ตอนที่ 4 ผิดแผน
ถ้อยคำพูดหนึ่งซึ่งกินใจของนางจนทำให้ดวงตาริ้นแดงเรื่อ ฝ่ามือเรียวถูกกอบกุมเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่เขาได้กุมมือนี้ มือคู่นี้ที่อยากครอบครองแทบขาดใจ เมื่อได้เปิดเผยความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางในดวงใจแล้ว
บัดนี้เขาจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่อีกครั้ง หวังว่าจะให้มารดาเป็นแม่สื่อช่วยออกหน้าทาบทามหมั้นหมายนางให้เป็นของเขาก่อนน้องชายต่างมารดา ซึ่งไม่รู้ว่าเป่ยหรงจิ่นนั้นมีความจริงใจมากน้อยเพียงใดต่อนางกันแน่
“ท่านแม่ ลูกรักนางและรักมาตลอด” มือหนามิได้ยอมปล่อยมือของนางไปง่าย ๆ ในเมื่อได้กุมมือคู่นี้แล้วเขาจะไม่มีวันปล่อยนางไปอย่างเด็ดขาด
“พี่เทียน ข้า...” นางซาบซึ้งใจยิ่งนัก จนดวงตานั้นแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ และในที่สุดมันก็ได้ร่วงหล่นลงมาราวกับไข่มุกเม็ดโต
ไท่จื่อเป่ยเฟยเทียนรีบยกแขนเสื้อปาดน้ำตาของนางอย่างทะนุถนอม “เด็กโง่ของข้า ไยจึงร้องไห้อีกเล่า” น้ำเสียงอบอุ่นช่างทำให้จิตใจอันห่อเหี่ยวนั้นหลุดพ้นจากความอ้างว้างแล้วในยามนี้
“คงไม่ต้องให้พ่อออกความคิดใช่หรือไม่ ดูนางสิดีใจจนร้องไห้เสียแล้ว” เป่ยเฟิ่งหวงเพิ่งเข้าใจว่าความรักนั้นมิต้องการสิ่งใด ขอเพียงแค่มีใจรักมั่นแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เขาจึงได้พูดขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้งกับภรรยาที่เขารักมากที่สุด
“ว่าอย่างไรเล่า ยินดีรับนางเป็นสะใภ้หรือไม่” มิต้องเอ่ยให้มากความ ในเมื่อสายตาของภรรยารักนั้นบ่งบอกเป็นอย่างดีว่า ปรารถนาเด็กสาวคนนี้มาครอบครองตำแหน่งไท่จื่อเฟยมาตั้งแต่ต้น
และเขาก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก ในเมื่อมีคลื่นใต้น้ำเหล่าสนมแก่งแย่งชิงอำนาจ ดังนั้นแล้วตำแหน่งของไท่จื่อต้องมั่นคงขาเก้าอี้ต้องถูกเสริมด้วยตระกูลจางนั้นเหมาะสมยิ่งนัก ซ้ำเด็กทั้งสองยังผูกสมัครรักใคร่ย่อมเป็นเรื่องที่ดี
“ยินดียิ่งนัก เห็นทีพรุ่งนี้จะต้องรบกวนท่านพี่เสียแล้วเจ้าค่ะ” ฮองเฮาเสิ่นฟางเซียน ลุกออกจากเก้าอี้ รีบเดินไปโอบกอดหลานสาวด้วยความยินดียิ่งนัก ดวงตาคู่สวยทอดสายตามองเด็กสาวด้วยความรักและเอ็นดู แล้วยังจับปลายคางเชยขึ้นมา “ป้าดีใจยิ่งนักที่เจ้าตกลง เช่นนั้นคืนนี้ก็พักเสียที่นี่”
การสนทนาของทั้งสี่นั้นได้สรุปแล้ว เมื่อเสิ่นฮองเฮาคุกเข่าต่อพระพักตร์ของพระสวามี นางขอร้องให้ร่างราชโองการมอบสมรสพระราชทานให้แก่จางชิงหนี่ว์ เมื่อเป่ยเฟิ่งหวงตอบตกลงดังนั้น จึงเกิดความปีติยินดีแก่เป่ยเฟยเทียน
แม้ว่าหญิงสาวจะรู้สึกที่กำลังหลอกลวงหัวใจของชายผู้นี้เพื่อใช้อำนาจของเขาแก้แค้นเป่ยหรงจิ่น นางผิดต่อเขายิ่งนัก ด้วยเพราะความรู้สึกของนางที่มีต่อเขาคือพี่ชายเพียงเท่านั้น แต่นางให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลและปรนนิบัติรับใช้เขาเป็นอย่างดีจวบจนชีวิตหาไม่
ร่างบอบบางถูกตระกองกอดมิอายสายตาเหล่านางกำนัลและขันที พลันองค์ชายสามเดินเข้ามา เมื่อเห็นภาพนี้แล้วบังเกิดความรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก เขากระแทกเสียงดังขึ้นทันใด “พี่ใหญ่หยุดการทำเยี่ยงนี้ นางเป็นของข้า!”
ด้วยเพราะวันนี้เขาต้องการขอร้องให้บิดามอบสมรสพระราชทานแก่เขา “พี่ใหญ่มีสิทธิ์อันใดมาแตะต้องนางกัน!” เขายังคงส่งเสียเหี้ยม แม้อยู่ต่อหน้าบิดาและฮองเฮา
เสิ่นฮองเฮาสีหน้าเรียบเฉย ปรายหางตาเหลือบมองพระโอรสของเสียนเฟย ช่างถือดียิ่งนักต่อหน้าต่อตานางยังกำแหงเยี่ยงนี้ หากลับตาไปคงกำเริบผยองกระมัง
ไท่จื่อชักสีหน้าแล้วก้าวเท้ายืนประจันหน้าน้องชายต่างมารดา เขากดยิ้มมุมปาก “เหตุใดจะไม่ได้ เมื่อครู่เสด็จพ่อรับปากแล้ว พรุ่งนี้มีราชโองการแก่ตระกูลจาง นางคือว่าที่ไท่จื่อเฟยของข้า” เขาเหยียดยิ้มเล็กน้อย
“เจ้าช่างเป็นสตรีร้ายกาจยิ่งนัก ยั่วยวนกระทั่งพี่ชายของข้า เจ้าไร้ยางอายเยี่ยงนี้เชียวรึ คำพูดของเจ้าหลงลืมไปแล้วกระมัง” องค์ชายสามมิยินยอม หากนางมิใช่ของเขาแล้วละก็ พี่ชายผู้นี้ก็อย่าหวังว่าจะได้ครอบครองนาง ชื่อเสียงของจางชิงหนี่ว์ต้องพังลงเพราะถ้อยคำโป้ปดของเป่ยหรงจิ่น
ผู้ถูกกล่าวหาทรุดกายนั่งคุกเข่าบนพื้นหยาบกระด้าง น้ำเสียงสั่นเครือใบหน้าขาวซีด เอ่ยขึ้นแก้ต่างให้ตนเองทันใด “ไม่เป็นความจริงเพคะ หม่อมฉันมิเคยเอ่ยคำพูดไร้ยางอายเยี่ยงนั้น หม่อมฉันเป็นถึงบุตรสาวของแม่ทัพจะกระทำตัวเยี่ยงคณิกาได้อย่างไรกัน”
“เสแสร้งยิ่งนัก เสด็จพ่อนางมิคู่ควรกับพี่ใหญ่” แววตาดุดันอำมหิตขององค์ชายสาม ทำให้มารดาแผ่นดินมีโทสะยิ่งนัก ชายผู้นี้ถือดีอย่างไรมาใส่ร้ายป้ายสีหลานสาวของนางเยี่ยงนี้
“หยุดสามหาวเดี๋ยวนี้นะ เปิ่นกงคิดว่าเจ้าโตพอน่าจะมีเหตุผล กล้าเอ่ยวาจาโป้ปดใส่ร้ายป้ายสีคุณหนูจางเยี่ยงนี้เพราะอันใดกัน หากมิใช่เพราะเจ้าหวังทำลายชื่อเสียงอันดีงามให้ด่างพร้อย ต้องการให้นางเสียหายคงมิอยากให้พี่ชายเจ้าสมหวังกระมัง”
องค์ชายสามถูกต่อว่าจนขบกรามขึ้นเป็นสันนูนมือหนากำหมัดแน่น แม้แต่บิดายังมิเอ่ยปากออกหน้าช่วยเหลือ “เสด็จแม่กล่าวเกินความจริง เรื่องนี้ลูกและนางเท่านั้นที่ทราบ นางเป็นเยี่ยงไรเหตุใดลูกจะไม่ทราบ”
“ไม่เป็นความจริงเพคะท่านป้า หนี่ว์เอ๋อร์ไม่กระทำตัวไร้ยางอายเยี่ยงนั้นอย่างแน่นอน เพราะองค์ชายสามมีสตรีอยู่ในดวงใจอยู่แล้ว เหตุใดหลานต้องลดตัวไปแย่งชิงด้วยเจ้าคะ” จางชิงหนี่ว์ถูกไท่จื่อประคองเอาไว้ มือหนายังคงกุมมือของนาง มอบความอบอุ่นแล้วยังมีสีหน้ามิยินยอมให้ผู้ใดมาข่มเหงรังแกนางอีกด้วย
“น้องสามเจ้าโป้ปดใหญ่โตเยี่ยงนี้เพราะอันใดกัน เพราะเจ้าคิดว่าที่ผ่านมานางมีใจปฏิพัทธ์กับเจ้านะรึ หรือว่าแท้จริงแล้วเป็นเจ้าที่ต้องการผลประโยชน์จากนางถึงได้ตามราวีนางเยี่ยงนี้ กระทำตัวต่ำช้ายิ่งนัก” เขามิยินยอมให้ตายเขาต้องปกป้องนางให้ได้
“เอาละ พ่อรับปากพี่ใหญ่ของเจ้าแล้วว่าจะมอบราชโองการแต่งตั้งให้นางเป็นคู่หมั้นของเทียนเอ๋อร์ เจ้าควรยินดีกับพี่ชายถึงจะถูก อีกอย่างเมื่อครู่นี้คุณหนูจางบอกว่าเจ้ามีนางในดวงใจแล้วมิใช่รึเป็นผู้ใดเล่า”
จากความสุขเมื่อครู่ได้หายไปในพริบตาเดียวเมื่อลูกชายลำดับที่สามเข้ามา โชคดีนักไม่มีลูกชายลำดับที่สองมาก่อกวน เช่นนั้นค่ำคืนนี้คงไม่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว
“หนวกหูชะมัด เจ้าสามมาเอะอะโวยวายอันใดกันที่ตำหนักของท่านแม่” เขาร่ำสุราเพลิน ๆ นอนอยู่บนหลังคาตำหนักของมารดา แต่แล้วเจ้าน้องชายผู้นี้ก็เข้ามาก่อกวนทำลายบรรยากาศของเขาไปจนสิ้น
เมื่อครู่ยังเอ่ยยินดีกับพี่ชายที่ได้สมหวังเสียที แต่เจ้าน้องชายสมควรตายผู้นี้กลับมาทำลายความสุขสงบ เช่นนั้นเขาจะลากมันไปลงโทษเอง “มาก่อกวนยามวิกาลมีโทษสถานใด อีกอย่างตำหนักเหวินหนิงใช่ใครจะเข้าก็เข้าได้หรือ เจ้าเป็นผู้ใดกันช่างบังอาจเหิมเกริมเยี่ยงนี้!”
“พี่รอง!” แววตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารขององค์ชายรองเป่ยเฟยหยางนั้น ทำให้เขามิกล้าต่อการได้ง่าย ๆ ด้วยเพราะชายผู้นี้แม้จะมีใบหน้างดงามเหมือนอิสสตรี ทว่าโหดเหี้ยมยิ่งนัก อีกทั้งยังมีตำแหน่งสำคัญในราชสำนักอีกด้วย เขาจึงได้แค่พ่นน้ำเสียงดุดันออกไปแค่นั้น
“เจ้าไสหัวออกไปเสีย มิเช่นนั้นจะหาว่าข้าไม่เตือน มาก่อความวุ่นวายในตำหนักเหวินหนิงยังไม่พอ ยังมาทำลายบรรยากาศสุนทรีของข้าอีกด้วยน่ารำคาญยิ่งนัก” เป่ยเฟยหยางปลดแส้ออกมาจากสายคาดเอว แววตาจ้องมองอย่างอำมหิตเลือดเย็น หากยังไม่ก้าวออกไปเขาจะหวดน้องชายผู้นี้ด้วยแส้เหล็กทมิฬ
เมื่อองค์ชายรองย่างสามขุม องค์ชายสามถอยหลังหนีสีหน้าตื่นตระหนก ผสมกับความหวาดกลัว หากองค์ชายรองผู้นี้ลงมือเกรงว่าเนื้อของเขาคงแตกเป็นแน่ แม้แต่บิดายังไม่เอ่ยขัดขวาง เขาเจ็บใจยิ่งนัก แล้วเช่นนี้จะให้เขาภักดีต่อแคว้นเป่ยซานหรือ ย่อมไม่มีทาง!
“เอาล่ะเจ้ารองไปดื่มสุราของเจ้าเสียเถิดขู่ขวัญน้องสามจนขวัญหนีดีฝ่อแล้ว” เป่ยเฟยเทียนหัวเราะเบา ๆ น้องรองผู้นี้มักออกมายามเวลาคับขันเสมอ และมักชมชอบร่ำสุราอยู่บนหลังคาตำหนักมารดาเป็นประจำ เพราะกังวลว่ามารดาจะมีอันตราย
องค์ชายรองเก็บแส้เส้นเล็ก ๆ แต่ทว่าอานุภาพความรุนแรงนั้นมหาศาลยิ่งนัก เพียงแค่ตวัดฟาดเบา ๆ ทำให้เนื้อหนังปริแตก โลหิตสาดกระเซ็น ผู้ใดไม่รับรู้ถึงความอำมหิตของเขาบ้างเล่า
“หากเจ้าสามคิดขวัญกล้าเทียมฟ้า ข้าจะเป็นคนลากมันลงมา พี่ใหญ่ หนี่ว์เอ๋อร์ ไม่ต้องเป็นห่วง มีข้าอยู่ทั้งคน ไม่ให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายพวกท่านทั้งสองเป็นอันขาด อยากลองดีก็เข้ามา!”