ตอนที่ 4.2

2143 Words
“คุณหนูคะ มีคนต้องการพบคุณหนูเป็นการส่วนตัวค่ะ” เสียงที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้อัยย์หันกลับไปมองก่อนจะเห็นพนักงานในชุดสาวสาวเสิร์ฟยืนยิ้มอ่อนหวานอยู่ด้านหลัง “ฉันเหรอคะ” อัยย์ชี้ตัวเองด้วยความสงสัย สาวเสิร์ฟพยักหน้าพร้อมกับยิ้มสุภาพ “ทางนี้ค่ะ” “เอ๊ะ เอ่อ...” อัยย์ยังไม่ทันบอกว่าจะไปยืนทำหน้าเลิ่กลั่ก มองสาวเสิร์ฟที่ผายมือเชิญสลับกับทางไปห้องน้ำอย่างทำตัวไม่ถูก  “คือ ฉันแค่จะมาเข้าห้องน้ำ” “ห้องน้ำที่ชั้นล่างก็มีค่ะ” “แล้วใครเหรอคะ ที่อยากพบฉันน่ะ” “ไปเจอเดี๋ยวก็รู้เองค่ะ” สาวเสิร์ฟส่งสายตาให้อัยย์เดินตาม ใบหน้าที่ดูเป็นมิตรและนอบน้อมของสาวเสิร์ฟทำให้อัยย์ไม่กล้าปฏิเสธ เดินตามไปด้วยความรู้สึกลำบากใจ กลัวว่าถ้าหายไปนานๆ จะทำให้ทุกคนเป็นห่วงได้ สาวเสิร์ฟพาอัยย์ลงลิฟต์มาที่ชั้นล่างของโรงแรม ก่อนจะนำไปที่ห้องอาหารที่มีคนกำลังรออัยย์อยู่ “ถ้าอยากเข้าห้องน้ำ อยู่ด้านนอก เดินออกไปทางซ้ายมือค่ะ” สาวเสิร์ฟบอกก่อนผละออกไปเมื่อมาส่งอัยย์ถึงหน้าห้อง อัยย์มองตามแผ่นหลังของสาวเสิร์ฟไปจนลับสายตา ก่อนหันกลับมามองประตูห้องอาหารตรงหน้า ใครกันนะที่อยากจะเจอเธอ... อัยย์ครุ่นคิด ตัดสินใจผลักประตูเข้าไป คนที่นั่งอยู่ภายในห้องเหลือบสายตาขึ้นมองทันที  “มาแล้วเหรอ” ชายวัยฉกรรจ์ที่มีผมสีดำเข้มทั้งหัว ใบหน้าเหลี่ยมชัด แต่งตัวสะอาดสะอ้าดในชุดสูทสีเทานั่งอยู่บนเบาะนุ่มๆ หันมาส่งยิ้มใจดีให้พลางผายมือเชิญเธอให้มานั่งลงฝั่งตรงข้าม อัยย์มองไปรอบๆ ห้องอาหารสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ไม่มีใครนอกจากชายตรงหน้า เธอยิ้มบางๆ อย่างเป็นมิตร เดินมานั่งเบาะฝั่งตรงกันข้าม จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาสงสัย “คือ...” อัยย์คอมองคนตรงหน้าด้วยแววตาสับสนเพราะแน่ใจว่าไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน “เราไม่เคยเจอกันใช่ไหมครับ” “ค่ะ แล้วรู้จักฉันได้ยังไง” “หึ! ผมคอยจับตามองท่านซายูริอยู่ตลอด อะไรที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเธอมีหรือผมจะไม่รู้” อัยย์จ้องมองรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาของคนตรงหน้า ยังไม่รู้เจตนาก็ยังวางใจไม่ได้ อัยย์พยายามคงสีหน้าเรียบนิ่งไม่กระโตกกระตาก ชายคนนั้นมองท่าทีเยือกเย็นเหมือนสายน้ำนิ่งของเด็กสาวตรงหน้าอย่างประเมินครู่หนึ่งก่อนพูดต่อมาว่า “ผมมาที่นี่ตามคำสั่งเจ้านาย เพื่อยื่นข้อเสนอให้คุณ” “ข้อเสนอ” “เกี่ยวกับงานที่หมอนั่นล้มเหลว เจ้านายผมไม่พอใจมากที่ท่านซายูริรอดมาได้ แต่ท่านยังใจดีหยิบยื่นโอกาสแก้ตัวให้คุณทั้งสองคน” “ฉันไม่เข้าใจ ทำไมต้องมาบอกเรื่องนี้กับฉัน” อัยย์รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง มองสบสายตาคมกริบของคนตรงหน้าอย่างว้าวุ่นใจ  “ซายูริถูกกำหนดให้ต้องตาย” อัยย์ขนลุกวาบเพราะเสียงเย็นยะเยือกนั่น เธอรู้สึกกดจนไม่สามารถควบคุมหัวใจที่กำลังเต้นแรงนี้ได้ “แต่ถ้าซายูริไม่ตายก็ต้องมีคนตายแทน ชีวิตคนไม่ใช่ถูกๆ เลยคุณหนูเห็นด้วยหรือเปล่า” “อยากจะพูดอะไรกับฉันกันแน่” “หึ... หัวไวดีนี่ครับ งั้นผมพูดตรงๆ เลยก็แล้ว ถ้าไม่อยากให้คาวะโดนฆ่าก็หาทางกำจัดซายูริซะ ผมให้เวลาหนึ่งอาทิตย์ ซายูริจะต้องมีชีวิตอยู่ไม่เกินนี้ ไม่อย่างงั้นคนที่จะเป็นเป้าหมายของนักฆ่าก็คือคาวะพี่ชายของเธอ” เส้นเสียงของชายตรงหน้าเปลี่ยนจากสุภาพนุ่มลึกเป็นอำมหิตเลือดเย็นในท่อนท้าย ต้นคออัยย์เย็นวาบ ความรู้สึกหนักอึ้งกดทับในอก ราวกับว่าความสงบสุขที่เธอหวังเอาไว้เป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก เมื่อถูกบีบให้ต้องเลือกระหว่างชีวิตของซายูริกับคาวะและเหมือนคำตอบนั้นก็ชัดเจนอยู่อยู่แล้วว่าอัยย์จะเลือกใคร หากแต่ความรู้สึกผิดที่ร้อนรุ่มอยู่ในจิตใจทำให้หญิงสาวตกอยู่ในสภาวการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็ยังมีสิ่งที่อัยย์อยากรู้ เอ่ยถามออกไปแบบไม่ยั้งคิด “คุณเป็นใครคะ จะให้ฉันฟังคำพูดของคนที่แม้แต่ชื่อยังไม่รู้จักได้ยังไง” “หึ ชื่อผมไม่สำคัญหรอกครับ จำหน้าผมเอาไว้ก็พอ” “มีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ใครคะ?” ใบหน้าเป็นมิตรของชายตรงหน้าหดหายไป เหลือไว้เพียงความเย็นชากับสายตาเหี้ยมเกรียม อัยย์กลั้นหายใจเฮือก รู้ทันทีว่าไม่ควรถามเรื่องนั้น ก้มมองพื้นโต๊ะเบื้องหน้าอย่างลนลาน “เอาเป็นว่าคนของผมแทรกซึมอยู่ในทุกพื้นที่ของซูซาคุ ถ้าคุณหนูเล่นตุกติกหรือคิดจะบอกเรื่องนี้ให้ซายูริรู้ผมจะทราบทันทีและจุดจบของคนทรยศรู้ใช่ไหมว่ามันคืออะไร...” อัยย์เงยหน้าขึ้นจ้องอีกฝ่ายอย่างอึ้งๆ ไม่ใช่ซายูริหรือคาวะ แม้แต่ชีวิตของเธอก็ไม่ปลอดภัย สาวน้อยหลุบตาลง ในใจรู้สึกร้อนรนไปหมด ความยินดีที่ซายูริรอดพ้นจากปลอกกระสุนของคาวะลดฮวบถึงขั้นติดลบ เธอผิดตั้งแต่แรก... ถ้าเธอไม่เข้าไปยุ่งก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้ และซายูริก็คงตายไปแล้ว  อัยย์กัดฟันแน่นเมื่อนึกถึงตรงนี้ เธอไม่เคยมีความคิดที่อยากจะให้ใครตาย ไม่เลยสักครั้ง... แถมยังรู้สึกภูมิใจที่หยุดคาวะไม่ให้ฆ่าซายูริได้อีกด้วยหากแต่โลกที่ไร้เดียงสาของอัยย์ก็เหมือนพลิกกลับด้านหลังจากได้คุยกับชายปริศนาที่ห้องอาหารชั้นล่างโรงแรม  จิตใจของอัยย์เหมือนไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลังออกจากห้องอาหารเธอเดินเหม่อเข้าห้องน้ำ ในหัวเอาแต่ครุ่นคิดว่าจะทำยังไง ถ้าไม่ฆ่าซายูริพี่ชายเธอก็จะตกเป็นเป้าหมายของนักฆ่า แต่ถ้าเลือกฆ่าซายูริอัยย์ก็ไม่รู้จะฆ่ายังไง ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าจะเอาชีวิตซายูริได้  แค่คิดมือไม้ก็อ่อนแรงแล้ว ซายูริดีกับเธอมาก มากจนอัยย์ยกให้เธอเป็นเหมือนพี่สาวคนหนึ่งแต่ว่ายังไงความใกล้ชิดและความผูกพันที่อัยย์มีต่อคาวะก็มากกว่าซายูริหลายขุม ไม่ว่าจะคิดมุมไหน คาวะก็คือตัวเลือกของอัยย์ ...ซายูริถูกกำหนดให้ต้องตาย ใช่! จริงๆ เธอควรจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ  อัยย์มองสายตาเด็ดเดี่ยวของตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ริมฝีปากบางเม้มแน่น คนหนึ่งก็พี่ชาย... อีกคนก็เคยช่วยชีวิตเธอไว้ แล้วจะให้ทำยังไง จิตใจของอัยย์หนักอึ้งขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าซายูริสั่งคนตามหาเธอให้วุ่นวายไปหมด แม้แต่รอยยิ้มก็ยังไม่สามารถยิ้มจากใจจริงได้ ยิ่งซายูริมองไม่ออกว่าอัยย์กำลังเสแสร้งอัยย์ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ ซายูริ... อัยย์ขอโทษ เสียงก้องในใจของอัยย์ดังเป็นร้อยๆ รอบ ดวงตาจ้องมองท้องถนนมืดมัวยามค่ำคืนที่ไม่ต่างจากจิตใจที่กำลังหมองหม่นมองแทบไม่เห็นแสงไฟของตัวเอง โรงพยาบาล “ช่วงนี้ซูซาคุมีแต่เรื่อง พวกลูกน้องพอรู้ว่าท่านซายูริถูกลอบสังหารก็พลอยแตกตื่นกันหมด คุณจินสถานการณ์ของซูซาคุไม่สู้ดีเลยนะครับ แล้วเจ้านั่นไว้ใจได้หรือเปล่า” จินมองสีหน้าวิตกกังวลของลูกน้อง ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนก่อน คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะผกผันมาได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงโดนเป่าหัวกระจุยแบบที่ไม่มีโอกาสได้สั่งเสียแน่ แต่ซายูริกลับไม่เป็นอะไร ช่างเป็นเด็กที่ดวงแข็งมาตั้งแต่เด็ก...  “คิดอะไรอยู่หรือครับคุณจิน” “ตอนนี้เจ้านักฆ่านั่นทำอะไรอยู่” “คุณหนูให้เป็นบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ เลยครับ เหมือนให้แทนที่คุณจินชั่วคราว ผมล่ะไม่ชอบใจเลยจริงๆ” “แล้วที่ให้ไปสืบล่ะ” “อ้อครับ นี่ครับ... เจ้านั่นชื่อ คาวะ ข้อมูลการเกิดไม่แน่ชัด หมอนั่นมาจาก BLACK SCORPION ถูกขนานนามว่าเป็นนักล่าเงาของโอยามะ” “โอยามะ BLACK SCORPION ...ย่านมารุ” ดวงตาคมเข้มของจินหรี่ลงเล็กน้อย ได้ยินมาว่ามีแก๊งมาเฟียร์ที่ทรงอิทธิพลอยู่ที่นั่น แต่ทั้งนี้ BLACK SCORPION กับ ซูซาคุไม่เคยข้องแวะกันมาก่อนเส้นทางการค้าก็ไม่ได้ทับซ้อนกันเป็นไปได้เหรอที่โอยามะจะส่งคนมาเก็บซายูริ  “คุณจินคิดอะไรอยู่ครับ” ลูกน้องเอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้านายนิ่งเงียบผิดสังเกต “ทำไมโอยามะต้องส่งคนมาเก็บท่านซายูริ” “ก็คงเห็นว่าท่านซายูริเป็นเสี้ยนหนามละมั้งครับ” ลูกน้องชักสีหน้างุนงงตอบไปตามท้องเรื่อง แม้จะไม่เข้าใจที่จู่ๆ เจ้านายของตนก็ถามคำถามที่น่าจะคิดเองได้ออกมาแบบนั้น “แต่ท่านซายูริเพิ่งจะขึ้นนำซูซาคุไม่กี่วัน เจ้าโอยามะอะไรนั่นรู้เรื่องหรือยังเหอะ” “โธ่คุณจิน มันก็ต้องรู้สิครับเรื่องของคู่แข่ง ผมว่าหมอนั่นก็ต้องเก็บข้อมูลของกลุ่มเราไปมากเหมือนกัน แล้วข่าวท่านไคดะประสบอุบัติเหตุสื่อก็ประโคมกันเป็นอาทิตย์ ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่าท่านซายูริคือคนที่จะขึ้นรับช่วงต่อ สู้รีบๆ เก็บท่านซายูริก่อนที่จะปีกกล้าขาแข็งไปเสียไม่ดีกว่าเหรอครับ” “งั้นเรอะ คนทั่วไปก็คงคิดแบบนั้น” “ครับ!?” ลูกน้องรู้สึกว่ากำลังถูกหลอกด่า จ้องใบหน้านิ่งขรึมของจินอย่างไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “แล้วอัยย์ล่ะ ประวัติเด็กคนนั้นเป็นยังไง” “อ่าครับ...” ลูกน้องกะพริบตาเพื่อดึงสติให้กลับมาจดจ่อที่งานแม้จะรู้สึกค้างคากับเรื่องที่คุยกันเมื่อครู่แต่ก็ต้องตัดใจอ่านรายงานให้เจ้านายฟัง “พ่อของอัยย์เป็นนักฆ่าชื่อคุโรอิหรือคุโร่แต่ว่าเสียไปแล้ว เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนคนทั่วไป แต่ว่าผมพบประวัติการรักษาของเธอที่โรงพยาบาลครับ ดูเหมือนว่าสุขภาพของเธอจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมยังไม่ได้บอก” “อะไร” “อัยย์กับเจ้านักฆ่านั่นไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน คาวะเป็นเด็กที่คุโรอิเก็บมาเลี้ยงเมื่อสิบสองปีก่อน” คิ้วของจินขมวดเข้าหากัน ฟังที่ลูกน้องเล่าต่อนิ่งๆ “หลังจากที่คุโรอิเสีย คาวะก็เป็นคนดูแลอัยย์และรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด รายได้ส่วนใหญ่ก็มาจากงานฆ่าคน” “ศัตรูของโอยามะทั้งหมดรึ” “เปล่าครับ รู้สึกว่ามันจะฆ่าไม่เลือก ใครจ้างได้หมด ที่สำคัญมันไม่เคยพลาด” “งั้นเหรอ แต่ท่านซายูริรอด...” “ครับ คงเพราะเรื่องที่ท่านซายูริเคยช่วยชีวิตอัยย์เลยทำให้นักฆ่ามันลังเล” “อา... นั่นก็คงมีส่วน” จินหรี่ตาลง นึกขอบคุณโชคชะตาที่มักจะเข้าข้างซายูริเสมอ แต่เมื่อนึกถึงอนาคตแล้วกลับหนักใจไม่น้อยเพราะไม่ว่าใครก็ตามที่จ้องจะเอาชีวิตซายูริมันต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ “ฉันอยากคุยกับหมอนั่นเป็นการส่วนตัว ตามมันมาที” “ได้ครับ” “จริงสิ มีข่าวของท่านไคดะกับคุณดาไซหรือเปล่า” “ท่านไคดะยังอาการทรงตัวเหมือนเดิมครับ ส่วนคุณดาไซได้สติแล้วแต่” “แต่อะไร” คำพูดที่เว้นช่วงของลูกน้องทำจินขมวดคิ้ว ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับกำลังหลักของกลุ่มเพราะตอนนี้ซูซาคุก็เหมือนหงส์ปีกหัก ถ้าขาดดาไซไปอีกคน ขาและแขนก็คงหักไปด้วย ซูซาคุคงไม่ต่างอะไรจากหงส์พิการ  “ท่านดาไซ...เสียประสาทสัมผัสที่ร่างกายท่อนล่างไปครับ หมอบอกว่าถ้าทำกายภาพบำบัดก็มีโอกาสที่จะกลับมาเดินได้ แต่คงใช้เวลาสักพัก” จินแววตาไหววูบ นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ทั้งเห็นใจดาไซ ทั้งผิดหวังที่ดาไซต้องพักงานไปอีกสักพัก แต่อย่างน้อยก็ดีแล้วที่ดาไซยังรอดชีวิตมาได้  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD