“ท่านซายูริ”
“จิน เป็นไงบ้าง”
ฉันเดินเข้ามาในห้องหลังจากคาวะเดินพ้นไปไม่นาน ปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติ เหยียบความรู้สึกที่อยากจะกรีดร้องเอาไว้มิด มองหน้าจินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เมื่อกี้ท่านซายูริหรือเปล่าที่คุยกับคาวะ”
“เอ๊ะ... เอ่อ อื้อ... จินได้ยินด้วยเหรอ”
ฉันแอบใจหายแต่ก็พยายามรักษาสีหน้าไว้ไม่ให้หลุด อุตส่าห์คิดว่าพูดเสียงเบาแล้วนะอีกอย่างประตูก็ไม่ได้เปิดค้างด้วย คาวะหมอนั่นปิดตอนก้าวออกมา
“ไม่หรอกครับ” จินส่ายหน้า “แค่ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันน่ะ ฟังไม่รู้เรื่องว่าคุยอะไร แล้วท่านซายูริคุยอะไรกับคาวะล่ะ”
“เอ่อ...” ฉันกะพริบตาปริบ ไม่เคยรู้สึกว่าคุยกับจินครั้งไหนแล้วอึดอัดเท่านี้มาก่อน ฝืนยิ้มทั้งๆ ที่ใจเริ่มเป๋ “ก็คุยเรื่อง... ทั่วๆ ไปน่ะ แบบ... จินก็รู้หมอนั่นเป็นนักฆ่า แล้วจู่ๆ ก็มาโผล่ที่โรงพยาบาลที่จินอยู่ ฉันแค่ระแวงว่ามันจะมาทำอะไรจิน”
“วางใจเถอะ ผมเป็นคนเรียกหมอนั่นมาพบเอง”
“เอ๊ะ?”
“ท่านซายูริ”
“วะ... ว่า!?”
ฉันยังไม่หายข้องใจเรื่องที่จินให้คาวะมาพบ จินก็เรียกชื่อฉันราวกับมีบางอย่างติดค้างอยู่ในหัว หรือว่าจินสงสัยเรื่องฉันกับคาวะ อึก... ไม่สิ เดี๋ยว จินจะรู้ได้ยังไงก็ในเมื่ออยู่โรงพยาบาลตลอด ไม่ใช่และ ฉันควรตั้งสติก่อน จะลนลานให้ชีวิตพังเพราะคนระยำอย่างคาวะไม่ได้
จินเรียกชื่อฉันแล้วก็เงียบนานจนผิดสังเกต ฉันทนไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายท้วงถาม
“จินเรียกฉันทำไมเหรอ”
“ท่านซายูริพอมีรูปท่านฮารุอยู่หรือเปล่า”
“รูปพี่ฮารุ... จินถามทำไม”
ฉันมองใบหน้าที่กำลังนึกอะไรบางอย่างของจินอย่างสับสน เรากำลังคุยเรื่องคาวะกันอยู่แล้วทำไมจู่ๆ จินถามถึงพี่ฮารุ
“ท่านซายูริไม่คิดบ้างเหรอครับว่าคาวะหน้าละม้ายคล้ายกับท่านไคดะ”
“ห๊ะ!?”
ข้อสงสัยของจินทำใจฉันหล่นตุ้บ! ภาพและเสียงเมื่อคืนไหลย้อนกลับเข้ามาในหัว กลิ่นคาวราคะยังกรุ่นอยู่ในหัวใจ ความรู้สึกนึกคิดของฉันตอนนี้สับสนวุ่นวายไปหมด
“จินหมายความว่ายังไง” ฉันถามคนบนเตียงด้วยเสียงบีบรัด
“ผมแค่เดาน่ะครับ ทำไมท่านซายูริต้องตกใจขนาดนั้น”
“ก็... หมอนั่นจะฆ่าฉัน จะให้ฉันยิ้มออกเหรอ”
ฉันตอบจินเสียงแข็ง จินทำหน้าอึ้งๆ ไม่คิดว่าฉันจะโกรธขนาดนี้ แต่ถ้าจินรู้เหตุผลจริงๆ คงจะอึ้งกว่านี้แน่ๆ แล้วแบบ... ไหนจะข้อสงสัยที่คาวะอาจจะเป็นพี่ฮารุอีก ในหัวฉันรู้สึกตึงแน่นเหมือนโดนบีบเข้ามาจากทุกด้าน หายใจไม่ออกไปครู่หนึ่ง
“ผมเข้าใจนะครับว่ามันยากที่จะยอมรับ แต่ถ้า... เขาคือท่านฮารุจริงๆ ท่านซายูริจะว่ายังไง”
“ไม่มีทาง ฉันไม่เชื่อ”
“ท่านซายูริ”
“พักเรื่องคาวะไปก่อนได้ไหม” ฉันมองสบแววตากังวลของจินแล้วถอนหายใจเฮือก นึกได้ว่ามีเรื่องสำคัญที่อยากคุยกับจิน จะมาเสียอารมณ์เพราะหมอนั่นไม่ได้เด็ดขาด
“เมื่อคืนที่งานเลี้ยงของสส.ซาคาอิฉันเจอลุงซาโต้ เขาบอกว่าลูกชายกำลังจะกลับมาเร็วๆ นี้”
“คุณเคนมะ”
ดวงตาของจินหรี่ลงขณะเอ่ยชื่อคู่หมั้นฉันออกมา เอาตรงๆ ฉันไม่รู้สึกอะไรกับชื่อนั้นเลย ทั้งเคนมะหรือแม้แต่ลุงซาโต้แทบไม่มีอิทธิพลต่อชีวิตฉันด้วยซ้ำ แต่คนที่ทำให้ฉันหวั่นใจคือเลขาคนใหม่ของลุงซาโต้ที่เจอเมื่อคืนต่างหาก
ริเอะ...
“ลุงซาโต้กับคุณพ่อเคยมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”
“ท่านซายูริหมายถึงอะไร เดี๋ยวนะครับ อย่าบอกว่ากำลังสงสัยคุณซาโต้...”
“เลขาของลุงซาโต้เกี่ยวข้องกับภารกิจของคาวะ”
ฉันมองสบตาจินนิ่งก่อนจะเล่าเรื่องริเอะให้ฟัง
“ซายูริ ออกไปไหนมาเหรอ”
พอฉันกลับมาที่บ้านก็ถูกอัยย์ที่นั่งหงอยเหงาอยู่ในห้องรับแขกวิ่งเข้ามาถามทันที
“อัยย์”
ฉันมองสบดวงตากลมแป๋วของอัยย์แล้วก็อดสอดสายตาไปรอบบ้านไม่ได้
“มองหาใครเหรอ หรือว่าพี่คาวะ?”
“เอ๊ะ เอ่อ...”
“ออกไปข้างนอกน่ะ ไม่รู้ไปไหนตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่กลับเลย”
อัยย์รายงานอย่างใสซื่อ เธอไม่ระแคะระคายเรื่องที่ฉันเจอคาวะข้างนอกสักนิด แต่ก็ดีแล้วล่ะ อัยย์อย่ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับคาวะเลยจะดีกว่า
“ยังไม่กลับ... รู้หรือเปล่าว่าไปไหน” ฉันแกล้งถามต่อ อัยย์ส่ายหน้าไหวทันที
“ไม่รู้เลย ตื่นมาก็ไม่เจอแล้วอะ นึกว่าหายไปกับซายูริซะอีก”
“บะบ้า ทำไมฉันต้องหายไปกับพี่ชายของอัยย์ตอนเช้าๆ แบบนั้นด้วย”
“นั่นน่ะสิ”
“....”
ฉันอยู่คุยกับอัยย์ต่อไม่กี่คำก็ตัวกลับขึ้นห้องเพราะรู้สึกเพลีย อยากนอนพัก แต่พอทิ้งตัวลงบนเตียงที่เต็มไปด้วยภาพความทรงจำที่โดนคาวะย่ำยีฉันก็นอนไม่หลับ ดีดตัวลุกขึ้นนั่งราวกับโดนเจ้ากรรมนายเวรหลอกหลอนแล้วก็นึกถึงคำพูดจินที่โรงพยาบาลขึ้นมาได้
คาวะน่ะเหรอเหมือนพี่ฮารุ... ฉันหยิบกล่องสมบัติใต้เตียงออกมาเปิดดู เห็นของเล่นที่คาวะเคยใช้กับฉันแล้วก็นึกโมโห ทำไมเมื่อเช้าฉันถึงไม่เอามันออกไปทิ้งด้วยนะ ฮึ่ย ฉันมองผ่านของเล่นนั่นไป หยิบรูปถ่ายวัยเด็กของฉันกับพี่ชายขึ้นมาแล้วเพ่งมองฮารุในวัยเก้าหรือสิบขวบไม่แน่ใจ ใบหน้าของเขาที่มีหูฟังขนาดใหญ่ขนาบหูทั้งสองข้างทำให้ดูตอบเห็นไม่เต็มหน้าแต่ก็พอเห็นเค้าโครงที่ทำให้รู้ว่าโตขึ้นมาต้องหล่อมากแน่ๆ ยิ่งจ้องมองภาพถ่ายพี่ฮารุนานๆ ลมหายใจฉันก็เริ่มรู้สึกติดขัด ถึงงั้นก็เชื่อไม่ลงว่าคาวะจะเป็นพี่ชายของฉัน
ก็พี่ฮารุตายไปแล้วไม่มีทางเกิดใหม่เป็นคาวะแน่ อีกอย่างถ้าคาวะคือพี่ฮารุทำไมเขาต้องหันปืนใส่ฉัน ทำไมเขาถึงไม่กลับซูซาคุ ทำไมเขาถึงจำน้องสาวคนนี้ไม่ได้ แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้แล้ว จินนั่นแหละมั่วแล้วพาฉันเครียดตาม
คาวะก็แค่บังเอิญหน้าเหมือนพี่ฮารุเท่านั้นแหละ หึ!
บ้านพักคนงานสร้างด้วยไม้ทั้งหลังตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรือนหลักของซูซาคุแต่ติดกับโรงฝึกฟันดาบ ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะซ้อมดาบแต่มาเพราะความสงสัยในตัวคาวะล้วนๆ คิดว่าถ้าได้ค้นห้องพักของเขาอาจจะเจอเบาะแสอะไรเพิ่ม ถึงฉันจะรู้ประวัติของหมอนั่นมาจากจินแล้วก็เถอะ แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงริเอะหรือข้อมูลอะไรที่บ่งบอกว่าเขาอาจจะเป็นพี่ฮารุ ต่อให้คาวะเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อของอัยย์เก็บมาเลี้ยงมันก็ไม่ช่วยทำให้ข้อสันนิษฐานของจินมีน้ำหนักขึ้นในสายตาฉันสักนิด
ภายในห้องไร้เงาของคาวะ ฉันรู้ว่าเขาออกไปข้างนอกยังไม่กลับถึงได้กล้าเข้ามา... ขืนรีรอก็ไม่รู้จะมีโอกาสอีกหรือเปล่า ทว่าห้องพักคาวะกลับโล่งเป็นพิเศษ ...ฉันจำคอนโดที่เขาลากไปคืนแรกได้ ของมันมีเยอะกว่านี้อีก ถึงนี่จะเป็นแค่พี่พักชั่วคราวแต่ก็ไม่น่าจะโล่งขนาดนี้
บนเตียงไม่มีของอย่างอื่นปะปนนอกจากผ้าปูกับหมอน ในตู้เสื้อผ้าก็มีเสื้อยืดสองสามตัว สูท กางเกง และรองเท้าบูทที่ดูมีราคาอยู่หนึ่งคู่ ค้นๆ ดูก็ไม่เห็นเจออะไร ห้องน้ำไม่ต้องถามเพราะเป็นบ้านพักคนงานชายเลยใช้แบบห้องน้ำรวม ฉันไม่คิดว่าเขาจะเก็บความลับอะไรไว้ในที่อาบน้ำสาธารณะนั่นหรอก
ให้ตายสิ รู้สึกเสียเวลาชะมัด อยู่ต่อก็คงไม่มีประโยชน์
แกร๊ก!~
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ฉันที่หมุนตัวกลับมากำลังคิดจะออกจากห้องจังงันอยู่กับที่ มองสบสายตาลุกวาวของคาวะอย่างทำอะไรไม่ถูก
“เข้ามาทำอะไร”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
เสียงแข็งยะเยือกทำฉันกลั้นหายใจ ปฏิเสธออกไปซึ่งๆ หน้า รีบร้อนเดินออกมาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น คาวะคว้าแขนฉันหมับ
“โกหก!”
“นี่… ปล่อยนะ!” ฉันรู้สึกเจ็บที่แขนเหมือนกระดูกจะหัก แรงบีบของคาวะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนฉันทรุดตัวลงกองกับพื้นอย่างอ่อนแรง น้ำตารื้นคลอเบ้าทั้งที่ในใจนั้นกำลังเดือดดาล
“เข้ามาทำอะไร จะบอกดีๆ หรือจะให้ใช้กำลัง” ไอ้เวรนั่นก้มหน้าตามลงมา
“ฉันจะเข้าจะออกห้องไหนก็ได้เพราะที่นี่เป็นบ้านฉัน แกมันแค่คนอาศัยถือดียังไงทำกับฉันแบบนี้”
“หืม… อย่าบอกนะว่าติดใจเรื่องเมื่อคืน เลยมาหาถึงที่”
“ถุ้ย! มีแต่คนถ่อยอย่างแกนั่นแหละที่คิดแบบนั้น”
ฉันถ่มน้ำลายใส่หน้าคาวะอย่างเหลืออด หมอนั่นกัดฟันกรอด แตะคราบน้ำลายที่แก้มออกมาเลีย สายตาโรคจิตของคาวะทำฉันผวา รีบสะบัดแขนเพื่อให้หลุดจากเงื้อมมือของเขาหัวใจสั่น แต่คาวะไม่คิดจะให้โอกาสฉันดิ้นรน
จับร่างฉันโยนลงบนเตียงเต็มแรง