บทที่ 1
“อลินนา! อย่าเพิ่งไป”
เสียงตะโกนเรียกที่ดังอยู่ข้างหลัง ทำให้ผู้ถูกเรียกชื่อถึงกับชะงักฝีเท้า มือเล็กจับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆ หันไปมองหาคนที่ตะโกนเรียกตนเอง
อลินนา เจ้าของใบหน้าหมองเศร้าลอบถอนหายใจยาว เมื่อเห็นเพื่อนรักพาร่างอวบอั๋นวิ่งกระหืดกระหอบตรงมาหาเธอ
“นัน รู้ได้ยังไงว่าเราอยู่สนามบิน”
ขณะเอ่ยถาม อลินนาก็เอื้อมมือไปจับร่างของเพื่อนรักซึ่งยันมือกับหัวเข่าทั้งสองข้าง หายใจหืดหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“นัน...เดา...เดาว่า...อลินต้องไปเมืองนอก...”
มนัสนันท์ตอบเสียงขาดห้วง พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อคลายความเหนื่อย แต่เมื่อไม่ได้ผลจึงควานหายาดมจากกระเป๋ามาสูดเฮือกใหญ่เข้าปอด กระทั่งมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาบ้างก็มองค้อนเอ่ยต่อว่าอลินนาชุดใหญ่
“อลินน่ะ อลิน ทำไมต้องหนีไปเมืองนอกด้วย”
คนที่ถูกต่อว่าส่ายหน้าช้าๆ ขณะปฏิเสธออกมา “เราไม่ได้หนี เราแค่อยากไปเที่ยวเท่านั้น”
“อลิน...” มนัสนันท์เรียกลากเสียงยาว เอ่ยพูดในสิ่งที่อลินนาไม่อาจค้านออกมาได้ “เราเป็นเพื่อนรักกันมากี่สิบปีแล้ว ตั้งแต่ชั้นอนุบาลกระทั้งจบมหาวิทยาลัยด้วยกันใช่ไหม”
อลินนาลอบถอนหายใจลึกพยักหน้ารับ “ใช่จ้ะ”
“เรารู้นิสัยใจคอของกันและกันเป็นอย่างดี แล้วทำไมนันถึงจะไม่รู้ว่าอลินกำลังหนี!”
“นัน...เราอยากไปเที่ยวจริงๆ น่ะ” อลินนายืนกรานคำเดิมทั้งๆ รู้ว่าเพื่อนรักไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
และก็เป็นเช่นดั่งที่คิดไว้ไม่มีผิด เมื่อมนัสนันท์ค้านว่า “ฮึ! อลินโกหกเราไม่เนียนหรอก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะว่าในดวงตาของอลินเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและมีน้ำตาคลอเบ้าในตลอดเวลา อลินไม่ควรเสียน้ำตาให้กับมัน ไม่ควรหนีผู้ชายเลวๆ คนนั้นเข้าใจไหม”
เมื่อถูกจี้เข้าไปในบาดแผลที่เกิดขึ้นอยู่ในหัวใจ คราวนี้อลินนาถึงกับน้ำตาริน ต้องกัดเม้มริมฝีปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้มีเสียงร่ำไห้หลุดลอดออกมา
“อย่า...พูดถึงเรื่องนี้อีก...”
เอ่ยขอร้องเสียงสั่นเครือ พร้อมกับเบือนหน้า ไม่อยากให้เพื่อนรักเห็นหยาดน้ำตาที่กำลังร่วงเผาะลงมาบนพวงแก้ม แต่กระนั้นมนัสนันท์ก็ยังคงเห็น และหน้าถอดซีดเผือด เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังย้ำเตือนให้อีกฝ่ายต้องเสียใจ
“เอ่อ...อลิน...นันขอโทษ นันไม่ได้ตั้งใจ ยกโทษให้นันด้วยน่ะ”
ทั้งเอ่ยขอโทษ ทั้งรีบเข้าไปจับมือเล็กเย็นเฉียบของเพื่อนมากุมไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจเพราะตนเองเป็นต้นเหตุให้อลินนาต้องร้องไห้อีกครั้ง
อลินนาพยักหน้ารับช้าๆ ยกมือปาดน้ำตาพยายามฝืนยิ้มให้กับเพื่อนรัก มนัสนันท์ไม่ใช่คนผิด เพราะฉะนั้นเธอไม่ควรโกรธเพื่อน
“อลินไม่โกรธหรอกจ้ะ อลินรู้ว่านันไม่ได้ตั้งใจ”
เมื่อเพื่อนรักไม่มีทีท่าว่าโกรธ มนัสนันท์ก็ยิ้มออกมาได้บ้าง หลุบสายตามองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของอลินนา ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“อลินจะไปนานหลายสัปดาห์เลยหรือ ถึงเอากระเป๋าใบใหญ่ไป”
“ไม่ใช่สัปดาห์ แต่เป็นเดือน”
คำตอบจากเจ้าของใบหน้าหมองเศร้า ทำเอามนัสนันท์ต้องเบิกตาโตถามเสียงหลง
“ไปเป็นเดือนเลยหรือ”
“ใช่จ้ะ”
“อลินจะไปประเทศไหน จะไปอยู่ที่ไหนเป็นเดือนๆ”
“เราจะไปเรื่อยๆ เที่ยวทีละประเทศ เท่าที่สามารถจะไปได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า”
นั่นคือความตั้งใจของผู้หญิงที่กำลังบาดเจ็บจากพิษรัก ใช่...เธอต้องการทำเช่นนั้น เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ให้ธรรมชาติได้ช่วยบำบัดและสมานแผลที่เกิดขึ้นในใจ ซึ่งเธอยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานสักกี่เดือนหรือกี่ปี แผลลึกในหัวใจถึงจะหายไปได้
“อลินไม่ไปไม่ได้หรือ นันเป็นห่วงอลิน”
มนัสนันท์เริ่มหว่านล้อมเพื่อนอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่ออลินนาส่ายหน้าปฏิเสธ
“อย่าห้ามเราเลย มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเราในขณะนี้ หากให้เราอยู่ในประเทศไทย ต้องเห็นและรับรู้เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เราคงทำใจไม่ได้”
“อลินเจ็บปวดเพราะยังรักไอ้ผู้ชายชั่วๆ คนนั้นอยู่หรือ”
“เปล่า...” อลินนาปฏิเสธเสียงแผ่วเบา “แต่เป็นเพราะยิ่งเห็นยิ่งรับรู้ ยิ่งทำให้เราเกลียดตัวเองที่ไปหลงรักผู้ชายคนนั้นโดยไม่ฟังเสียงเตือนจากใครต่างหาก”
คราวนี้มนัสนันท์เป็นฝ่ายต้องถอนหายใจยาวและยอมรับกับการตัดสินใจของเพื่อนรัก
“ถ้าหากการไปท่องเที่ยวช่วยให้อลินลืมผู้ชายเลวๆ ได้ นันก็ไม่ห้ามแล้ว ว่าแต่อลินจะเริ่มต้นด้วยการไปที่ประเทศไหน”
“รัสเซีย”
อลินนาตอบสั้นๆ แต่คนเอ่ยถามกลับเบิกตาโตแทบถลนออกมานอกเบ้า รีบเอ่ยถามรัวเร็วกลับไปว่า
“รัสเซีย! แน่ใจนะว่าอลินจะไปประเทศนี้”
“ใช้จ้ะ ทำไมนันต้องทำหน้าตกใจถึงเพียงนั้นด้วย” อลินนายิ้มออกมาได้บ้างเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อน
และมนัสนันท์ก็สาธยายถึงดินแดนหมีขาวตามที่ตนเองเคยได้ยินมา “ก็นันเคยอ่าน เคยได้ยินมาว่าประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่น่ากลัว ผู้คนไม่ค่อยยิ้ม ไม่เป็นมิตร และที่สำคัญมีโจรชุมยังกับยุง”
“สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นนะ นัน”
อลินนาเอ่ยแก้ต่างเพื่อให้เพื่อนคลายความกังวล คนที่ควรกลัวคือเธอ แต่กลับเป็นมนัสนันท์แทน
“ยังไงเราก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก เราจะเริ่มต้นการเดินทางของเราในดินแดนหมีขาว”
“อลินน่ะ อลิน ห้ามไม่ฟังเลย” มนัสนันท์อดบ่นออกมาไม่ได้
“เรารู้ว่านันเป็นห่วง เราสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”
“สัญญาว่าจะวีดีโอคอลหานันทุกวัน”
“จ้ะ อลินสัญญา”
เมื่อเพื่อนขอคำมั่น อลินนาก็ให้คำสัญญาเสียงหนักแน่นเช่นเดียวกัน และพอหันไปมองยังเคาน์เตอร์ของสายการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดเส้นทางบินตรงไปยังประเทศรัสเซีย และตอนนี้เคาน์เตอร์เปิดให้ผู้โดยสารเช็คอินได้แล้ว ก็เอ่ยบอกว่า
“อลินไปเช็คอินก่อนน่ะ นันรออยู่ตรงนี้ก่อนก็ได้”
“จ้ะ ไปเช็คอินเถอะ นันไม่กลับง่ายๆ หรอก นันจะรอส่งอลินก่อน”
อลินนาแย้มยิ้มให้เพื่อนชั่วครู่แล้วเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ของสายการบิน เพื่อทำการเช็คอินรับตั๋วเครื่องบินสำหรับการเดินทางในครั้งนี้
และด้วยทำการเช็คอินผ่านระบบออนไลน์มาแล้ว อลินนาจึงใช้เวลาในการเช็คอินตรงเคาน์เตอร์ของสายการบินแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ร่างโปร่งบางแทบปลิวลมเพราะกินอาหารไม่ได้เป็นสัปดาห์แล้ว ก้าวเดินช้าๆ ตรงมาหามนัสนันท์ ซึ่งกำลังทำตาแดงๆ เมื่อรู้ว่าเพื่อนรักต้องไปขึ้นเครื่องบินแล้ว
“นัน...อลินต้องไปขึ้นเครื่องแล้ว” มือเล็กเอื้อมไปจับมือของเพื่อนไว้แล้วแสร้งสัพยอกว่า “ห้ามร้องไห้น่ะนัน ไม่ยังงั้นอลินร้องตามแน่ๆ”