ภาพท้องนภาสีคราม แม้สุริยันดับแสงไปแล้ว ก็ยังมีหมู่ดวงดาราพร่างพราวคอยส่องแสงระยิบระยับแข่งขันกันราวกับต้องการเรียกร้องความสนใจ ถึงสุดท้ายแล้วความสนใจทั้งหมดนั้นจะถูกดวงจันทร์ช่วงชิงไปอย่างหมดจดก็ตาม
นางเหม่อมองจันทราผ่านหน้าต่างด้วยความรู้สึกสับสน เกือบสามเดือนแล้วที่แต่งเข้ามาในจวนประมุขเยี่ยน ‘เยี่ยนอวี่หมิง’ นามที่ไม่ว่าผู้ใดก็ขยาดไม่อยากเข้าใกล้ ยุทธภพนี้หากสำนักกระบี่ไท่กวงออกหน้าว่าเป็นฝ่ายธรรมะ ‘สำนักเยี่ยนหยุน’ ก็คือขั้วตรงข้าม
สำนักเยี่ยนหยุนซ่อนตัวในหุบเขาผาไม้ชาดมานานหลายร้อยปี แต่มีศิษย์นอกและในหลายหมื่นคน สายข่าวของเยี่ยนหยุนแทรกซึมไปทั่วทั้งแผ่นดิน ทำให้สำนักในฝ่ายธรรมะต่างหวาดระแวงยำเกรงความยิ่งใหญ่นี้ ถึงขั้นส่งหน่วยสอดแนม หน่วยลอบสังหาร ไปจัดการประมุขเยี่ยน แต่ก็ไร้ผล และส่วนมากเข้าไม่ถึงสำนักฝ่ายในด้วยซ้ำ
ยกเว้นแต่นางที่ได้รับการตบแต่งเป็นภรรยาคนที่เจ็ด ไม่ใช่อนุทว่าเป็นภรรยาเอก เพราะหกคนแรกถูกเยี่ยนอวี่หมิงจับได้ ว่าเป็นสายลับจากสำนักกระบี่ไท่กวง สำนักชิงฮวา และสำนักเมิ่งเทียน สายลับจากสามสำนักใหญ่ทำงานล้มเหลวและจะพบกับจุดจบใด หากไม่ใช่ส่งพวกนางไปเยือนแม่น้ำลืมเลือน ข้ามไปยังแดนปรโลกเสีย
ส่วนนางก็ไม่ได้ต่างไปจากภรรยาทั้งหกคนแรกของเยี่ยนอวี่หมิง นามแฝงของนางคือ ‘หยกขาวสกุณา’ เป็นเพียงสายลับฝึกหัดที่ถูกส่งมาทำภารกิจ
ในวันที่เกี้ยวเจ้าสาวจากสกุลถานออกเดินทาง กลุ่มสายลับจากสำนักชิงฮวาก็ได้ลักพาตัวเจ้าสาวแล้วสั่งให้นางสวมรอยเป็นเจ้าสาวแทน และนับจากนั้นมา นามของนางก็คือถานซีซาน ผู้ต้องกลายเป็นภรรยาของเยี่ยนอวี่หมิง และต้องสืบหาจุดอ่อนของเขาให้ได้
แต่นั่นเป็นเรื่องราวก่อนที่นางจะมาเข้าร่างของหยกขาวสกุณา ใช่…นางเป็นเพียงผู้เข้ามาสวมร่างในนิยายเท่านั้น ความทรงจำก่อนหน้านี้คือนางกับสหายอีกสามคนกำลังไปเที่ยวพักผ่อน แต่กลับต้องประสบอุบัติเหตุ ในครานั้นนึกว่าต้องออกเดินทางข้ามแม่น้ำลืมเลือนไปเสียแล้ว ทว่าตื่นขึ้นมาในร่างของสตรีผู้นี้แทนเสียอย่างนั้น
เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วกลับได้ยินว่าสุราที่ดื่มในวันมงคลนั้นเป็นสุราพิษชนิดพิเศษ มีไว้เพื่อสังหารนักฆ่าโดยเฉพาะ ว่ากันว่าพิษของมันจะออกฤทธิ์หากในร่างกายของผู้ดื่มมีพิษอยู่เท่านั้น ทว่าร่างนี้ไม่เคยฝึกต้านยาพิษมาก่อน จึงรอดพ้นพิษสุราจากสำนักเยี่ยนหยุน
ในค่ำคืนนั้นยังจำความเจ็บปวดราวกับร่างแหลกร้าวได้ ราวกับภายในถูกกรีดแยกซ้ำ ๆ อันเป็นผลมาจากพิษของเยี่ยนหยุนทำลายวรยุทธ์ทั้งหมด และเจ้าของร่างคงทนพิษที่ทำลายร่างกายไม่ไหว จึงสิ้นใจไปก่อนที่จิตวิญญาณของนางจะเข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน
คราแรกก็คิดว่าเป็นเพียงภาพความฝันเท่านั้น แต่ทุกอย่างกลับกระจ่างชัดแจ้งเมื่อวันที่นางได้ร่วมหอกับเยี่ยนอวี่หมิงเป็นครั้งแรก ทั้งเจ็บปวดทั้งสุขซ่านยากจะต้านทาน ฝ่ามือเล็ก ๆ ของนางกอดแผ่นหลังชุ่มเหงื่อของเขาไว้เสียแน่นราวกับถูกเชื่อมติดกันเอาไว้ ในขณะที่เยี่ยนอวี่หมิงปฏิบัติต่อนางทั้งทะนุถนอมราวไข่มุกในมือ ท่าทางก็มิได้ดูโหดร้ายอย่างที่เห็นในบทบรรยาย คงเพราะวางใจที่นางมิใช่สายลับ เขาถึงได้ลงมือปฏิบัติภารกิจสืบทายาทกับนางทุกครั้งที่มีโอกาส
ความจริงแล้วเรื่องไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ ในเรื่องราวเดิม นางควรจะตายไปตั้งแต่ถูกพิษทำลายวรยุทธ์ จากนั้นเยี่ยนอวี่หมิงก็ได้คิดบัญชีกับสำนักชิงฮวา อ้างเรื่องลักพาตัวเจ้าสาวกวาดล้างศิษย์ทั้งนอกในจนสิ้นอย่างชอบธรรม ด้วยเหตุประการนี้จึงทำให้สำนึกฝ่ายธรรมะเคียดแค้นอย่างมาก
อนึ่งเจ้าสำนักชิงฮวาเป็นคนรักของเจ้าสำนักไท่กวง อีกทั้งยังเป็นน้องสาวของเจ้าสำนักเมิ่งเทียน สามสายสัมพันธ์นี้แข็งแกร่งจนเป็นที่เลื่องลือในยุทธภพ ถึงขั้นถูกขนานนามว่า ‘สามยอดขุนเขาเทียมนภา’ ทว่าหนึ่งยอดขุนเขาถูกสำนักเยี่ยนหยุนหักจนเหี้ยน สองสำนักที่เหลือจึงรวมพลังเพื่อล้างบัญชีแค้น ใช้เลือดล้างเลือด
สุดท้ายสำนักเยี่ยนหยุนก็พ่ายแพ้เพราะถูกรุมกินโต๊ะ ส่วนตอนจบ นางเอกอย่างถานซีซานที่เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายจนเกิดสงครามสองฝ่าย ธรรมะอธรรม กลับได้พบรักกับศิษย์สำนักกระบี่ไท่กวง ได้ออกท่องพเนจรช่วยเหลือผู้เดือดร้อนตามสามี
ช่างเป็นตอนจบที่ชวนปาทิ้งยิ่ง ทั้งที่เยี่ยนอวี่หมิงอยู่เฉย ๆ ก็ถูกรังแก ทั้งถูกลักพาตัวเจ้าสาว พอเอาคืนก็ถูกไล่ล่า น่าเวทนา
หลังจากที่ระลึกทุกอย่างได้แล้วนางจึงตัดสินใจเป็นกบฏเสีย มิใช่กบฏของสำนักเยี่ยนหยุนแต่เป็นกบฏต่อสำนักชิงฮวาต่างหาก ในเมื่อนางมิใช่หยกขาวสกุณา แม้จะสวมรอยเป็นถานซีซาน สวมรอยเป็นภรรยาของเยี่ยนอวี่หมิง แต่สักวันก็อยากจะเอ่ยกล่าวนามที่แท้จริงว่านางคือ ‘เสวี่ยหลานซี’
กว่าสามเดือนแล้วที่พักอยู่ในสำนักเยี่ยนหยุนฝ่ายใน โดยปกติแล้วทุกเจ็ดวันนางจะส่งข่าวไปให้สำนักชิงฮวา ทว่าทุกอย่างนั้นเป็นความเท็จทั้งสิ้น หรือไม่ก็เรื่องสัพเพเหระ อย่างที่พวกเขาไม่อาจคาดหวังได้จากสายลับฝึกหัด
ทว่าหนึ่งเดือนนี้มานี้นางมิได้ส่งข่าวกลับไป เนื่องจาก…
หนึ่งเดือนก่อน
“ข้าไม่คิดเคยเลยว่าเจ้าจะกล้าทรยศความไว้ใจของข้าเช่นนี้”
เยี่ยนอวี่หมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แม้แต่สายตาที่มองมาก็ยังผิดหวังจนนางมิกล้าสบตา
ดวงตาของนางสั่นไหวอย่างหวาดหวั่น พลางมองจดหมายลับที่กองอยู่ตรงหน้า นางทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง ไม่คิดว่าจะถูกจับได้เร็วถึงเพียงนี้ คงเพราะประมาทเกินไป ได้ใจเกินไป เมื่อเห็นเขาใจดีต่อนาง ทะนุถนอมนาง ถึงได้ไม่ระวังตัว หรือไม่บางทีเขาอาจจะจับได้ตั้งแต่แรกแล้ว