ทางด้านหลิวถิงถิงที่เพิ่งโดนแม่เลี้ยงใจร้ายมารังควานถึงมหาวิทยาลัยก็ตกเป็นเป้าสายตาของนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัย แต่สายตาที่มองมานั้นส่วนมากจะเป็นสายตาของความเห็นอกเห็นใจ และก็มีสายตาของคนบางกลุ่มที่มองมาด้วยสายตาสมเพช เวทนา และดูถูกดูแคลน จ้าวซือซืออดที่จะโมโหแทนเพื่อนไม่ได้จึงสบถออกไปจนคนพวกนั้นเดินหนีแทบไม่ทัน ใครบ้างจะไม่รู้จักจ้าวซือซือ คุณหนูตระกูลจ้าว ที่ฐานะทางบ้านติดความร่ำรวยในสิบอันดับของเมืองแอล
“ไม่มีเรียนกันหรือไง มองมาอยู่ได้!!!”
เสียงหวานดังขึ้นจนคนที่มองมาไม่รีบเดินจากไป ก็ก้มหน้าอ่านหนังสือในมือทันที
“ไม่เอาน่าซือซือ พวกนั้นมีตามีปากก็ปล่อยพวกเขาพูดไปเถอะ เราไม่เป็นไรหรอก”
หลิวถิงถิงบอกเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถิงถิง เธอก็ใจดีแบบนี้ทุกที คนพวกนี้มันถึงจ้องแต่จะกดเธอให้ต่ำลง บ้านจนแล้วไงวะ ไม่ได้ไปขอใครกินก็แล้วกัน”
จ้าวซือซืออดที่จะบ่นให้เพื่อนรักไม่ได้ ก่อนที่เฉิน เหม่ยหานเดินมาหาที่โต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่
“เป็นไงบ้างถิงถิง ฉันได้ข่าวว่าแม่เลี้ยงเธอมาด่าเธอที่นี่หรอ”
เฉินเหม่ยหานถามเพื่อนใหม่ด้วยความเป็นห่วง เธอได้ยินเพื่อนๆ ที่ห้องคุยกันว่าแม่เลี้ยงของเด็กในอุปการะของคุณชายซือนี่มันนางมารร้ายชัดๆ อยากให้ลูกเลี้ยงลาออกไปหาเงินเลี้ยงครอบครัว
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกเหม่ยหาน ขอบใจนะ” หลิวถิงถิงส่งยิ้มให้กับเหม่ยหาน
“อย่าให้อนาคตของเธอต้องพังลงเพราะคำพูดแย่ๆ ของคนอื่นนะ ตอนนี้เธอก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับที่บ้านแล้วไม่ใช่หรือไง”
เหม่ยหานบอกก่อนจะเอ่ยถามต่อ หลิวถิงถิงพยักหน้ารับ
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปสนใจเลยนะ เธอมีหน้าที่เรียนก็เรียนไปเถอะ”
เหม่ยหานกุมมือของเพื่อนใหม่เอาไว้ ชีวิตเธอยังโชคดีกว่าหลิวถิงถิงมากที่ครอบครัวยังคงอยู่พร้อมหน้า ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่พวกท่านก็มีกำลังส่งให้เธอได้เรียน
“ขอบใจเธอสองคนมากนะ ซือซือ เหม่ยหาน เธอสองคนเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันจริงๆ”
สามสาวกอดกัน ท่ามกลางสายตาคมของซือมู่อันที่มองมา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่เย็นชาเพียงแว๊บเดียว ก่อนที่เขาจะเดินจากไปพร้อมกับจางหลง
ทางด้านหยินเยว่ก็ถูกพาตัวกลับมาส่งที่บ้าน เพราะคุณชายของเขาให้แค่สั่งสอน เขาก็ทำตามหน้าที่ พร้อมกับข่มขู่ไปเล็กน้อย หากเอาเรื่องเด็กสาวมาขู่รับรองว่าแม่ที่รักลูกแท้ๆ ของตนเองอย่างหยินเยว่ คงจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวไม่ไปยุ่งกับหลิวถิงถิงอีกนาน
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่งกับถิงถิงมันอีก”
เสียงกร้าวดังขึ้นทันทีที่ร่างอวบของหยินเยว่ก้าวผ่านประตูบ้านมา
“หึ!! แตะต้องไม่ได้เลยนะ ทีเมื่อก่อนไม่เห็นจะห่วงใย ทีมาตอนนี้แล้วทำมาเป็นสนใจ ห่วงใยมัน ทำไม มันจบมาจะหวังพึ่งพามันใช่ไหม” หยินเยว่ตวาดถามด้วยความโมโหที่หลิวหยางทิ้งตนไว้กับไอ้พวกคนแปลกหน้า
“ทีลูกเธอเองเธอยังรัก แล้วทำไมฉันจะไม่รักลูกของตัวเองล่ะ หยินเยว่ อย่าลืมว่าที่ผ่านมาฉันต้องทนกับพฤติกรรมของเธอขนาดไหน ที่ฉันยอมปิดหูปิดตาก็หวังเพียงให้เธอเห็นอกเห็นใจถิงถิงมันบ้าง นี่อะไร มันออกไปใช้ชีวิตของตัวเองแล้ว ยังจะไปตามมันกลับมาลำบากอีก ใจเธอยังเป็นคนอยู่รึเปล่า ทำไมถึงได้เห็นแก่ตัวแบบนี้”
หลิวหยางโมโห อดที่จะระบายความรู้สึกออกมาไม่ได้ หยินเยว่ได้ฟังนิ่งอึ้งอยู่สักพัก ก่อนที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา
“พี่มีนังเด็กนั่นเป็นลูกคนเดียวหรือไง ถ้านังเด็กนั่นไม่ออกมาทำงานแล้วหลิวซือเยว่จะเอาเงินที่ไหนมาเรียนต่อตอนเธอจะต้องเข้ามหาวิทยาลัย พี่เป็นพ่อแท้ๆ ทำไมไม่คิด!!!”
หยินเยว่ตะโกนใส่หน้าของหลิวหยาง หลิวซือเยว่ลงมาจากชั้นสองของบ้านได้ยินพ่อกับมาทะเลาะกันก็รู้สึกแย่ พอได้ยินว่าเกี่ยวกับพี่สาวตัวดี ยิ่งทำให้เธอเกิดความอิจฉาริษยา ด้วยความที่ถูกผู้เป็นมารดาเป่าหู และเสี้ยมสอนให้รังเกียจพี่สาวมาตั้งแต่เด็ก ทำให้หลิวซือเยว่ คอยช่วยมารดากลั่นแกล้งหลิวถิงถิงมาโดยตลอด เธอค่อยๆ หลบออกจากตรงนั้นและเดินกลับขึ้นห้องไป
ชีวิตของหลิวซือเยว่ไม่ได้ลำบากดังเช่นหลิวถิงถิง เพราะบิดาคอยเอาอกเอาใจ ส่วนมารดาก็คอยประคบประหงมทำให้เธอไม่เคยรู้จักความลำบาก อยากกินอยากใช้อะไร ก็แบมือขอเงินมารดากับบิดาเพียงอย่างเดียว เธอจ้องมองไปที่กระจกก็เห็นใบหน้าของตนที่ไม่ได้มีเค้าโครงความสวยเหมือนพี่สาวเลยสักนิด มันจะแปลกอะไรก็มารดาของเธอนั้นศัลยกรรมมาตอนที่ยังเป็นสาว สาวน้อยกำหมัดแน่นนึกอิจฉาพี่สาวต่างมารดาอยู่ในใจ หน้าตาดี เรียนเก่ง หลิวถิงถิงได้ไปทุกอย่าง ส่วนเธอน่ะเหรอ หน้าตาพอใช้แถมยังเรียนไม่ค่อยเก่งอีกด้วย
ณ โรงแรมหรูใจกลางเมืองแอล
“ที่คุณชายสั่งเรียบร้อยแล้วครับ”
ต้าฉินเข้ามารายงานกับซือมู่อัน ขณะที่คุณชายของเขากำลังรออาหารหวานของค่ำคืนนี้อยู่
“ดีมาก แล้วคอยจับตาดูหยินเยว่เอาไว้ ผู้หญิงคนนี้ไว้ใจไม่ได้หรอกนะ จากที่ฟังหลิวตงตงเล่าให้ฟังว่าเขาเข้าบ่อนมาตั้งแต่เข้าสู่วัยรุ่นจนเขาติดและมีชีวิตตกต่ำอย่างเช่นทุกวันนี้ก็เพราะมีผู้หญิงคนนี้คอยเสี้ยม” ซือมู่อันบอกบอดี้การ์ดมือขวาเสียงเย็น
“ครับคุณชาย” ต้าฉินรับคำก่อนที่จะเดินออกไปรอด้านนอก
ซือมู่อันยืนมองออกไปด้านนอก มือขวายกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบก่อนกระเดือกลงคออย่างช้าๆ ในระหว่างที่เด็กนั่นอยู่ในอุปการะของเขา ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องเธอเด็ดขาด เขาคิดในใจก่อนที่จะยกไวน์ในแก้วขึ้นซดจนหมด เสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้น
“เชิญ”
น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยดังขึ้น จางหลงเปิดออกก่อนที่จะเข้าไปรายงานนาย
“คุณชายครับ หวงจือหลิน มาถึงแล้วครับ คุณชายจะให้เธอเข้ามาเลยไหมครับ”
จางหลงเข้ามารายงาน ซือมู่อันพยักหน้าส่งสัญญาณ จางหลงจึงโค้งคำนับก่อนที่จะเดินกลับไปยังที่ประตูแล้วกล่าวเชิญนางเอกสาวชื่อดังเข้ามา
“เชิญครับคุณหวง อย่าลืมทำตามสัญญาที่เซ็นไปแล้วด้วยนะครับ คุณชายไม่ชอบให้ผมตามเก็บกวาดทีหลัง”
จางหลงบอกหญิงสาวร่างบางก่อนที่จะโค้งคำนับให้และเดินออกห้องไป ดาราสาวสวยยกยิ้ม ในที่สุดวันที่เธอรอคอยก็มาถึง วันที่จะได้ขึ้นเตียงกับคุณชายซือสักครั้ง
“ไปอาบน้ำก่อนเถอะ ฉันไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมของเธอ ห้องน้ำอยู่ด้านโน้น”
เสียงเย็นเอ่ยออกมาจากปากหนาสีกุหลาบ ดาราสาวมองเขาอย่างตกตะลึง ตัวจริงเขาหล่อกว่ารูปภาพพวกนั้นอีก ก่อนที่เธอจะทำตามที่เขาต้องการโดยง่าย เธอเดินตรงไปตามทางที่เขาบอก
ใช้เวลาผ่านไปไม่นานร่างบางที่มีผ้าขนหนูผืนเดียวห่มกายอยู่ก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำ งานนี้ไม่ใช่งานแรกของดาราสาว เธอร่วมรักกับคนในวงการมาบ้างแล้ว ไหนจะผู้กำกับและพวกผู้จัดละครอีก แต่การมาครั้งนี้มันทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างมาก สายตาคมจ้องไปที่ร่างบางทรงนาฬิกาทรายสมกับเห็นหุ่นของดาราดัง ความต้องการที่จะปลดปล่อยก็เกิดขึ้น
เธอเดินไปนั่งรอเขาอยู่บนเตียงก่อนที่จะปลดผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวออกจนเผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่า ผิวขาวกับหน้าอกอวบของเธอทำให้เขาเกิดความต้องการได้ไม่น้อย ซือมู่อันค่อยๆ ถอดชุดของตนออกจนเหลือเพียงอกเปลือยที่โชว์มัดกล้ามที่มีซิกแพกเป็นลอน ดาราสาวมองก่อนที่จะลอบกลืนน้ำลาย เธอเคยเห็นหุ่นแบบนี้กับพวกนายแบบ แต่คู่นอนของเธอน้อยนักที่เธอจะได้เห็นมัดกล้ามที่สวยงามแบบนี้ หญิงสาวส่งยื้มยั่วยวนออกมา ก่อนที่จะอ้าขาออกเชิญชวนให้เขาได้เข้ามาในตัวของเธอเร็วๆ
ซือมู่อันถอดกางเกงออกจนเผยให้เห็นแท่งเอ็นร้อนที่ดีดผึ่งขึ้นมา มันพร้อมรบแล้ว คุณชายหนุ่มไม่รอช้าเดินไปหยิบเครื่องป้องกันขึ้นมาสวมใส่ ก่อนที่จะขึ้นไปบนเตียงที่มีสาวสวยร่างขาวเนียนนอนให้ท่ารออยู่ ร่างหนาทับไปตรงกลางของร่างบาง ก่อนที่ปากหนาจะก้มลงงับดอกบัวตูมขนาดใหญ่ ดูดดึงและขบเบาๆ มืออีกข้างก็บีบคั้นอกอวบอีกข้าง สลับไปมาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะส่งนิ้วหนาลงไปสำรวจช่องทางรักของดาราสาว ทันทีที่นิ้วของเขาสัมผัสเข้าไปก็ปรากฏว่าร่างบางใต้ร่างหนาของตนนั้นพร้อมพรักแล้ว ซือมู่อันไม่รอช้า เขาไม่เคยเล้าโลมคู่นอนนานๆ มือหนาจับแท่งเอ็นร้อนที่สวมใส่เครื่องป้องกันเรียบร้อยแล้วดุนดันเข้าไปในช่องทางรักของดาราสาวจนสุดลำ เธอจุกจนต้องร้องบอกเขา
“อ๊า.............คุณชายซือขา...........ฉันจุกค่ะ คุณชายซือใหญ่ยาวสมคำร่ำลือเลยนะคะ..อ๊ะ..อ๊า...”
“อืม....แต่ของเธอไม่ค่อยตอดของฉันเท่าไหร่เลยนะ แต่ไม่เป็นไร”
สิ้นคำพูดอันเยือกเย็นของซือมู่อัน ดาราสาวก็ต้องร้องครางออกมาไม่ได้ศัพท์ เธอถูกเขาพลิกร่างไปมาพร้อมทั้งกระแทกจนเธอร่างแทบจะจมลงไปกับที่นอน เสียงหวานที่ครวญครางปะปนกับเสียงของเนื้อกระทบเนื้อกัน เร่งเร้าอารมณ์ชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
“อ๊า.........โอ้ว.... อื้อ........”
“บะ...เบาๆ หน่อยค่ะ อ๊า....จือหลินจะไม่ไหวแล้วค่ะ อู้ย.....อ๊าๆๆๆๆ ....”
“อืม ....อ๊า........... อ้าก............”
จังหวะหนักหน่วงที่กระหน่ำเข้าออกไม่หยุดจนร่างบางหัวสั่นหัวคลอน หวงจือหลินสัมผัสได้เลยว่าคุณชายซือผู้นี้มีบทรักที่เร่าร้อนจนเธอแทบจะหายใจไม่ทันกันเลยทีเดียว ร่างบางปลดปล่อยน้ำรักออกมาไม่รู้จักกี่ครั้งกี่หน ขณะที่คนคุมเกมยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
“ฮะ..แฮกๆๆ ... อ๊า...คุณชายขา ยังไม่เสร็จอีกหรอคะ จือหลินจะไม่ไหวแล้วค่ะ อ๊า.....”
เสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้นขณะที่ยังนอนคว่ำโก้งโค้งให้เขาได้จ้วงแทงช่องทางรักจากทางด้านหลังจนหัวสั่นหัวคลอนอยู่
“อืม.....................”
เสียงทุ้มครางราวกับว่ารำคาญ ก่อนที่จะกระแทกเข้าออกอีกสี่ถึงห้าที น้ำราคะที่กักเก็บไว้ก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนเต็มถุงยาง ซือมู่อันถอดทอนแท่งเอ็นร้อนของตนออกจากช่องทางรักของดาราสาวก่อนที่จะถอดเอาเครื่องป้องกันออกแล้วทิ้งลงไปในถังขยะใกล้ๆ เตียง แล้วลุกจากที่นอนไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายโดยที่ไม่ได้สนใจร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงอีกเลย ดาราสาวได้แต่มองตามก่อนที่จะคิดในใจ
‘เย็นชาสมกับที่ได้ฉายามาจากคู่นอนคนอื่นๆ จริงๆ เลย ให้ตายสิ’