ตอนที่ 5

1119 Words
ลุคส์ขบกรามแน่นก้มลงบดขยี้ริมฝีปากบางอวบอิ่มที่ช่างด่าทอเขาได้เจ็บแสบ มือหนาโอบรัดเอวบางรั้งมาแนบชิดสำรวจกายสาวอย่างจงใจให้เจ้าของร่างต้องทรมานกับการกระทำ ปรางค์ปรียาน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย ไม่มีวันไหนเลยที่เธอไม่เคยร้องไห้ ร่างสูงใหญ่ยืนขึ้นแล้วยิ้มเหยียด หลังจากตักตวงความสุขจากเรือนร่างของเธอไปแล้ว เขาเดินหนีออกมาจากห้องน้ำปล่อยให้ร่างบางนั่งพิงผนังห้องน้ำราวกับคนไร้วิญญาณ เธอเหมือนตายทั้งเป็น เธอเจ็บ! เจ็บทั้งกายและใจ! ขอสักครั้ง ให้เธอได้เอาคืนผู้ชายคนนี้บ้าง   พินอาภาสะอื้นออกมาไม่หยุด สายตาเธอจดจ้องไปยังมาติช ซึ่งพาตัวเธอมาส่งด้วยความแค้น เพื่อนของเธออยู่ที่ไหนเป็นยังไงบ้าง  เป็นห่วงแต่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย ทำไมปรางค์ต้องมารับเคราะห์แทนด้วย “พาฉันกลับไป ฉันจะกลับไปหาเพื่อนฉัน!” “อย่ามาสั่งผม คุณไม่ใช่เจ้านายของผม!”มาติชสวนกลับ “พวกแกมันสารเลว! พวกฉันไม่รู้เรื่องเลยสักนิดว่าพวกแกมีเรื่องอะไรกับลุงไมเคิล พวกแกมีสิทธิ์อะไรมาทำกับพวกเราแบบนี้ คอยดูหากเพื่อนฉันเป็นอะไรไปฉันจะแจ้งความเอาเรื่องพวกแกให้ถึงที่สุด!” “ถ้าทำได้ก็ลองดู เธอยังไม่รู้จักว่าเจ้านายของฉันเป็นใคร!” “หมายความว่ายังไง?”พินอาภาถามเสียงสั่น “เธอไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ที่ฉันจะบอกไว้อย่างหนึ่งก็คือ เธออย่าได้แม้แต่จะคิดแจ้งความนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว เธออาจหายไปตลอดกาลก็ได้ฉันขอเตือน!” มาติชขู่ สายตาแข็งกร้าวสบไปยังอีกฝ่าย “ไอ้บ้า ไอ้สารเลว! เอาเพื่อนฉันคืนมานะ!”พินอาภาร้องลั่นด้วยความโกรธ หญิงสาวทรุดกายลงกับพื้นปิดหน้าปล่อยโฮ ทำไมปรางค์ต้องมาตอบแทนบุญคุณบ้าบอคอแตก ในเวลาเช่นนี้ด้วย ยิ่งคิดมันก็ยิ่งทรมาน เมื่อนึกถึงเหตุผลที่ทำให้ปรางค์ยอมเสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือ เพื่อนเป็นเด็กกำพร้าเพราะอย่างนั้นเธอจึงคอยช่วยเหลือเพื่อนคนนี้เสมอแม้กระทั่งให้มาอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้าน พินอาภารู้สึกสนิทใจกับปรางค์อย่างมาก จึงขอร้องบิดามารดาให้ส่งเสียเพื่อนเรียนหนังสือ เนื่องจากทางครอบครัวเธอเองมีฐานะอยู่พอสมควร และพินอาภาเองก็เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ปรางค์ปรียาไม่ได้ทำให้ครอบครัวผิดหวังเลย เพื่อนสาวเรียนหนังสือเก่งและคอยช่วยเหลือสอนหนังสือให้พินอาภาเสมอเพราะทั้งสองต่างเรียนคณะเดียวกัน บิดาและมารดาของเธอต่างเอ็นดูปรางค์ปรียามาก พ่อกับแม่เธอต่างก็คิดว่าปรางค์เปรียบเสมือนครอบครัว และนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เพื่อนสนิทยอมเสียสละตัวเอง   เขาออกไปจากห้องแล้ว... เวลานี้ห้องทั้งห้องเหลือเพียงร่างกายที่บอบช้ำกับน้ำตาที่ไม่เคยหยุดไหล  เวลานี้เธอรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะหมดแรง เธอน่าจะตายไปซะ! จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว เพราะเท่านี้มันก็เหมือนกับตายทั้งเป็นอยู่แล้ว แต่อย่างน้อย... ก็ยังดีใจที่เพื่อนไม่ต้องมารับเคราะห์กับเรื่องนี้ แค่เท่านี้ก็รู้สึกเหมือนได้ตอบแทนบุญคุณแล้ว ร่างบอบช้ำค่อยๆ พยุงกาย เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าภายในห้องเสื้อเชิ้ตยี่ห้อหรู น้ำหอมราคาแพง แม้กระทั้งสูทแบรนด์เนมต่างถูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เธอถือวิสาสะหยิบเสื้อเชิ้ตของเขามาสวมไว้แล้วประคองกายไปนั่งที่มุมห้อง จนผล่อยหลับเพราะอ่อนเพลีย มาตื่นตื่นขึ้นเมื่อประตูห้องเปิดออกในขณะที่มีถาดอาหารวางไว้แล้วปิดลงตามเดิม หญิงสาวเมินหน้าหนีไม่สนใจอาหารน่าอร่อยที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลเลยแม้แต่น้อย ร่างบางนั่งชันเข่าขึ้นแล้วซบหน้าลงสะอื้นไห้อย่างรวดร้าว เธอเจ็บปวดมากเหลือเกิน มันเกินทนแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาไปอีกนานเท่าไหร่ ริมฝีปากบางถูกกัดจนเลือดซึมออกมา... เล็บจิกลงบนท่อนแขนเพื่อระบายความแค้นในใจ   ลุคส์นั่งมองเอกสารตรงหน้าแล้วถอนหายใจ เขาแทบไม่เป็นอันทำงานเมื่อดันคิดถึงแต่ใบหน้าหวานของผู้หญิงเอเชียคนนั้น แม้กระทั่งเรือนร่างที่หาความสุขอย่างไม่รู้เบื่อ ชายหนุ่มพยายามข่มอารมณ์ตนเองและตั้งสติกับงาน แต่ก็ทำแทบไม่ได้เลย พนักงานพรีเซนต์งานอยู่ แต่สติของดันหลุดลอยไปหาเรือนร่างงามอีกครั้ง เขาแทบเป็นบ้า ที่ไม่สามารถห้ามตัวเองได้เลย “โถ่เว้ย!”ลุคส์สบถออกมาอย่างหัวเสีย ทุกคนในห้องชะงัก หันมองประธานบริษัทกันเป็นตาเดียว เขารีบปรับสีหน้าท่าทางตนเอง สั่งให้ลูกน้องพรีเซนต์งานใหม่อีกครั้ง พยายามฝืนตนเองไม่ให้คิดถึงเรื่องเธอจนงานจบลงในที่สุด ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเดินไปที่รถประจำตำแหน่ง ด้วยใจจดจ่อ อยากพบเจ้าของร่างงามที่คฤหาสน์จนอดใจไม่ไหว “นายครับจะไปที่ไหนครับ?” “กลับบ้าน!”เขาตอบเสียงห้วน มาติชมองหน้าเจ้านายด้วยความงุนงง น่าแปลกที่เห็นเจ้านายกลับบ้านเร็วเช่นนี้ เพราะปกติแล้วคนอย่างลุคส์จะไม่มีวันเข้าบ้านก่อนเที่ยงคืนเด็ดขาด “มองอะไรทำไมไม่ไปล่ะ!”ชายหนุ่มเร่งเมื่อเห็นว่าลูกน้องยังคงนิ่งเฉยไม่ยอมออกรถตามที่เขาต้องการเสียที ร่างอวบอัดในชุดแซกสีสดรัดแน่นเสียจนอวดสัดส่วนโค้งเว้า เอมม่าเธอมีฐานะเป็นคู่หมั้นของลุคส์นักธุรกิจส่งออกรถอันหนึ่งของฝรั่งเศส เธอก้าวเดินและทักทายทุกคนที่อยู่ที่นี่ด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับ ดวงตาสีมรกตจ้องมองไปยังทุกพื้นที่ภายในคฤหาสน์ที่คุ้นเคย แต่แล้วสายตาก็ต้องสะดุดกับห้องหนึ่ง ที่มีลูกน้องของคู่หมั้นยืนเฝ้ายามอยู่ด้านหน้า หญิงสาวชะงักรีบเดินไปทิศทางของห้องนั้นด้วยความสงสัยทันที “ห้องนี้มีอะไรทำไมต้องมายืนเฝ้า”เอมม่าถามบอดี้การ์ดด้วยความแปลกใจ “เป็นคำสั่งของเจ้านายครับ พวกเรามีหน้าที่ทำตามเท่านั้น” “แล้วในนั้นมีอะไร!” “ไม่มีอะไรหรอกครับ”บอดี้การ์ดพยายามตอบเลี่ยง “ถ้าไม่มีฉันขอเข้าไปหน่อยก็แล้วกัน”เอมม่าพยายามแทรกตัวเข้าไปเพื่อเปิดประตูแต่ถูกกันไว้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD