางถอนหายใจ เขาคิดว่าตัวเองก็อ่อนแอมิต่างจากนางเท่าใด เพราะใจอ่อน จึงกลายเป็นคนอ่อนแอ ในเมื่อมิอาจสังหารนางได้ ก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะยึดนางเอาไว้กับตัว
“นับจากนี้หอคอยเยี่ยนสุยคือคุกของเจ้า จงใช้ชีวิตให้เหมือนกับคนตาย เพราะมีเพียงความตายเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าเป็นอิสระ”
นั่นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ใช่...ตอนนี้นางถูกขังอยู่บนหอคอยเยี่ยนสุย ทั้งวันทำได้เพียงแค่กินกับนอน ช่างน่าเบื่อนัก ช่วงแรกที่ถูกจองจำทำนางแทบเสียสติ การลงโทษเช่นนี้มิต่างจากการตัดแขนขาของนางเลยสักนิด เยี่ยนอวี่หมิงสั่งห้ามมิให้นางย่างกรายออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว หากออกมาก็ต้องประสบกับค่ายกลสังหาร แล้วคนไร้วรยุทธ์เช่นนางจะกล้าออกไปได้อย่างไร
ยังดีที่มีศิษย์คนหนึ่งคอยส่งน้ำส่งข้าวไม่ให้นางอดตาย จึงพอจะทำให้นางคลายเหงาลงบ้าง แรก ๆ ต่างคนต่างระแวงกันและกัน จนเห็นว่านางไม่มีพิษภัย ถึงได้ลดการระวังลง ถึงนางจะเป็นฝ่ายชวนคุยอยู่ฝ่ายเดียวก็ตาม
ในคราแรกนางตั้งใจจะบอกนามจริงกับเยี่ยนอวี่หมิงเป็นคนแรก แต่รอแล้วรอเล่าเขาก็ไม่เคยโผล่หน้ามา คงชิงชังนางเกินทนจะเห็นหน้า ไม่คิดเหลียวแลกันเลยสักนิด เป็นคนที่ตัดบัวไร้เยื่อไยได้อย่างหมดจด ถึงอย่างไรก็เคยร่วมเตียงกันเคียงหมอน ไม่คิดว่าเขาจะใจดำได้ถึงเพียงนี้
ดังนั้นเขาผู้นั้นจึงเป็นคนแรกที่ได้รู้นามที่แท้จริงของนาง
“นี่หนุ่มน้อย ข้ากับเจ้าพบเจอกันก็หลายครั้งแล้ว ข้าแซ่เสวี่ย นามหลานซี เจ้าเล่ามีชื่อแซ่ว่าอันใด ถึงอย่างไรก็ต้องพบเจอกันทุกวัน จะไม่ให้ข้าพูดกับเจ้าก็คงไม่ได้ ข้าถูกขังอยู่บนหอคอยเฝ้ารอความตายอย่างโดดเดี่ยว ก่อนตายก็อยากจดจำใครสักคนได้บ้าง เผื่อชาติหน้าได้พบกัน ไม่แน่ข้าอาจจะเป็นฝ่ายทักเจ้าก่อนก็ได้” น้ำเสียงใสเอ่ยเจื้อยแจ้ว ขณะเดินมือไขว้หลังมองบุรุษร่างสูงโปร่งกำลังจัดสำรับอาหารให้นาง
วันนี้อาหารที่มาส่งก็ไม่ได้ต่างจากวันอื่น ๆ มากนัก ไม่ว่าจะเป็นแผ่นแป้งจืดชืด เนื้อต้มเปื่อย ผักดอง หากวันใดที่เยี่ยนอวี่หมิงอารมณ์ดี นางก็จะได้กินขนมหรือผลไม้เพิ่มอีกอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะถูกปล่อยตัวไปจากสถานที่แห่งนี้ ยังคงเป็นนักโทษที่ถูกจองจำเอาไว้เช่นเดิม
หอคอยแห่งนี้ทั้งสูงชัน บันไดก็คดเคี้ยวเป็นพันขั้นไร้ที่สิ้นสุด อีกทั้งยังมีกลไกสังหารติดตั้งอยู่รอบด้าน ราวกับกลัวไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นหอคอยของสำนักที่ขึ้นชื่อเรื่องอาวุธลับที่สุด
ทางเดียวที่สามารถขึ้นได้มาอย่างรวดเร็ว ก็มีแต่ต้องใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินขึ้นมา แน่นอนว่าไม่เกินกำลังของศิษย์สำนักเยี่ยนหยุน เพียงพริบตาจากด้านล่างก็ขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว เห็นคราใดก็ยังน่าประหลาดใจเช่นเดิม คงเพราะนางเป็นคนในอีกโลกหนึ่งที่วรยุทธ์เป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น
แต่ในโลกแห่งนี้ วรยุทธ์ล้วนเป็นเรื่องปกติที่ผู้มีพรสวรรค์จะหมั่นฝึกฝน แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถควบคุมลมปราณได้ ส่วนนางคือแกะดำในหมู่ของแกะดำอีกที ที่นอกจากกินกับนอน ช่วยย่อยอาหารที่เหลือจากโรงครัวแล้ว ก็ไม่สามารถทำประโยชน์อันใดได้อีก ครั้นลองมองลงไปด้านล่าง คิดว่าหากกระโดดลงไป แทนที่จะถึงพื้นอย่างปลอดภัย ร่างของนางคงกระจุยกระจายแหลกละเอียดไปคนละทิศละทางมากกว่า
คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เยี่ยนอวี่หมิงชักจะใจดำเกินไปแล้ว กับภรรยาที่อ่อนแอไร้พิษสงเช่นนี้ก็ยังหมางเมินกันได้ลง ถ้อยคำแสนเย็นชายังสลักอยู่ในห้วงโสตไม่เลือนราง เขาบอกว่าความตายเท่านั้นจึงจะเป็นอิสระได้ คงเพราะรู้ว่านางขลาดเขลากลัวตาย นางไม่มีวันปลิดชีพตัวเองได้แน่ ถึงได้มั่นใจว่านางจะไม่หนีไปที่ใด จะต้องอยู่ในหอคอยแห่งนี้ จนกว่าผู้คุมขังอย่างเขาจะพอใจ หากแต่ความมั่นใจนั้นผิดนัก โดยเฉพาะกับคนที่เคยผ่านความตายมาแล้วหนึ่งครั้งถ้วนเช่นนาง