หยางต้าหลงมองตามสายตาของแม่ค้าจอมงกไม่เลือกสถานการณ์ทว่าเวลานี้นางกำลังแสดงน้ำใจต่อเขา นางเห็นว่าบาดแผลตรงเหนือราวนมเป็นแผลใหญ่ต้องรีบห้ามเลือด ทว่านางกลับเกิดความรู้สึกที่ไม่ควร นางเผลอใจสั่นหวิวไหวตั้งแต่เกิดมานางเพิ่งเห็นหัวนมบุรุษเป็นครั้งแรก กลับไม่ได้น่ารังเกียจนักดวงหน้าอ่อนเยาว์แดงซ่าน
ดวงตาคมปลาบจ้องนางเขม็ง ยามดวงตาของนางแข็งค้างอยู่เหนือบาดแผล
“แม่นางมองอะไรไหนว่าจะช่วยทำแผลให้ข้า”
ฮุ่ยชิงจำต้องเก็บสายตาจากราวนมของเขาแล้วเพ่งมองไปที่แผล “ข้ากำลังประเมินแผลท่านอยู่ เงียบเถอะน่า ข้าเสียสมาธิหมด” ดวงหน้าหวานเม้มกัดริมฝีปากฉ่ำไว้แน่นรู้สึกอับอายที่ถูกเขาจับได้
เมื่อครู่เขาใช้พลังลมปราณสกัดกั้นไม่ให้เลือดไหลไว้แต่ก็ห้ามได้ไม่นาน
“ถ้าเช่นนั้นลำบากเจ้าทำแผลให้ข้าแล้วล่ะ ส่วนแม่นางโปรดรออยู่ในเกี้ยวก่อน ข้าจะต้องพาท่านไปส่งยังบ้านเจ้าบ่าวให้ได้แน่” ประโยคหลังหยางต้าหลงหันไปพูดกับเจ้าสาวในเกี้ยว
เจ้าสาวจำต้องพยักหน้ารับ นางไม่เหลือใครให้สอบถามว่าจะทำอย่างไร ตอนนี้นอกจากเชื่อบุรุษตรงหน้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
หยางต้าหลงเดินไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ฮุ่ยชิงเข้ามาทำแผลให้อย่างคล่องแคล่ว นางหยิบสมุนไพรที่บังคับให้เขาซื้อไปแล้วมาห้ามเลือด สมุนไพรเหลืออยู่กอสุดท้ายพอดี นางฉีกออกเป็นชิ้นเล็กๆทำเหมือนกับที่ทำให้บุรุษพวกนั้นก่อนหน้า แต่ที่ต่างกันก็คือชายกระโปรงของนางมีไม่มากพอให้ฉีกแล้ว
หยางต้าหลงเห็นท่าทางหลุกหลิกของนางจึงถามขึ้น
“บาดแผลข้าโปะแค่ยาก็พอแล้ว เจ้าไม่ต้องฉีกชายกระโปรงอีก หากเป็นเช่นนั้นเจ้าจะเดินกลับบ้าน...”
“ไม่ต้องพูดมาก เลือดท่านยังไหลไม่หยุด ถ้ากระโปรงข้าสั้นไปข้าก็จะถอดมันทิ้งซะ”
“เหตุใดแม่นางพูดเช่นนั้น”
ฮุ่ยชิงเชิดปากอย่างไม่พอใจ คิ้วเข้มได้รูปขมวดเล็กน้อย “ข้าก็จะถอดทิ้งที่หน้าร้านขายผ้าแล้วซื้อกระโปรงตัวใหม่ก็ท่านมอบโชคให้ข้าถุงใหญ่”
เขามองนางเงียบกริบไม่มีเสียงตอบแค่พ่นลมหายใจยาวๆ
‘เจ้าเอาไปทั้งถุงคงซื้อกระโปรงใหม่ได้หลายสิบตัว’
ไหล่ที่ลู่ลงบอกว่าเขาเจ็บแผลมากขึ้น ฮุ่ยชิงรีบตัดสินใจฉีกชายกระโปรงซับในออกแล้วใช้พันแผลให้เขา อย่างไรเสียชายตรงหน้าก็เป็นคนสุดท้ายแล้ว นางก็คงไม่ต้องฉีกชายกระโปรงอีก
“ข้าขอทราบชื่อแม่นาง”
“ข้าชื่อกุ้ยฮุ่ยชิง”
“ข้าชื่อหยางต้าหลง ขอบคุณแม่นางอีกครั้งที่ช่วยเหลือพวกเรา”
“ข้าไม่อยากช่วยแต่ทำยังไงได้ เดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี คนดีอย่างข้าก็เลยทนดูพวกท่านเลือดหมดตัวจนตายไม่ได้ เอาล่ะ ข้าทำแผลให้ท่านเสร็จแล้ว”
หยางต้าหลงหยัดกายลุกขึ้น เขายอมรับว่าครั้งนี้เขาบาดเจ็บมากกว่าทุกครั้ง รวมทั้งศิษย์ในสำนักก็ได้รับบาดเจ็บหนักกันหลายคน โจรป่ากลุ่มนี้นับว่าไม่ธรรมดา เขาเดินไปหาลูกศิษย์
“พวกเจ้าลุกไหวไหม”
“พวกข้าไหวขอรับ”
หยางต้าหลงหรี่ดวงตาคมเฉียบ มองเหล่าศิษย์ในสำนักสี่คนที่ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า มองไปที่เกี้ยวครั้งหนึ่ง แล้วตัดสินใจ เขาผิวปากดังๆ อาชาไนยสีขาวสง่าก็วิ่งตรงมา เมื่อครู่มันเตลิดไปด้วยความตกใจ
ฮุ่ยชิงมองการกระทำของหยางต้าหลงด้วยความสงสัย เห็นเขาเดินไปที่เกี้ยวแล้วเรียกเจ้าสาวให้ออกมา
“แม่นางกุ้ย ข้าขอบคุณมาก แม่นางคงกลับบ้านเองได้” เขาชี้ไปทางทิศเหนือ “แม่นางเดินไปทางนั้นเลยป่าไผ่ออกไปก็ถึงชายป่า ส่วนข้าขอล่วงหน้าไปก่อน” หยางต้าหลงบอกกับฮุ่ยชิงก่อนหันไปหาศิษย์ในสำนัก
“ข้าจะรีบไปส่งเจ้าสาวแล้วเรียกหมอให้มาดูพวกเจ้า”
“ขอรับท่านประมุข ท่านไม่ต้องห่วงพวกเรา” เพราะรู้ตัวว่าจะเป็นภาระให้กับเจ้าสำนัก พวกเขาจึงรับปากว่าจะดูแลตัวเอง
“อืม” หยางต้าหลงรับคำในลำคอครั้งหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียด ตัดสินใจลำบากแต่ก็ต้องทำ เขาหันไปทางเจ้าสาว
“เชิญแม่นางขึ้นม้า”
เจ้าสาวทำท่าไม่แน่ใจเพราะไม่เคยขี่ม้ามาก่อน หยางต้าหลงจึงต้องอุ้มเจ้าสาวขึ้นไปวางบนหลังม้า นางยอมแต่โดยดี ส่วนตัวเขาจึงกระโดดขึ้นตามหลัง
“แม่นางฮุ่ยชิงเจ้ารีบกลับบ้านเถอะ พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว เดี๋ยวจะออกจากป่าลำบาก”
ว่าแล้วหยางต้าหลงก็ควบม้าห่างออกไป เหลือเพียงฝุ่นผงกับคำพูดที่ดูเหมือนแสนดีแต่การกระทำช่างไร้น้ำใจไว้ให้
“เชิญแต่แม่นางคนนั้นขึ้นม้าแล้วข้าผู้มีพระคุณเล่า เหตุใดใจดำทิ้งข้าไว้แบบนี้ เส้นทางที่เจ้าชี้ถูกหรือเปล่าข้ายังไม่รู้”
ฮุ่ยชิงกัดฟันกรอดมองด้วยความโมโห “ข้าช่วยไว้แท้ๆ จะขี่ม้าไปส่งหน่อยก็ไม่ได้” ใบหน้าจิ้มลิ้มปรากฏรอยยิ้มบิดเบี้ยว แล้วมองไปที่บุรุษอีกสี่คนที่ประคองตัวขึ้นนั่งได้แล้ว
“ท่านประมุขของพวกเจ้า หน้าตาก็ดีแต่ใจดำชะมัด”
นางมองตามอย่างขุ่นเคืองแล้วหันไปมองพวกเขาที่เหลืออย่างเวทนา “เป็นยังไงท่านประมุขของพวกท่าน เขาทิ้งพวกท่านไปแล้ว พวกท่านจะทำอย่างไร”
“หาได้เป็นแบบที่แม่นางคิดไม่ท่านประมุขไม่ได้เป็นอย่างที่แม่นางกล่าว แม่นางรีบกลับบ้านเถอะ ไม่ต้องห่วงพวกเรา อีกประเดี๋ยวก็จะมีคนมาช่วยเราเอง”
“พวกท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกทิ้งให้นอนจมกองเลือด”
ทั้งสี่คนต่างแน่ใจในตัวเจ้าสำนัก “พวกข้าเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ห่วงก็แต่แม่นางน้อยที่ยังดื้อรั้นไม่ยอมกลับ แม่นางรีบกลับบ้านเถอะ ไม่ต้องห่วงพวกเรา หากพระอาทิตย์ตกดินจะลำบาก ถึงพวกเราอยากไปส่งแม่นางด้วยตนเองแต่ก็ทำไม่ได้” หนึ่งในสี่คนที่เคยถามว่านางเป็นหมอหรือไม่บอก
ฮุ่ยชิงพลันนึกถึงสีหน้าของแม่ใหญ่กับบิดาแล้วก็พยักหน้า มองคนทั้งสี่อีกครั้งก่อนวิ่งกลับไปทางเดิม
“จริงของพวกเจ้า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือโลกหล้ายังมีบิดาข้า ที่ข้าต้องยอมลงให้ ข้าไปก่อน” แค่คิดถึงหน้าบิดาที่จะโกรธมากแค่ไหนที่รู้ว่านางหายไปครึ่งค่อนวัน นางก็หายใจไม่ทั่วท้อง วันนี้พี่สาวมีหมายกำหนดเดินทางกลับมาถึงจวนวันนี้ ร่างเล็กกลับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวราวกับจับไข้
“ขายสมุนไพรจนหมด ข้าลืมเก็บสมุนไพรสำหรับห้ามเลือดเอาไว้ใช้เองบ้าง” ล่วงเลยเวลาไปมากไม่รู้ว่าสาวใช้คนสนิทของนางจะลอบเปิดประตูข้างจวนให้นางได้หรือไม่ หากเข้าทางประตูไม่ได้เห็นทีคงต้องปีนกำแพงเข้าจวน
สำนักคุ้มภัยเป่าจินจง
ด้านหน้าเป็นลานกว้างที่ใช้ฝึกยุทธ์และมีหมู่เรือนสองชั้นล้อมรอบสามด้านให้ศิษย์ในสำนักพักอาศัย หมู่เรือนของสำนักคุ้มภัยเป่าจินจงกินเนื้อที่กว้างขวางใหญ่โตจนเดินทั้งวันก็ไม่ทั่ว ด้านหลังเป็นเรือนพักอาศัยของอดีตประมุขและฮูหยินผู้เฒ่า มีต้นสนใหญ่และดอกกุ้ยฮวาปลูกอยู่ล้อมรอบ
อดีตท่านประมุขและฮูหยินผู้เฒ่ามีบุตรด้วยกันสามคน เป็นบุตรชายหนึ่งและบุตรสาวสองคน บุตรสาวสองคนนั้นได้ออกเรือนไปแล้ว เหลือแต่บุตรชายคนโตเพียงคนเดียวที่ได้ตำแหน่งประมุขของสำนักคุ้มภัยและได้เป็นหัวหน้าตระกูลหยาง แต่อดีตประมุขหยางมีบุตรที่เกิดจากอนุอีกหนึ่งคนซึ่งอายุน้อยกว่าหยางต้าหลงราวสามปีซึ่งแต่งงานแยกเรือนไปแล้ว
“ต้าหลงเจ้าบาดเจ็บมาเช่นนี้หัวใจแม่แทบจะสลาย รู้ไหมว่าแม่นอนไม่หลับทุกครั้งที่เจ้าออกไปทำงานรับคุ้มภัย ทำไมเจ้าไม่ส่งใครไปทำแทน”
“งานนี้สำคัญมาก ข้าต้องไปเอง อีกอย่างข้าก็ปลอดภัยดีแล้ว ท่านแม่โปรดวางใจเถอะ ข้าจะต้องปลอดภัยกลับมาหาท่านไม่มีทางเป็นอะไรไปง่ายๆ” หยางต้าหลงบอกขณะที่ปล่อยให้หมอเข้ามาพันแผลจนเสร็จและออกไปแล้ว