[ ซายูริ ]
“ท่านซายูริ”
หัวหน้าแม่บ้านยืนก้มหน้ารออยู่ประตูทางเข้าพร้อมกับเหล่าสาวใช้อีกสี่ห้าคนด้านหลัง ฉันพยักหน้าและสั่งให้หัวหน้าแม่บ้านเอากระเป๋าจากรถอีกคันขึ้นไปให้ฉันที่ห้องด้วย ก่อนเดินผ่านทุกคนออกมาแบบเนือยๆ
ฉันเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับความรู้สึกเหนื่อยหน่าย คอยังรู้สึกเจ็บไม่หาย
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก เรียกสติที่หลุดลอยไปหลายครั้งให้กลับคืนมา เดินมารวบผมหน้ากระจก ก่อนถอดเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำ
น้ำอุ่นๆ ช่วยทำให้จิตใจที่ตึงแน่นผ่อนคลายลง ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก ความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นจากน้ำมือคาวะแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง ฉันคว้าผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำออกก่อนจะเปลี่ยนไปหยิบชุดคลุมมาสวมรัดสายที่เอวเดินออกจากห้องน้ำ
“คาวะ!”
ฉันเบรกเท้ากึกทันทีที่เห็นหมอนั่นยืนกอดอกอยู่กลางห้อง รีบก้มลงมองสภาพตัวเองแล้วกระชับชุดคลุมแน่น ใบหน้าเห่อร้อนวาบ ยังไม่ทันจะโวยวายว่าเข้ามาทำไม หมอนั่นก็โยนกระเป๋าในมือลงบนเตียง
นั่นกระเป๋าฉันที่สั่งให้แม่บ้านเอามาให้หนิ
“ทำไมนาย...”
“แค่บอกแม่บ้านว่ามีเรื่องจะคุยกับท่านซายูริ แม่บ้านเลยขอร้องให้ช่วยเอากระเป๋ามาด้วย เป็นแม่บ้านที่เชื่อใจคนง่ายดีว่าไหม”
“อึก อย่าเข้ามานะ!”
ฉันถอยหลังพลางส่งสายตาห้ามปรามคาวะที่รุกคืบเข้ามาเรื่อยๆ จนฉันชนกับโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ด้านหลัง
พลั่ก
แรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นเบาๆ สะโพกฉันเกยชิดขอบโต๊ะ ยกแขนขึ้นกันหน้าอกแกร่งที่ไล่ต้อนเข้ามาจนฉันหมดทางหนี
“คาวะ! ถะถอยไป”
หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำ จ้องเขาด้วยสายตาผลักไสไล่ส่ง
“นายต้องการอะไรอีก อัยย์ก็ปลอดภัยแล้วไง”
ดวงตาคมกริบไหววาบเมื่อได้ยินชื่ออัยย์ เสียงกัดฟันดังกรอด บรรยากาศในห้องเงียบงันจนฉันได้ยินเสียงลมหายใจที่กำลังหวาดหวั่นของตัวเอง
“คาวะ!”
ฉันเรียกชื่อนั้นอย่างโมโห ออกแรงดันร่างสูงให้ออกห่างแต่หมอนั่นกลับโน้มตัวลงมาใกล้ ยันมือทั้งสองข้างลงกับโต๊ะคร่อมร่างฉันเอาไว้ ริมฝีปากหยักลึกกระตุกยิ้มยะเยือก
“ถ้าอัยย์เป็นอะไรไป เธอจะโดนยิ่งกว่านี้อีก”
“ฉันรู้! ไม่ต้องมาขู่ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้อัยย์ออกงาน พอใจหรือยัง” ฉันพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ถูกบีบคั้น จ้องสายตาคมกล้าของคาวะแววตาสั่น ในอกอั้นอัดไปด้วยความชิงชังและเจ็บปวด ความห่วงใยที่คาวะมีต่ออัยย์อย่างล้นเหลือกำลังบั่นทอนความรู้สึกฉันอย่างไม่รู้ตัว
ความดีที่เขามีให้อัยย์กลับกลายเป็นสิ่งที่โหดร้ายเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน
“หึ… เข้าใจก็ดี แต่ถ้าเชื่อฟังกันตั้งแต่แรก ทุกคนคงไม่วุ่นวายแบบนี้ ไหนจะแม่บ้านกับสาวใช้ที่ช่วยกันเตรียมชุด ไหนจะลูกน้องที่วิ่งวุ่นกันไปทั่วโรงแรมอีก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความเอาแต่ใจของท่านซายูริล้วนๆ”
คาวะจับผ้าคลุมที่ไหล่ฉันทึ้งลง ผิวส่วนที่สัมผัสกับอากาศเย็นวาบ
“กรี๊ด! ทำบ้าอ๊ะ…”
ฉันร้องลั่นทันทีแต่ก็ต้องสะดุ้งเพราะมืออีกข้างที่ล้วงลึกเข้าใต้หว่างขา หงายมือขึ้นกอบกุมเนื้อสาวเต็มอุ้ง ขยุ้มอย่างไม่ปรานี ฉันกัดปากล่างแน่นด้วยความเสียววาบระคนเจ็บ ร่างกายยืดหดตามแรงมือที่ขยับอยู่ข้างล่าง
“หยุด อื้อ คา… อ๊ะ!”
ฉันหุบขาเข้าตามสัญชาตญาณ ลมหายใจหอบกระชั้น มือหนึ่งผลักไหล่คาวะ อีกมือจับข้อมือเขาแน่นอย่างต้องการจะห้าม แต่ก็ไม่อาจปัดป้องหมอนั่นออกห่างได้
น้ำตาฉันไหลออกมาอย่างหดหู่ ในอกบีบรัดไปหมดเมื่อถูกทำเหมือนของเล่น
ช่วงล่างรู้สึกชื้นแฉะ ฉันนั่งห่อตัวอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง ผ้าคลุมหลุดลงไปเกยที่แขนศอกข้างหนึ่งเผยหน้าอกขาวนวลออกมา คาวะแววตาลุกวาวราวกับอารมณ์ที่พยายามข่มกลั้นขาดปุด คว้าเต้าตึงแน่นเกินวัยที่ตั้งชันขึ้นอย่างไม่รู้ตัวไปดูดเม้มแรงๆ
“อ๊า อย่า… หยุด อื้อ”
ริมฝีปากร้อนระอุที่ครอบครองยอดอกทำฉันสั่นสะท้านไปทั้งตัว ร่างกายรู้สึกปั่นป่วน แอ่นกายเข้าหาใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่รู้ตัว รอยเคราสากๆ ถากไถกับเนื้อนมอ่อนจนเกิดริ้วแดง ฉันโอบแขนรัดรอบลำคอแกร่ง เรียวขาที่เคยหนีบเข้าหากันแน่นแยกออกเองทำให้คาวะสามารถละเลงนิ้วได้ทั่วถึงทุกตารางนิ้ว
“อ๊า~”
ฉันเผลอร้องออกมาด้วยความพอใจ กับนิ้วแข็งๆ ที่แทรกเข้าไปข้างใน รู้สึกได้ถึงแรงตอดรัดตุบๆ ที่สนองตอบนิ้วคาวะ ภายในรู้สึกร้อนจัด ร่างกายที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำมากลับซึมได้ด้วยเหงื่อ เงยหน้ารองรับความเสียวซาบซ่านที่ถูกปรนเปรออย่างลืมขัดขืน เสียงขยับนิ้วเข้าออกกระตุ้นอารมณ์อย่างรุนแรง แต่ก็รู้สึกไม่สุด …มีความรู้สึกอยากได้มากกว่านี้
“คาวะ… อื้อ~ คาวะอ๊ะ สะ เสียว ไม่ไหวแล้ว อึก!”
ฉันรู้สึกเหมือนจะพุ่งขึ้นไปแตะขอบสูงสุดของห้วงอารมณ์ นิ้วคู่นั้นก็ดึงออก ความรู้สึกวูบโหวงที่มาเยือนกะทันหันทำฉันค้างเติ่ง มองใบหน้าเรียบนิ่งของคาวะด้วยสายตาประท้วง
“คาวะ ทำไม…”
“หึ! ดูสภาพตัวเองตอนนี้ซะก่อน”
หมอนั่นจับฉันลุกขึ้นหันหน้าใส่กระจก
“อึก!”
หัวใจฉันกระตุกวูบ มองเงาที่สะท้อนในกระจกแววตาสั่น ผิวแก้มเห่อร้อนอย่างละอายใจ
ปกผ้าคลุมสองข้างผ่าแยกออกจากกัน โดยมีสายรัดผูกเอว เผยให้เห็นร่างเปลือยที่ไร้ยางอายของตัวเองได้อย่างน่าสมเพช
ความรู้สึกอับอายทำให้ฉันรีบรวบผ้าคลุมปิดบังเนื้อกาย แต่คาวะกลับรั้งข้อมือทั้งสองข้างฉันเอาไว้ไม่ให้ทำแบบนั้น
“ทำไมเล่า สวยดีออก”
แก้มฉันร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ บิดข้อมือออกจากการจับกุมของคาวะสุดฤทธิ์แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“ปล่อยนะ!”
“ลองแตะของตัวเองดูบ้างสิ”
“อื้อ หยุด! ไม่…”
คาวะกดมือฉันลงไปข้างล่าง บังคับให้ฉันสัมผัสของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ฉันออกแรงต่อต้านสุดกำลังจนหอบแฮ่ก เขาทาบนิ้วเข้ากับนิ้วของฉันแล้วดันลึกเข้าไปในช่องทางรักของตัวเอง
“อือ ไม่…” ฉันนิ่วหน้าน้ำตาจะไหล หลับตาแน่นอย่างไม่กล้ามองตัวเองในกระจก
“เคยช่วยตัวเองหรือเปล่า หืม…”
“สารเลว หยุดนะ อ๊ะ!” ฉันรู้สึกรวดร้าว เนื้อตัวกระตุกเมื่อคาวะจับนิ้วฉันขยับเข้าออก ขาอ่อนล้าจนแทบยืนไม่ติด หน้าอกข้างหนึ่งถูกเรียวนิ้วคาวะนวดคลึงบีบขยำอย่างดุดัน อารมณ์โดนกระตุ้นถึงขีดสุด ใกล้จะกรีดร้องออกมาอยู่รอมร่อเขาก็หยุดทุกอย่างอีกครั้ง
พลั่ก!
คาวะผละออกห่างอย่างไม่บอกกล่าว ทำให้ร่างฉันทรุดฮวบลงกะทันหัน
“อึก คาวะ...”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองด้วยรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร หรือแค่อยากทรมานฉันเล่นเท่านั้น
สายตาที่มองขึ้นไปกลับสะดุดกับเป้ากางเกงสแลคที่ตุงผิดสังเกต ผิวแก้มฉันร้อนจัด รอบกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว นั่นมัน…
ดวงตาคมกริบหรี่ลงเมื่อรู้ว่าสายตาฉันจับจ้องตรงส่วนไหนของเขาอยู่
ฉันสะท้านเฮือกยามเมื่อสายตาของเราทั้งคู่ประสานกัน ก้มมองพื้นห้องเลิ่กลั่ก นี่ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่ ทำไมถึงไปจ้องของน่ารังเกียจด้วยความรู้สึกโหยหาแบบนั้นได้
“อยากชิมหรือเปล่า”
“เอ๊ะ…”
ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างลนลาน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร คาวะกระตุกยิ้มกลับมา ก่อนย่อตัวลงในระดับที่แผ่นอกเสมอกับสายตาฉัน
“…มาทำต่อจากที่ค้างไว้คราวที่แล้วดีไหม”
ใจฉันสั่นกระตุก ส่ายหน้าไหว ผวาถอยห่างทันที คาวะดึงรั้งต้นแขนฉันเข้าไปหาสุดแรง แค่เขากระตุกครั้งเดียว หน้าฉันก็มาเกยอยู่บนแผ่นอกของเขาแล้ว
“อย่าทำแบบนี้นะ คนอย่านายไม่มีสิทธิ… อุ้บ อื้อ!!!”
ฉันดิ้นขัดขืนอยู่ในวงแขนของคาวะก่อนจะถูกประกบปากปิดเสียงร้องโวยวายสนิท ฉันเบิกตาโพลง หัวใจกระตุกไหว ริมฝีปากร้อนรุ่มของคาวะบดเบียดเข้าใส่ไม่ยั้ง ปลายลิ้นหยาบแทรกเร้นเข้ามากวาดต้อนโลมเลียทุกซอกทุกมุมอย่างหิวกระหาย
ผ้าคลุมถูกถอดทิ้งไป พร้อมกับที่ร่างอ่อนระทวยของฉันถูกเหวี่ยงลงบนเตียง แรงสะเทือนยังไม่ทันหายร่างสูงที่ปลดกระดุมเสื้อออกทุกเม็ดก็โถมลงมาทับ กดปากจูบฉันอย่างไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัว เรียวนิ้วซุกซนฟอนเฟ้นจุดอ่อนไหวทั้งบนและล่าง ทุกสัมผัสของเขาอัดแน่นไปด้วยความดุดันและรุนแรง ฉันรู้สึกเจ็บ…
สมองสั่งให้ฉันลุกขึ้นมาต่อต้าน แต่ร่างกายไม่มีแรง สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือร้องไห้จนน้ำตาเปียกหมอน แววตาจ้องมองเพดานอย่างเหม่อลอย จู่ๆ ก็รู้สึกอยากตายขึ้นมา
เรียวขาที่ถูกแยกออกกว้างทำให้ฉันรู้ตัว มองคาวะที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า กำลังก้มปลดกางเกงตัวเอง
“อึก! คา… ไม่ เดี๋ยว!”
ฉันร้องห้ามใจหายเมื่อเห็นหมอนั่นควักเอาอาวุธใหญ่ยาวของตัวเองออกมา
“อย่านะ… คาวะขอร้องอย่าทำฉันเลย”
ฉันถอยหนี มองแก่นกายที่แข็งขืนเต็มเหนี่ยวของเขาด้วยสายตาร้อนรน
“ใครไม่ทำก็โง่บรม!”
เขากระชากฉันกลับไปใต้ร่าง ล็อกท่อนขาที่ดิ้นถีบป่ายอากาศของฉันเอาไว้แน่น ก่อนกดความเป็นชายของตนเข้ามาทีเดียวมิดด้าม
“กรี๊…!”
เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของฉันถูกอุ้งมือหนาปิดเอาไว้ทันควัน ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำฉันดิ้นเฮือก! ตะเกียกตะกายเพื่อหาทางระบายออก คาวะขยับรูดรั้งทันที ใจฉันเหมือนจะขาดลงตรงนั้นจริงๆ ได้ยินเสียงอัดกระแทกเข้าใส่ดังตับๆ สะท้อนไปทั้งห้อง น้ำตาฉันไหลนองแก้ม จิตใจดิ่งวูบลงสู่ความมืดมิด มองภาพเพดานสั่นไหวอย่างเลื่อนลอย
แต่ว่า… ความรู้สึกที่เกือบจะจมหายไปพร้อมความเจ็บราวร่างกายโดนฉีกเป็นชิ้นๆ กลับค่อยๆ หวนคืนมาเป็นความหวามไหว
…มันซาบซ่านขึ้นเรื่อยๆ ฉันเองก็บอกไม่ถูก
ฉันมองร่างหนาแกร่งที่ขยับขึ้นลงอยู่ด้านบนด้วยสายตาสับสน โอบขาขึ้นเกี่ยวรอบเอวหนาแน่น ลมหายใจสั่นสะท้านจนควบคุมไม่ได้
คาวะมองสบตาฉัน สายตาคมปลาบของเขาทำฉันร้อนจัด เบือนหน้าออกไปมองด้านข้างก่อนหลับตาแน่น ปล่อยให้ร่างกายเป็นไปตามที่เขาควบคุม
ท่าทางพ่ายแพ้ของฉันทำให้คาวะปล่อยมือที่ปิดปากออก ร่างสูงโน้มลงมาพรมจูบซอกคอ ไหล่ ก่อนกลืนกินหน้าอกฉันอย่างหิวกระหาย ปลายลิ้นของเขาทำฉันสะดุ้งไหว ขณะที่ท่อนล่างยังโดนกระแทกไม่หยุด เนินอกก็เสียวแปลบปลาบ ร่างกายชักกระตุกราวกับโดนช็อตด้วยไฟฟ้า
“อ๊ะๆ เจ็บ ซายู… ซายูเจ็บฮือ”
ฉันร้องไห้ฟูมฟายอย่างกับเด็กน้อย ความเจ็บเสียดกดย้ำถี่ลึกอยู่ข้างในแต่ดันรู้สึกดีไปพร้อมๆ กัน สัมผัสหยาบโลนของคาวะกระตุ้นอารมณ์ฉันถึงขีดสุด คืนนั้นเขาทำให้ฉันได้รู้ซึ้งถึงความสุขสมทางกายที่ยากจะลืมเลือนขณะเดียวกันก็ฝังตราบาปเอาไว้ในหัวใจฉันอย่างไร้แววปรานี