คำทำนายโชคชะตา

1490 Words
พี่ชาย [my brother] บทที่ 2 หลังจากวันนั้นฉันยังไม่ได้เจอยายเทเลซ่านั่นอีกเลยแต่ก็พยายามหาข้อมูลพวกเรื่องแม่มด ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อีกเรื่องที่เพิ่งจะรู้มาก็คือห้องสมุดที่ฉันเห็นวันนั้นกับห้องสมุดของโรงเรียนมันคนละอย่างกันเลย ฉันมีโอกาสได้ไปห้องสมุดกับน้ำชา พอเดินไปถึงคือตกใจมาก มันไม่ไก้เป็นแบบที่เห็นวันนั้นเลยมันเป็นแค่ตึกขนาด 4 ชั้นทาสีเขียว ไม่ได้มีต้นไม้ หนองน้ำ หรือความรกรุงรังต่างๆ แบบที่เห็นตอนนั้นเลย “นี่ต่อไปมีนมาเดินกับเราก็ได้นะ” อิงขยับเก้าอี้หันหน้ามานั่งคนละฝั่งกับฉัน “หืม ?” ฉันละมือจากมือถือแล้วหันไปสนใจคนตรงหน้า “ก็…มีนไม่รู้หรอ คนเค้าพูดถึงมีนกันให้แซ่ดเรื่องที่ไปเดินกับกลุ่มผู้ชายในห้องอะ” หรอวะ ขี้เสือกกันจัง ยัยอิงนี่ก็ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจซะด้วย “อ่อออ อืมขอบใจนะ ต่อไปเดี๋ยวเราเดินคนเดียวก็ได้ เรารู้จักที่ไหนเป็นที่ไหนแล้วล่ะ” อิงหน้าเหวอไปเลยว่ะ จริงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่างั้นหรอกนะแต่มันก็ไม่แน่ใจไงว่า ยัยอิงนี่ดีจริงๆ หรือป่าว เพราะถ้าดีจริงทำไมไม่มีใครคบอย่างที่พวกยัยปริมว่า “มีอะไร ถามเราได้นะมีน งั้นเรา…ไปก่อนนะ” คิดแล้วก็สงสาร นี่ฉันไม่ได้ใจร้ายไปใช่มั้ย -พักกลางวัน- วันนี้ฉันตัดสินใจขอไปกินข้าวคนเดียวที่โรงอาหาร น้ำชาถามว่าเป็นอะไรหรือป่าว เลยบอกไปว่าอยากลองเดินคนเดียวบ้าง บรรยากาศตอนเดินคนเดียวมันก็อีกแบบนะ มีคนมองเหมือนกันแต่น้อยกว่าตอนที่เดินกับกลุ่มผู้ชายในห้อง “พี่มีน” ฉันหันไปมองเสียงที่ดังมาจากด้านข้าง ยัยน้ำขิงน้องฉันเองแหละ “มีอะไร” “คือ ขิงจะมาขอยืมเงินพี่ไป…” มีนทำกระซิบกระซาบบอก ตาก็เหลียวซ้ายแลขวาเหมือนระแวงอะไร “ไปทำอะไร ป้าให้ขิงเยอะกว่าพี่อีกนะ” “เบาๆ สิพี่มีน” ดูท่าทางยัยน้ำขิงมันไม่น่าไว้วางใจได้เลย โดนไถเงินรึป่าวเนี่ย “ใครทำอะไรขิง บอกพี่มา ไม่ต้องไปกลัวมัน” ฉันโวยลั่นจนคนหันมาให้ความสนใจตรงที่เรา 2 คนยืนอยู่ “พี่มีน ขิงบอกให้เบาๆ ไง” น้ำขิงกัดฟันพูดพร้อมกับบีบเข้าที่ต้นแขนของฉัน “ตกลงยังไงจ๊ะน้องน้ำขิง ที่บอกว่าจะเลี้ยงขนมพี่ๆ ในชมรมน่ะ” จู่ๆ ก็มีชะนีหน้าแน่นมัดผมสูงหนีน้ำแอนด์เดอะแก๊งค์เข้ามายืนแอคอาร์ทข้างๆ ฉันกับน้ำขิง เดี๋ยวนะตะกี้มันว่าไงนะฟังไม่ทัน “เมื่อกี้ว่าไงนะ” ฉันเลยถามมันซ้ำอีกรอบ “ไม่เกี่ยวกับเธอ” อ่าว กลายเป็นไอ้น้ำขิงที่พูดจาห่างเหินกับฉันราวกับเป็นคนห่างไกลกันซะงั้น “เธออะไร” ฉันเลยหันมาพูดกับน้อง “ยังไงอะขิง ตกลงที่โม้ว่าบ้านรวยนี่จริงมั้ยอะ” ผู้หญิงอีกคนในกลุ่มแทรกบ้าง โม้ว่าบ้านรวยหรอ เอาจริงฐานะของป้ากับลุงนี่จัดว่ามีกินนะ แต่ไม่ได้ถึงกับรวย “รวยสิ นี่ไงคนใช้บ้านเรา” น้ำขิงพูดพร้อมกับชี้มือมาที่ฉัน เห้ย เดี๋ยวๆๆๆ ถึงจะทำงานที่บ้านจริง แต่ป้าก็ไม่ได้ให้ฉันอยู่ในฐานะคนใช้นะโว้ย ขิงใจเย็นนี่พี่ไง พี่มีนเอง “ขิง” “ฮึ่มมม” น้ำขิงหันมาขู่ฉัน “เอ่อพี่บิวตี้คะ เดี๋ยวน้ำขิงขอคุยกับคนใช้แปบนึงนะคะ แม่ขิงเค้าให้คนใช้จัดการเรื่องเงินของขิงน่ะค่ะ” ยัยขายาวนั่นพยักหน้าตอบ ส่วนยัยมีนก็ฉุดกระชากฉันออกมาจากโรงอาหาร “พี่มีน ขิงยืมก็ได้ เอามาให้ขิงก่อน นะนะ” น้ำขิงทำเสียงออดอ้อนพร้อมทั้งเขย่ามือฉัน แหมตอนบอกว่าพี่เป็นคนใช้นี่แววตายังดูจริงกว่านี้เลย “ทำไมต้องบอกพวกนั้นว่าพี่เป็นคนใช้ ขิงคิดกับพี่แค่นั้นเองใช่มั้ย ขิงเคยเห็นพี่เป็นคนในครอบครัวมั้ย” นี่เอาหน่อยอะ ดึงไปดราม่าแม่ง “โหพี่มีน เราอะโตมาด้วยกันเลยนะ พี่มีนเป็นเหมือนพี่สาวแท้ๆ ของของเลย” “แต่พี่มองว่าขิงเป็นน้องสาวแท้ๆ ของพี่นะ” น้ำขิงนิ่งไปแวบหนึ่ง สายตาก็ดูเปลี่ยนไปด้วย ฉันรู้จักยัยน้ำขิงดี เด็กเอาแต่ใจแบบนี้ตื้อใครไม่ได้นานหรอก “พี่มีนขิงจำเป็นต้องทำแบบนี้ พี่ไม่เข้าใจหรอก” “จำเป็น จำเป็นอะไร ทำไมต้องเอาเงินที่พ่อแม่เหน็ดเหนื่อยหามาไปบำเรอคนอื่น” “ก็ถ้าขิงเข้าแก๊งค์พี่บิวตี้ได้ ขิงก็จะกลายเป็นเน็ตไอดอลระดับพรีเมี่ยมแก๊งค์เนี๊ยะยอดฟอลเป็นล้าน แล้วถ้าขิงดังขึ้นมา งานเข้าเงินเข้า ขิงก็ไม่ต้องขอเงินพ่อแม่แล้วไง” เพ้อเจ้อ ยัยพวกนั้นปั้มยอดฟอลหรือป่าวก็ไม่รู้ต้องร่อนจนเอวพังมั้ยอะกว่าจะได้เงิน “นะพี่มีนนะ ขิงยืมก่อนนะ” คิดว่าไงอะ สุดท้ายก็ใจอ่อน ไอ้เรามันรักเค้าไง รักแบบพี่รักน้องแท้ๆ ถึงน้ำขิงมันจะดื้อมันจะเอาแต่ใจตัวเอง แต่ฉันเชื่อว่าลึกๆ แล้วคนที่โตมาด้วยกันแบบนี้มันต้องมีความรู้สึกผูกพันกันบ้างแหละนะ หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วฉันก็เตรียมตัวไปห้องสมุด ที่ชอบไปส่วนหนึ่งเพราะที่นั่นมันเงียบ บางทีก็ไม่ได้ไปอ่านหนังสือหรอก ไปนั่งตากแอร์เล่นวายฟายโรงเรียน ฉันมันคนเข้าสังคมไม่เก่งเลยไม่ค่อยมีเพื่อนตอนอยู่โรงเรียนเก่าก็มีแค่คนสองคน เคล้งงง (นึกเสียงตามอารมณ์แบบจานชามช้อล่วงอะ) “อ๊ะ” เวรฉันมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ จนเดินไปชนคนอื่นเข้า “เป็นไรหรือป่าวคครับ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเสียงทุ้มนุ่มหูนั่น อีพี่ประธานนักเรียนขี้เก๊กนี่เอง “ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันลุกขึ้น (คือชนเค้าแต่เราล้มไง 5555) แต่พอฉันลุกขึ้น สายตาก็ไปป้ะกับแก๊งค์เนตไอดอลพรีเมี่ยมอะไรนั่นเข้านางกูคงกำลังเม้าฉันอยู่นั่นแหละสายตาที่มองมากับท่าทางสนุกสนาน ทำไมวะ ไม่เคยชนใครจนล้มหรือไง -ห้องสมุด- ฉันเดินไปหยิบหนังสือนิยายที่มันเกี่ยวกับพวกแม่มดมาอ่าน เพราะถึงจะไม่ได้เจอกับยายเทเลซ่าหลายวัน แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าเค้าแอบตามดูฉันอยู่ตลอด “รักร้ายๆ กำลังหมายปองเจ้า” พอกลับมาถึงโต๊ะที่วางกระเป๋าไว้ก็เจอกับโน้ตในหนึ่งวางอยู่และแน่นอนฉันมั่นใจว่าเจ้าของต้องเป็นคนที่ฉันคิดแน่ๆ “ยายออกมาเถอะ” ฉันนั่งลงพร้อมกับกระซิบเรียก แต่ก็เงียบกริบ ไม่ปรากฏตัวเห็นเลยสงสัยจะงอนที่เรียกยาย “คนแกก็อย่างนี้แหละน้าหูไม่ค่อยดีแล้ว” ฉันพยายามยั่วยุให้อีกฝ่านออกมา “เจ้าว่าใครแก่อีหนู หนอยยย เห็นว่ากลัวจนเป็นลมเลยไม่อยากทำให้ตกใจ เอาใหญ่เลยนะเดี๋ยวเถอะ” มาถึงก็พ่นไฟใส่ฉันฉอดๆ “จุ๊ๆๆๆ เบาๆ ยายในห้องนี้เค้าไม่ให้เสียงดัง” ฉันพูดพร้อมกับจุ๊ปาก “ใครจะเห็นข้านอกจากเจ้า แต่ตกลงเจ้าจะเรียกข้าว่ายายให้ได้ใช่มั้ยห้ะ!!” “โหคิดซะว่ายายแปลว่าพี่สาวก็จบ แม่มดตนนึงอายุตั้งเป็นพันๆ ปีไม่ใช่รึไง” ฉันอ่านมาจากเว็บและก็ในหนังสือต่างๆ ได้ข้อมูลมาว่าอย่างนั้นอะนะ “เอาเถอะๆ ไม่อยากจะเถียงกับเด็กอย่างเจ้า” “แล้วนี่อะไร” ฉันชูกระดาษโน้ตขึ้น “คำทำนายโชคชะตาของเจ้าไง” “ทำนายโชคชะตา” ตกลงนี่เป็นแม่มดหรือหมอดูแน่เนี่ย “มันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนโชคชะตาได้” “ยิ่งฟังยิ่งงงหู้ววว” “แล้วเจ้าจะเข้าใจเอง ข้าแค่ต้องการช่วยผู้ที่มีโชคชะตาผูกกับคัมภีร์เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากคำสาปก็เท่านั้น” ฉันนั่งมองกระดาษโน้ตแผ่นนั้นก่อนมันจะสลายปลิวไปเป็นผุยผง “มันเริ่มขึ้นแล้ว” ยายเทเลซ่าพูดประโยคเดิมขึ้นอีกครั้งก็จะแวบหายไป ปล่อยฉันนั่งเอ๋อแดกมองเหตุการณ์ตรงหน้าและพยายามชินกับสิ่งที่เกิดขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD