Hi, Darling 1

1754 Words
Hi, Darling 1 ครืด! ครืด! ครืด! แรงสั่นของโทรศัพท์ทำให้ฉันที่กำลังหลับใหลอยู่ออกอาการขัดใจอยู่ไม่น้อย เวลานี้เวลานอนฉันนะทำไมถึงยังมีใครโทรมาอีกล่ะ “ค่ะ” ฉันใช้ความเคยชินเลื่อนรับสายที่กำลังโทรเข้ามาโดยที่ไม่ได้สนใจดูเบอร์ที่โทรเข้ามาเลยสักนิดว่าเป็นใคร หรือเป็นเบอร์ที่บันทึกไว้หรือเปล่า (ตื่นหรือยัง?) เสียงทุ้มนิ่ง ๆ ดังขึ้นเมื่อฉันเอ่ยทักไป เสียงแบบนี้มีคนเดียวนั่นแหละ ที่สำคัญเขาชอบโทรมาเวลาฉันนอนเหลือเกิน “ยังค่ะ” (จะเที่ยงแล้วทำไมยังไม่ตื่น) “ก็เราเพิ่งนอนไปตอนเจ็ดโมง...” (บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่านอนเช้า งานน่ะตอนกลางวันค่อยทำ ทำแบบนี้บ่อย ๆ มันอันตรายนะรู้ไหม) “ไม่บ่นสิคะ” (ก็ตลอดอ่ะ นอนพักไปเลยตื่นแล้วโทรมาด้วยมีเรื่องจะคุยด้วย) “รอคุยตอนเย็นได้ไหม” ฉันยังต่อรอง ก็ไม่รู้นี่ว่าตัวเองจะตื่นตอนกี่โมงไม่อยากรับปากให้อีกฝ่ายรอ อีกอย่างเดี๋ยวตอนเย็นเขาก็จะกลับมาบ้านอยู่แล้วใช่ไหมเหรอ รอคุยตอนนั้นก็น่าจะทันนะ (งั้นรอตอนเย็น เดี๋ยวซื้อกับข้าวเข้าไปให้) “ค่า” (เปิดแอร์หรือยัง) อีกฝ่ายยังถามต่อ “เปิดแล้วค่ะ ปิดม่านแล้วด้วย” (งั้นก็นอนพัก ตื่นแล้วไลน์มาบอกพี่ด้วย) “ค่า” คงจะสงสัยกันใช่ไหมล่ะว่าคนที่โทรมาเป็นใคร เขาน่ะ ชื่อ กริช นายแพทย์ กรกริช พิไชยสานนท์ เป็นคุณหมอ ที่ฉันเองก็จำไม่ได้ว่าเขาจบแขนงไหน รู้แค่ว่าทำงานที่โรงพยาบาลเป็นหลักและดุฉันเป็นงานรอง ส่วนฉันชื่อ เฟื่องฟ้า ฟาริดา วิเศษการ บัณฑิตจบใหม่ป้ายแดง ที่ทำงานฟรีแลนด์เป็นรองงานติ่งงานเป็นหลัก แต่ไม่ว่าจะชื่นชอบศิลปินเคป๊อปมากขนาดไหนฉันก็ไม่ได้ใช้เงินแม่นะ ฉันทำงานพิเศษเพื่อเอามาติ่งโดยเฉพาะเลยล่ะ เงินที่แม่โอนมาให้ฉันไม่ได้แตะเลยสักนิด ไม่คิดจะแตะเลยด้วย เพราะความเห็นไม่ลงตัวทำให้ฉันและพ่อไม่ติดต่อกันมีเพียงแม่เท่านั้นที่ส่งข้อความมาเรื่อย ๆ ส่วนฉันก็อ่านบ้างตอบบ้างถ้าคุยนานก็มักจะมีเรื่องให้ถูกดุถูกด่าเป็นประจำจากคนที่เป็นพ่อ นั่นแหละฉันเลยไม่ค่อยได้คุยกับพวกเขาเท่าไหร่ ตอนนี้พวกเขาไปดูแลธุรกิจที่ต่างประเทศ ส่วนตัวฉันเลือกที่จะเรียนที่นี่ไม่ไปกับพวกเขา เลยทำให้ฉันต้องมาอยู่กับคุณหมอกริช ลูกชายเพื่อนสนิทแม่ เราอยู่บ้านเดียวกันก็จริง แต่ไทม์โซนของเราแตกต่างกันอยู่มาก กลางวันฉันนอนเขาไปทำงาน ส่วนกลางคืนเขานอนฉันทำงาน เราคุยกันน้อยมาก หากวันไหนอยู่บ้านพร้อมกันฉันจะเป็นคนทำกับข้าวให้เขา อ้อ งานบ้านฉันเองก็เป็นคนทำนะไม่ได้จ้างใครเลย หากวันไหนเขาต้องขึ้นเวรหลังจากสี่โมงครึ่ง เขามักจะโทรบอกให้ฉันทำกับข้าวไปให้ เราใช้ชีวิตแบบนี้มาด้วยกันหากนับตั้งแต่ฉันเข้ามาที่นี่ตอนนี้ก็ 5 ปีแล้วล่ะ 17.54 น. “มานอนอืดอะไรตรงนี้” “ไม่อืดสักหน่อย” ฉันเถียงกลับแม้จะยังหลับตาอยู่ เสียงกุกกักดังขึ้นให้ได้ยินแต่ฉันไม่คิดจะลืมตาขึ้นดูว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร “ตื่นกี่โมง” “บ่ายสาม” “แล้วทำอะไรบ้าง” “กวาดบ้าน ถูกบ้าน ปัดฝุ่น ซักผ้า ล้างห้องน้ำ...” “ให้พี่จ้างแม่บ้านดีไหม จะได้ไม่ต้องทำเอง” อีกฝ่ายเสนอน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ใช่เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ แต่พอพูดทีไรฉันก็ปฏิเสธตลอด เพราะฉันเองก็ไม่อยากอยู่บ้านเขาเฉย ๆ จะออกค่าบ้านช่วยก็ไม่ได้เพราะบ้านหลังนี้เขาซื้อแล้ว ค่าไฟค่าน้ำเขาก็จัดการก่อนฉันเสมอ ดีที่ว่าเวลาของใช้ในบ้านหมดฉันที่ทำความสะอาดบ้านและเช็คอยู่ตลอดทำให้ได้จ่ายส่วนนี้ไปแต่มันก็น้อยนิดถ้าเทียบกับรายจ่ายของบ้านที่เขาไม่ยอมให้ฉันออกช่วยสักบาทเดียว “ไม่เอา” “เราจะเหนื่อย” “เราทำได้” “ดื้อ ลุกขึ้นมากินข้าวได้แล้ว พี่ซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้” “ฮะ? จริงเหรอ” พอได้ยินก๋วยเตี๋ยวฉันก็ดีดตัวลุกนั่งบนเตียงทันที ฉันน่ะชอบกินก๋วยเตี๋ยวไก่มะระมาก มีร้านประจำด้วยนะ อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเท่าไหร่ หกวันไหนนอนเช้าฉันจะไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่ร้านนี้เป็นประจำ กินเช้าและเย็น กินทุกวันจนพี่กริชด่า “ดูทำหน้าเข้า ไปล้างมือก่อนแล้วค่อยมาแกะ พี่ขอไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวลงมา” “รับทราบ” “หึ” อีกฝ่ายหัวเราะในคอเบา ๆ พร้อมกับยกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็เดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน บ้านที่เราอยู่เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์โมเดิลทั่วไปเลย 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ชั้นล่างมีห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่นแยกโซนชัดเจน บ้านหลังนี้พี่กริชเข้ามาอยู่ก่อนที่ฉันจะเข้ามานานมากเขาจัดตกแต่งเรียบ ๆ แต่ดูสบายตาของแบบที่เขาชอบ รอบบ้านมีพื้นที่ไม่ได้กว้างมากแต่รอบ ๆ จะมีหญ้าปกคลุม มีมุมบ่อปลาที่เชื่อมกับประตูห้องนั่งเล่น เป็นบ่อปลาที่ไม่มีปลา งงเหมือนกันว่าเขาเลี้ยงปลาทิพย์หรือเปล่า นอกจากนั้นยังมีต้นไม้เล็ก ๆ ที่ถูกปลูกไว้ให้ความร่มรื่นอยู่รอบบ้าน วันไหนที่คิดงานไม่ออกฉันก็จะออกมานั่งที่ระเบียงที่ติดกับบ่อปลานี่แหละ ร่มเย็นตลอดทั้งวันเลย “เฟื่อง!” เสียงตะโกนของคนที่บอกจะว่าขึ้นไปอาบน้ำดังมาจากชั้นบน “จ้า!” “ไปเอาโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ให้หน่อย ในรถ” “จ้า” มือที่แกะกุ้งแช่น้ำปลาใส่จานเสร็จพอดีเปื้อนเล็กน้อยฉันจึงรีบเดินไปล้างมือและไปเอาของตามที่อีกฝ่ายบอก พี่กริชน่ะ เวลาดุก็น่ากลัวมากเลยนะฉันกลัวมากเวลาเขาโมโห แต่ไม่รู้ว่าทำไมเวลาอยู่ข้าง ๆ เขาถึงต้องนิ่งขนาดนั้น ยิ่งคนที่ไม่รู้จักเขาแทบจะไม่คุยด้วยเลยนะ แต่พอเป็นฉันแค่กลับบ้านช้าหรือแอบไปเที่ยว เขาจะยืนกอดอกรอที่หน้าบันไดเลยล่ะ ดุมาก “พรุ่งนี้จะไปไหนไหม” เมื่อเดินกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ของเขา พี่กริชที่ยืนเปิดตู้เย็นอยู่รีบเอ่ยถามทันที “น่าจะไม่ค่ะ ทำไมเหรอคะ?” “แม่จะมาหา น่าจะถึงช่วงบ่าย” “หนูจะตื่นยังอ่ะ” ฉันถามกลับ มือก็ปรุงก๋วยเตี๋ยวไปพราง จังหวะที่หยิบน้ำส้มสายชูจะใส่ลงไปในชามก็มีมือขาว ๆ ยื่นมาหยิบน้ำส้มสายชูไปและเทใส่ชามให้นิดหน่อย แบบนิดหน่อยจริง ๆ นะ ฉันเงยหน้ามองอีกฝ่ายงอน ๆ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก “แค่นั้นก็ดีแล้ว กินทีไรปวดท้องตลอดพี่ไม่ให้ใส่แล้ว ใส่แค่นั้นพอ” “จ้า” จะเถียงอะไรได้ล่ะ ก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริง ๆ นี่นา “แล้วคุณป้า...” “มาถึงบ่าย ๆ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุย พี่ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรเหมือนกัน บอกแค่ว่าให้มาบอกเราด้วย” “ถ้ามา คุณป้าจะต้องโทรบอก” “ไม่ต้องมาเดาอะไรแบบนี้เลย วันนี้ต้องรีบนอนพรุ่งนี้ตื่นเช้า พี่อยากกินข้าวต้ม ตื่นมาทำให้พี่ด้วย” “ไม่เอา พี่ไปทำงานเช้า” ฉันโวยวายเล็กน้อย พี่กริชน่ะออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเลยด้วยซ้ำ ถ้าจะต้องตื่นมาทำกับข้าวให้เขาก็ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าไม่ก็ตีห้าครึ่งถึงจะพอเหมาะกับที่เขาต้องออกจากบ้าน “พี่อยากให้นอนเร็ว นอนดึกมากี่วันแล้วล่ะ” อีกฝ่ายพยายามอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็น มือก็คีบเนื้อไก่ในชามของเขามาใส่ชามของฉัน ฉันกินทั้งก๋วยเตี๋ยวสลับกับกุ้งแช่น้ำปลา และสามชั้นทอดน้ำปลา ฮื่อ อร่อยมากๆ เลยล่ะ “หนูต้องเร่งเคลียงาน” “ลูกค้าเข้าเยอะเหรอ?” “ค่ะเยอะมากเลย” “ต่อไปก็ไม่ต้องรับเยอะ ไม่พอใช้มาเอากับพี่” “บ้าเหอะ หนูจะไปเอาเงินพี่ได้ยังไงกัน พอแล้วค่ะ ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว” “ทำไมดื้อแบบนี้” อีกฝ่ายบ่นเสียงไม่เบาเท่าไหร่ คงตั้งใจให้ฉันได้ยินด้วย “พี่กริช” “ครับ” “สุดสัปดาห์หนูไปทะเลกับเพื่อนนะ” “ที่ไหน ไปกับใครบ้าง” “พัทยาค่ะ อาจจะข้ามไปเกาะ ไปกับกลัฟแล้วก็หยก” “ดูแลกันดี ๆ ใกล้วันแล้วบอกพี่อีกที” “ค่ะ แต่ร้านนี้อร่อยอ่ะ ไก่เนื้อนุ่มมาก” “ก็ร้านโปรดนี่” อีกฝ่ายว่าอย่างรู้ทัน ฉันยิ้มเขินเมื่อถูกจับทางได้ ฉันชอบร้านนี้มาก ๆ เลย นอกจากจะมีก๋วยเตี๋ยวไก่แล้วยังชอบกับข้าวของที่นี่ด้วย พวกเมนูกับแกล้มอ่ะอร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะ “แต่น่าเสียดายนะคะ เหมือนเห็นเจ้าของร้านติดป้ายประกาศเซ้งอ่ะ” “พี่เห็นอยู่” “น่าเสียดาย” “เอาน่าเดี๋ยวก็มีคนมาเซ้งนั่นแหละ รีบกินเถอะมัวแต่คุยเย็นหมดแล้วนั่น” “ค่า ๆ” เรานั่งกินและพูดคุยกันไปสักพักใหญ่ก็กินเสร็จทั้งสองคน “ไปนอนได้แล้ว...” หลังกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จพี่กริชก็บอกมาแบบนั้น “พี่นั่นแหละไปนอน หนูจะล้างจานเอง” ฉันบอกอย่างดื้อรั้น ก็เขาน่ะไม่ค่อยให้ฉันทำนั่นทำนี่ อย่างงานบ้านฉันก็ดื้อดึงทำเอง ล้างจานนี่อีก “พี่จะล้างให้ ขึ้นไป...” “พี่นั่นแหละขึ้นไปอย่ามาดื้อใส่หนูนะ ทำงานมาเหนื่อย ๆ ก็ไปพัก พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานอีก ที่เหลือหนูจัดการต่อเอง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD