“ไปทำแผลเถอะ ห้องพยาบาลอยู่ทางนี้”
“นะนี่...”
รู้ตัวอีกทีฉันก็ถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ ท่าทางอ่อนแอคนนี้ลากตัวมาที่ห้องพยาบาลของมหาลัยเสียแล้ว โชคดีมีอาจารย์อยู่ เลยไม่ได้ทำแผลกันเอง
“น่ากลัวจริงๆ เลย ดีแล้วนะที่ไม่เป็นไรมาก” อาจารย์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวลหลังรับทราบว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นภายในมหาลัย
“ขอบคุณนะคะ”
“จ้ะ ถ้ารู้สึกว่าเข้าเรียนไม่ไหวก็พักที่นี่กันก่อนก็ได้นะ”
ฉันกับยัยนั่นมองหน้ากันทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราเลือกอะไร ...แน่นอนว่าต้องนอนพักที่ห้องพยาบาลอยู่แล้ว ใครจะอยากไปนั่งเครียดในห้องเรียน ถึงจะเป็นท่านซายูริคนนี้ก็เถอะ
“ฉันอัยย์นะ เธอล่ะ”
ยัยนั่นเป็นฝ่ายแนะนำตัวก่อน ใบหน้าซีดเซียวนั้นจ้องฉันด้วยท่าทางร้อนรน
“ซายูริ” ฉันตอบสั้นๆ ก่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ยกเท้าขึ้นไขว่ห้างลืมว่าใส่กระโปรง
“อ๊ะ” ยัยอัยย์รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ทันที อะไรของยัยนี่เนี่ย อ่อนไหวชะมัดเลย ฉันมองใบหน้าที่ดูเปราะบางเหมือนแก้วใสของอัยย์นิ่ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เธอไปทำอะไรถึงโดนจับตัวแบบนั้น”
อัยย์สะดุ้ง ดูเหมือนฉันจะสะกิดฝันร้ายของเธอเข้า ใบหน้ากลมมนรีบส่ายหน้าไหวทันที เอ่ยออกมาอย่างกระอึกกระอักไม่รู้ว่ากลัวหรือกำลังซ่อนอะไรไว้กันแน่
“มะไม่รู้ จู่ๆ เขาก็เล็งปืนมาที่ฉัน แต่ฉันตกใจ เอากระเป๋าฟาดมือหมอนั่นจนปืนหล่นแล้วก็วิ่งหนีมา แต่ก็โดนตามทันแล้วเป็นอย่างที่เห็น...”
“อ่อ เธอไม่รู้จักหมอนั่นเหรอ เห็นมันขู่จะฆ่าเธอด้วย”
“ไม่รู้จริงๆ”
“อืม ช่างเถอะ ยังไงมันก็คงออกมาเพ่นพ่านไม่ได้สักสามสี่เดือน”
“ซะซายูริเก่งจัง”
“หืม?” ฉันเลิกคิ้วเพราะคำชมของอัยย์ ปกติฉันจะโดนคุณพ่อ ดาไซ และจินตำหนิว่าอ่อนหัด ชอบเผอเรอ ไม่ก็เห็นใจศัตรูเกินไปทำให้เปิดช่องว่างและโดนเล่นงานได้ง่ายๆ แต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไปฉันก็อาจจะเก่งจริงๆ นั่นแหละ
“ขอบคุณนะ” ยัยนั่นจับมือที่มีผ้าพันแผลของฉันเอาไว้อย่างเบามือ เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื้นตัน “ถ้าไม่ได้ซายูริ ฉันอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
“.....”
ตั้งแต่นั้นมาฉันกับอัยย์ก็สนิทกันมากขึ้น โดยที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการช่วยชีวิตอัยย์ในวันนั้นจะทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนไป
“สัส!”
แววตาดุดันของคาวะไหวระริกด้วยความโกรธ กวาดมองอพาร์ทเม้นท์ที่ถูกรื้อค้น ข้าวของกระจุยกระจายจนไม่มีที่เดิน ฝ่ามือที่ทิ้งลงข้างลำตัวถูกจับกุมเอาไว้จากด้านหลัง
“พี่คาวะ อัยย์กลัวค่ะ”
อัยย์เอ่ยกับพี่ชายด้วยความรู้สึกใจหาย หลังจากเกิดเรื่องที่มหาลัย... กลับมาก็เจอสภาพบ้านเป็นแบบนี้ อัยย์กลัวมากรีบโทรหาคาวะและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ
เมื่อคาวะทราบเรื่องก็รีบมาที่นี่ทันทีและก็เป็นอย่างที่เห็น...
“อัยย์ไม่กล้าอยู่ที่นี่แล้วนะ พี่คาวะ วันนี้ที่มหาลัยก็มีคน...”
คาวะหันขวับ คำพูดของอัยย์กระตุ้นอารมณ์เขาให้ลุกโชน
“ที่มหาลัยมีอะไร!”
“มีคนจะฆ่าอัยย์ค่ะ มันบอกว่าพี่ฆ่าพ่อมัน มันจะล้างแค้น”
ดวงตาคมกริบลุกวาวเมื่อได้ฟังคำน้องสาว เขารู้ทันทีว่าที่อัยย์ตกอยู่ในอันตรายเป็นผลพวงมาจากงานของเขา ซึ่งคาวะคอยระวังเรื่องนี้มาตลอด ถึงได้แยกที่อยู่กับอัยย์ และไม่เคยมีปัญหาจนกระทั่งตอนนี้
ชายหนุ่มกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมจู่ๆ ถึงมีคนโผล่มาทำร้ายอัยย์กะทันหัน ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อก็สั่นขึ้น
ชื่อ ‘ริเอะ’ ปรากฏอยู่บนจอ แววตาคมกริบกระตุกไหวก่อนจะเปลี่ยนเป็นลุกวาวในเวลาต่อมา แต่เพื่อความแน่ใจเขาจึงกดรับสาย
“ริเอะ...”
(น้ำเสียงนายโอเคนี่นา แปลว่าน้องสาวยังมีชีวิตอยู่สินะ หึ เสียดายจัง)
“ฝีมือเธอเหรอ” คาวะเค้นเสียงลอดไรฟัน แววตาดุเดือดเลือดพล่าน โกรธจนร่างกายแทบลุกเป็นไฟ
(อย่าโกรธฉันเลยน่า ก็แค่เอาคืนนิดๆ หน่อยๆ โทษฐานที่นายทำฉันขายหน้า สมน้ำสมเนื้อดีไม่ใช่หรือไง)
“ถ้าอัยย์เป็นอะไรฉันจะฆ่าเธอ”
(อ้อ หึ... นายไม่อยากฆ่าฉันหรอกเชื่อสิ ตราบใดที่นายยังต้องการงานน่ะนะ บั๊ย!)
ปลายสายวางไปแล้ว คาวะบีบโทรศัพท์ที่ถือเอาไว้แนบหูแน่น ใบหน้าหล่อเหลาแข็งกร้าวและเกรี้ยวกราดเกินจินตนาการ ทว่าเมื่อเสียงหวานๆ ดังขึ้นอารมณ์ที่ดุเดือดราวกับปล่องภูเขาไฟก็เย็นลงแทบจะทันที
“พี่คาวะ อัยย์ไปค้างด้วยนะ อัยย์ไม่กล้าอยู่ที่นี่คนเดียว”
“อัยย์...”
ที่อีกฟากของเมือง คาวะขับรถพาน้องสาวมายังที่พักของตน เขาไม่ค่อยอยู่เป็นหลักแหล่งเพราะอาชีพนักฆ่า ต้องคอยติดตามสังหารเหยื่อตามเมืองต่างๆ แต่ก็มีห้องพักหลักเอาไว้สำหรับเป็นพื้นที่ส่วนตัวด้วยเหมือนกัน และเพื่อความปลอดภัยของอัยย์ทำให้เขากับเธอต้องแยกกันอยู่เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับเขา
แต่...ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาเฉียบคมของริเอะไปได้
“เข้าไปสิ”
คาวะเปิดประตูแล้วส่งสายตาบอกน้องสาวของตน อัยย์พยักหน้า ก้าวเข้ามาข้างในโดยไม่ลืมพูด ‘รบกวนด้วยนะคะ’ ตามธรรมเนียม เธอกวาดสายตามองสำรวจไปรอบๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่เคยมาที่นี่ อะไรก็ดูแปลกตาไปซะหมด
“อัยย์เอาห้องไป เดี๋ยวพี่นอนโซฟา”
“ค่ะ...”
อัยย์ก้มหน้าอายๆ ก่อนเดินผ่านร่างสูงเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ กลับออกมาอีกทีก็ไม่เห็นคาวะอยู่ในห้องแล้ว เมื่อออกมาดูก็พบว่าเขากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ระเบียง ท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง อัยย์ไม่อยากรบกวนจึงปิดประตูเงียบๆ แล้วกลับเข้ามาในห้อง เดินดูโน่นดูนี่ก่อนจะสะดุดสายตาเข้ากับซองสีน้ำตาลที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะ
“อะไรเนี่ย...”
เธอเอ่ยปากเบาๆ สังหรณ์ใจว่าอาจจะเกี่ยวกับงานของคาวะ แม้จิตใต้สำนึกจะบอกว่าไม่ควรยุ่งแต่มือสาวน้อยก็เอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาเปิดดูอย่างห้ามใจไม่อยู่
“อึก... นี่มัน”
“ทำอะไรน่ะ!”
“เฮือก... พี่คาวะ”
อัยย์สะดุ้ง ในมือยังถือรูปถ่ายที่ดึงออกจากซองสีน้ำตาลค้าง คาวะปรี่เข้ามาฉวยเอกสารทั้งหมดในมือของอัยย์ทันที
“อย่าทำแบบนี้อีก มันไม่ดี”
คาวะรู้สึกโกรธแต่ก็ควบคุมอารมณ์ เตือนด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนไล่ให้อัยย์ไปพักผ่อน
ทว่าอัยย์กลับยืนนิ่งไม่ยอมขยับตัว ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตจ้องมองที่รูปถ่ายในมือคาวะด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย
“นั่นใครคะ”
“ไม่ใช่เรื่องที่อัยย์ต้องรู้”
“แต่ว่านั่น...”
“อัยย์!”
เสียงเรียกชื่อที่เย็นยะเยือกทำอัยย์สะท้านเฮือกพูดยังไม่ทันจบก็ต้องกลืนน้ำลายอึก หลบสายตาคมดุของคาวะ เดินก้มหน้ามาที่เตียงอย่างไม่กล้าฝ่าฝืน กระนั้นเธอก็ไม่อาจหยุดความรู้สึกที่กำลังปั่นป่วนภายในหัวได้
อัยย์รู้สึกไม่สบายใจเพราะภาพถ่ายในใบสั่งฆ่าของคาวะคือ ซายูริ คนเดียวกับที่เพิ่งช่วยชีวิตของเธอ