วันที่เอวากล้ำกลืนก็มาถึง หญิงสาวถอนหายใจเมื่อถึงภาพตัวเองใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่มีป่าเขาล้อมรอบ บรรยากาศก็ดีนั่นแหละ แต่เธอไม่ได้ชอบถึงขนาดจะใช้ชีวิตอยู่ทุกวันได้ แค่คิดว่าจะไม่ได้เดินห้างนาน ๆ ก็ท้อแท้ใจและตอนนี้ก็เริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดเข้ามาร่วม
แว่นสีชาถูกถอดออกจากใบหน้าสวยด้วยความหงุดหงิด จนป่านนี้แล้วยังไม่มีคนมารับอีก หล่อนรอมาสองชั่วโมงกว่าจนแทบจะหมดความอดทนอยู่แล้ว ตั้งใจว่าถ้าอีกห้านาทีไม่มาก็จะกลับบ้านแล้วแหละ
ร่างสวยยืนกอดอกกระทืบเท้าอย่างขัดใจ มือเตรียมจะกดโทรหาผู้เป็นพ่อ
“น่าเบื่อ ชาติไหนจะมาเนี่ย อุ้ย! ขอโทษค่ะ” ร่างบางบ่นพร้อมกับหันหน้ามาชนเข้ากับร่างสูงของใครบางคนที่เดินมาทางหล่อนพอดี
ใบหน้าสวยเงยขึ้นขอโทษชายหนุ่มหล่อคมเข้มที่จ้องหล่อนนิ่ง รอยยิ้มหวานกำลังถูกบันทึกไว้ในหัว
“เออ คุณคะ” เอวาเรียกคนตรงหน้าให้ได้สติเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่จ้องหล่อนอยู่ตั้งนานสองนาน
“อืม ไปได้ล่ะ ผมต้องไปทำงานอีกหลายอย่าง” ปักษาเมื่อได้สติก็ทำเสียงดุกลบเกลื่อนพร้อมกับลากแขนเล็ก ๆ ให้เดินตามหลังเขาแต่มือสวยก็มาแกะออกเสียก่อน
“ปล่อย นายเป็นใครจู่ ๆ มาฉุดกระชากลากถูฉันแบบนี้ ชิ หน้าตาก็พอไปวัดได้แต่มารยาทต่ำทราม พ่อจะรู้ไหมว่าเอวาลำบากแค่ไหน” เสียงบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ดังอย่างต่อเนื่อง
เอวาสะบัดหน้าหนีอย่างผิดหวังกับนิสัยของชายหนุ่มที่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย
“อย่ามาลีลา แค่ว่างมารับก็ดีถมเถไปแล้ว คนอย่างพ่อเลี้ยงปักษาไม่ใช่คนใช้ของคุณหรอกนะที่จะทำตามได้ทุกอย่าง” ร่างสูงจ้องใบหน้าสวยที่บูดบึ้ง ต่างจากครู่แรกที่เจอกันชนิดฟ้ากับหุบเหว
สวยมากแต่ทำหน้าบูดบึ้งอยู่ได้!
“อ๋อ นี่นายเองเหรอ รู้มั้ยฉันรอนานกี่ชั่วโมงนั่งจนขาจะเป็นตะคิวอยู่แล้ว งานเยอะมากมีปากก็บอกสิอมอะไรไว้ ชิ รู้แบบนี้ไม่รับปากคุณพ่อว่าจะมาก็ดีหรอก” เสียงด่าแว้ด ๆ ดังเข้าหูจนปักษาหูแทบชา
เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าด่าเขาขนาดนี้มาก่อนมีแต่จะออดอ้อนขอนั่นขอนี่ แต่ยัยคุณหนูนี่ด่าเขาได้จนไฟแลบ
เหอะ เขาคิดไว้ไม่มีผิดว่าหล่อนต้องนิสัยเป็นพวกเหวี่ยงวีนเอาแต่ใจสไตล์ลูกคุณหนู ปากแดงจิ้มลิ้มนี่มันน่าจูบให้บวมพูดไม่ได้สักสามสี่วัน
“อย่ามาขึ้นเสียงกับผมนะ คุณหนูเอวาเพราะผมคือพ่อเลี้ยงปักษาเจ้าของไร่ล้อมรัก ไม่ใช่คนที่จะมายืนให้คุณด่าต่อหน้าที่สาธารณชนแบบนี้ วุ่นวายมากก็เดินไปไร่เองเลยมั้ย” เสียงเข้มดุอีกฝ่ายที่เอาแต่บ่นเขาไม่หยุดหย่อน
ปักษาชี้หน้ายัยคุณหนูจอมเหวี่ยงวีน รอนิดหน่อยมันจะเป็นอะไรนักหนา
“ชิ เรื่องอะไรมันหน้าที่นายที่ต้องมารับฉันนะ นำไปสิจะมายืนเถียงอยู่ทำไม ไปได้แล้ว ควายป่า!” เอวายกมือเท้าเอวสั่งคนตัวโตอย่างไม่ได้นึกเกรงกลัวใด ๆ ตรงกันข้ามกลับแอบด่าชายหนุ่มเบา ๆ อีกด้วย แต่มีหรือที่มันจะรอดพ้นหูคนตัวโตไปได้
“ตามมา!!” หูปักษากระดิกเมื่อได้ยินคำสั่งราวกับเป็นแม่
เจ้าหล่อนหาว่าเขาเถียงงั้นเหรอ นี่พ่อเลี้ยงปักษานะเว้ย ไม่ใช่คนงานที่หล่อนจะมาพูดแบบนี้ด้วย แต่เขาก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะพ่อเขาสั่ง ตัวหนุนหลังเธอมันดีควายป่าอย่างเขาเลยมีสิทธิ์แค่ทำตามเท่านั้น
“เดี๋ยว!!” เสียงหวานเรียกทำเอาอีกฝ่ายหงุดหงิดกว่าเดิม
“อะไรอีก!!” ปักษาหันมาถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก จะเอาอะไรอีกละแม่คุณเอ๊ย วุ่นวายเสียจริง
“ฝากกระเป๋าไปด้วยมันหนัก ขอบคุณนะคะ” มือสวยดันกระเป๋าสีแดงใบโตไปหาร่างสูงพร้อมกับยิ้มหวานแบบดูก็รู้ว่าเสแสร้ง
ปักษาจำใจคว้ากระเป๋ามาลากไปให้ด้วยความขัดใจ ยอมทำให้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรอยยิ้มหวาน ๆ หรือเพราะรำคาญว่าจะต้องเถียงกันต่อกันแน่ที่ทำให้เขายอมลากกระเป๋าที่เหมือนเอาควายทั้งตัวยัดใส่ลงไป ไม่รู้ขนอะไรมามากมายนักหนา มาอยู่แค่สามเดือนนึกว่ามาสามปี
คนมาอย่างกับจะอยู่เป็นเมียเขาที่นี่ไปตลอดทั้งชาติอย่างนั้นแหละ…