ภายในบ่อนกาสิโนที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ร่างบางระหงนั่งไขว่ห้างอยู่บนโต๊ะวีไอพี มือคีบบุหรี่ ริมฝีปากที่วันนี้เคลือบทับด้วยลิปสติกสีแดงก่ำกำลังพุ้ยควันบุหรี่ออกจากปาก ควันสีขาวลอยโขมงขึ้นแตกตัวข้างบนก่อนจะจางหายไป ร่างสูงโปร่งเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาดุดันเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า
ริเอะปรายตาขึ้นมองสบกับดวงตาสีนิลกาฬของอีกฝ่าย ใบหน้าเรียวสวยเอียงคอแล้วแสยะยิ้มหยัน
“ยังจะกล้าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกเหรอ”
“โกรธเรื่องซายูริอยู่งั้นเหรอ”
“เหอะ! คงไม่คิดว่าฉันจะยิ้มและก็บอกกับนายว่าไม่เป็นไร~ เอาใหม่~ หรอกนะ ฉันไม่เอาปืนจ่อกบาลนายก็บุญแค่ไหนแล้ว!” ริเอะกรีดร้องเสียงแหลมปี๊ดในท่อนท้ายทำให้คนที่อยู่รอบๆ หันมามองด้วยท่าทีตกใจ แต่ริเอะหาได้แคร์ไม่ หญิงสาวกัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงบทเรียนที่เธอได้รับจาก ‘ท่าน’ ในวันนั้น
คาวะหรี่ตามองท่าทางเกรี้ยวกราดของริเอะ “ตอนนี้เราก็เหมือนอยู่กันละฝั่ง ไม่แปลกถ้าเธออยากจะเล็งปืนใส่ฉัน”
“คาวะนี่นาย!”
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอโทษ แต่มาเพื่อเตือนริเอะ”
“นายคิดจะถอนตัวจริงเหรอ”
คาวะกระตุกยิ้มราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่ “ก็แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ”
“ไงนะ!”
“บอกตรงๆ ถ้าเธอไม่มายุ่งกับอัยย์ตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น พูดไปยัยบ้าอย่างเธอก็คงไม่เข้าใจอยู่ดีว่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันได้งานใหม่แล้ว ส่วนค่าตัวซายูริที่เธอโอนมาฉันจะถือว่าเป็นของขวัญส่งท้ายก็แล้วกัน ไม่คืนให้ แค่นี้แหละ”
“คาวะ! ไอ้เวรหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
พลั่ก!
ริเอะคว้าแก้วเหล้าใกล้มือเขวี้ยงใส่หลังคาวะ มันกระแทกกับแผ่นหลังเขาเต็มแรงก่อนจะหล่นลงบนพื้นแตกเพล้ง! คาวะชะงักกึก ชำเลืองสายตากลับมามองเศษแก้วบนพื้นนิ่งๆ ท่ามกลางสายตาแตกตื่นของคนรอบข้าง
“ถ้าอยากได้เงินคืนขนาดนั้นก็ส่งเลขบัญชีมาเดี๋ยวโอนคืนให้”
เท่านั้นแหละริเอะก็กรีดร้องออกมาเป็นบ้าเป็นหลังจนพนักงานของบ่อนวิ่งออกมาดูหน้าตาตื่น “ไอ้บ้า! ถ้าแค่โอนเงินคืนแล้วมันจบฉันก็คงไม่ต้องลำบากแบบนี้หรอก”
“งั้นก็ทำให้มันจบซะสิ”
คาวะเดินกลับมาหาหญิงสาว จ้องลึกเข้าไปในแววตาสับสนของริเอะอย่างดุดัน
“ถอนตัวซะ”
“ฉันทำไม่ได้”
“ทำไม”
“....”
สองหนุ่มสาวประสานสายตาอย่างรู้เท่าทันกัน เบื้องหลังของริเอะเป็นยังไงคาวะไม่เคยอยากรู้หรือสงสัยจนกระทั่งตอนนี้เขาชักรู้สึกอยากสืบเรื่องราวของริเอะขึ้นมา ชายหนุ่มรู้แค่ว่าเธอเป็นนักฆ่าล่องหน และมีตัวตนอยู่ในโลกมืด ขณะเดียวกันก็ใช้ตัวตนด้านสว่างเข้าหาเหยื่ออย่างชาญฉลาด เชือดทิ้ง และจากไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยให้สาวถึงตัวได้
“คนที่สั่งให้ฆ่าซายูริ... คือใคร”
“ทำไมฉันต้องบอกนาย”
“เอ้า! ฉันก็ช่วยเธอให้จบเรื่องนี้ไวๆ ยังไงล่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“หึ” คาวะแสยะยิ้มเย็นยะเยือกขนาดริเอะเองยังอดผวาใจไม่ได้ “ก็จะฆ่ามันให้ไง”
“คาวะ!”
“หืม ฆ่าไม่ได้สินะ แสดงว่าเป็นคนสำคัญ... งั้นก็คงต้องฆ่าเธอแทน”
ริเอะกัดฟันกรอด มองรอยยิ้มเลือดเย็นของคนตรงหน้าเนื้อตัวสั่นเทาไปด้วยความโกรธ ตั้งแต่ตอนที่เขาบอกจะฆ่ามันให้ ในใจริเอะก็ร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ไหว แม้ว่า ‘ท่าน’ จะโหดร้ายกับเธอในบางครั้งแต่อย่างน้อย ‘ท่าน’ ก็คือคนที่ชุบเลี้ยงเธอมา เป็นผู้มีพระคุณของเธอ เธอเคารพท่าน... เทิดทูนท่าน... เพราะงั้นจึงไม่อาจยกโทษให้กับคนที่บอกว่าจะฆ่าท่านได้
“นายนั่นแหละคาวะระวังตัวไว้ให้ดี ระวังจะโดนฆ่าทิ้งโดยไม่รู้ตัว”
เนื่องจากวันนี้ไม่มีเรียนทำให้ไม่ต้องรีบเร่งตื่นเพื่อไปมหาลัย ซายูริยังหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเพราะเมื่อคืนนั่งตรวจบัญชีคลังสินค้าจนดึก ขณะที่อัยย์ลุกขึ้นมาเปลี่ยนชุดวอร์ม ออกมาวิ่งเหยาะๆ ในสวนของซูซาคุเหมือนทุกๆ วัน
ตั้งแต่งานเลี้ยงคืนนั้นอัยย์ก็คิดเรื่องซายูริมาตลอด สังเกตจุดอ่อน หรือแม้กระทั่งหาข้อมูลจากคนในบ้าน แต่ก็ไม่เจอช่องโหว่ที่อัยย์จะสามารถเอาชีวิตของซายูริได้
อัยย์อยากล้มเลิกความตั้งใจด้วยซ้ำ อยากลืมผู้ชายที่เจอในโรงแรมและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากแต่ก็มีข้อความแปลกๆ ส่งเข้ามาในโทรศัพท์ ทำให้เธอผวาเล่นทุกวัน
‘ผมรอฟังข่าวอยู่นะ’
‘อย่าลืมคิดด้วยล่ะ’
‘วันนี้ก็ยังไม่คืบหน้าเหรอ’
‘อย่าให้ต้องเตือน’
ข้อความที่ได้รับเมื่อคืนยังติดอยู่ในหัว คำว่า ‘เตือน’ เหมือนสัญญาณบอกเหตุว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อคืนอัยย์อยู่รอคาวะที่ออกไปข้างนอกมาจนดึก เขาก็กลับมาอย่างปลอดภัยแถมยังบอกราตรีสวัสดิ์ด้วยรอยยิ้มแสนหวานกับเธออีก ทั้งที่ไม่มีอะไรผิดปกติแต่ทำไมถึงตัดความกังวลทิ้งไปไม่ได้ก็ไม่รู้
ความรู้สึกสดชื่นจากอากาศที่บริสุทธิ์ช่วยทำให้ลืมความว้าวุ่นใจไปได้ชั่วขณะ สาวน้อยยืนยืดเส้นยืดสายหลังจากวิ่งเบาๆ ไปสามรอบ สูดกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ไหวเอนรับลมเย็นยามเช้า จิตใจเบิกบานขึ้นมาทันที
“ขยันแต่เช้าเลยนะคนสวย”
“หือ...”
เสียงทุ้มนุ่มลึกดังขึ้น อัยย์หันมามองด้านหลังอย่างสงสัยแต่เพราะเคลื่อนไหวเร็วไปหรือเป็นเพราะเหตุผลกลใดไม่ทราบทำให้เธอหน้ามืดกะทันหัน เซวูบอย่างเสียหลัก
“อ๊ะ!”
“เฮ้... ระวัง!”
วงแขนแข็งแกร่งโอบเอวด้านหลังของเธอเอาไว้หลวมๆ อุ้งมือหนาจับท่อนแขนบอบบางเอาไว้เต็มมือ ดวงตาคมกริบเพ่งมองใบหน้าของเด็กสาวในอ้อมแขนอย่างรู้สึกสับสน
ไม่ใช่ซายูริ
เจ้าของใบหน้าเรียวคมเอียงคอสงสัย เส้นผมของเขามีสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับนัยน์ตาดุดันทรงเสน่ห์หากแต่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังบางอย่างที่ทำให้คนถูกมองเกิดความรู้สึกเกรงขามแบบไม่รู้สาเหตุ
อัยย์เหมือนตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะที่สบตากับเขา ก่อนจะได้สติรีบขยับตัวออกห่างพลางโค้งศีรษะให้อีกฝ่ายในเชิงขอบคุณที่เขาช่วยจับเธอเอาไว้
เขามองใบหน้าจิ้มลิ้มที่มีเลือดฝาดนิดๆ ของคนตรงหน้าอย่างพิจารณาในชั่วเวลาสั้นๆ ซึ่งแน่นอนว่าอัยย์ไม่มีทางรู้ตัวว่ากำลังถูกเขาประเมิน
รูปร่างของเธอผอมแห้งไปหน่อย แต่ความสูงกับช่วงเรียวขาใช้ได้ หน้าอกที่ตึงกระชับซ่อนรูปในชุดออกกำลังกายเหมือนจะใหญ่เกินตัวไปสักหน่อย ลองนึกภาพว่าร่องตรงกลางจะแน่นและนุ่มขนาดไหน เลือดลมในกายชายหนุ่มก็แทบเดือดพล่าน
“ขอโทษนะคะ” อัยย์รู้สึกวูบวาบประหลาด ลูบแขนตัวเองแก้เก้อมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยว่าเขาเป็นใครแล้วมาทำอะไรในบ้านหลังนี้
“อ่า... ขอโทษทีเพราะมัวแต่ตะลึงในความน่ารักของคุณผมเลยลืมแนะนำตัว ผมเคนมะครับแล้วคุณล่ะ”
“อัยย์ค่ะ ชื่ออัยย์”
“อัยย์... เพราะดี”
อัยย์รู้สึกแปลกๆ ที่ถูกชมซึ่งๆ หน้า ยอมรับใบหน้าหล่อเหลาของเขาทำเธอเขินหากแต่ไม่รุนแรงถึงขั้นควบคุมตัวเองไม่ได้
“แล้วคุณเคนมะมีธุระอะไรกับที่บ้านซูซาคุคะ”
“จริงสิ ผมมาพบซายูริ”
“อ๋อ... ซายูริ”
อัยย์ได้สติทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น เธอยิ้มหวานให้แขกตรงหน้าอย่างเป็นมิตรแต่ขณะเดียวกันก็สงสัยว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นใครและมีธุระอะไรกับซายูริกันนะ
“งั้นเดี๋ยวตามอัยย์เข้ามาก็ได้ค่ะ”
“หืม คุณออกกำลังอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“อัยย์วิ่งเสร็จแล้วค่ะ” เธอบอกก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปในตัวบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส ทำให้คนมองพลอยรู้สึกสบายใจไปด้วย
“คุณเคนมะ!”
ทันทีที่แม่บ้านเห็นใบหน้าของเคนมะก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เชิญนั่งทางนี้ค่ะ เดี๋ยวป้าไปตามท่านซายูริให้”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะป้าเดี๋ยวอัยย์ไปตามให้ ป้าอยู่คุยกับคุณเคนมะเถอะค่ะ” อัยย์รีบออกตัวเพราะเห็นท่าทางป้าจะรับรองแขกของซูซาคุได้ดีกว่าเธอที่เป็นคนนอก
“เด็กคนนั้นใคร”
เคนมะมองตามแผ่นหลังบอบบางของอัยย์ไปจนลับสายตา
“เพื่อนของท่านซายูริค่ะ”
“เพื่อนงั้นเหรอ ซายูริมีเพื่อนมาอยู่ด้วย?”
“เอ่อ... ค่ะเรื่องราวซับซ้อนนิดหน่อย ไว้คุณเคนมะค่อยถามเอากับท่านซายูรินะคะ เดี๋ยวป้าไปหาของว่างกับน้ำชามาให้”
“....”
ก๊อกๆ
“ซายูริ... ซายูริ...”
อัยย์ยืนเคาะประตูห้อง ส่งเสียงเรียกอยู่นานแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากด้านใน เมื่อจะเปิดประตูเข้าไปก็พบว่ามันล็อก
กึก... กึก...
“มีอะไรอัยย์”
“พี่คาวะ”
อัยย์หันไปมองพี่ชายที่เดินผ่านมาพอดี คาวะก้าวเข้ามาหยุดข้างๆ น้องสาวมองประตูห้องซายูริกับสีหน้ากระวนกระวายของอัยย์อย่างสงสัย
“คือมีแขกมาพบซายูริค่ะ รออยู่ข้างล่าง”
“แขก?”
“อื้ม ชื่อเคนมะ ทำยังไงดีคะ เรียกแล้วก็ไม่มีเสียงตอบเลย” อัยย์มองประตูอย่างรู้สึกร้อนใจ เกรงว่าเคนมะจะรอนาน
คาวะมองท่าทางกระวนกระวายของอัยย์แล้วก็เกิดฉุนคนในห้องอย่างไม่มีสาเหตุ
“เดี๋ยวพี่ปลุกเอง อัยย์ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ ออกกำลังมาไม่ใช่เหรอ”
“แต่ซายูริ”
“ไม่เป็นไร พี่ดูให้”
“งั้น... ฝากด้วยนะคะ”
คาวะคอยจนกระทั่งอัยย์เดินพ้นทางเดิน หันมามองบานประตูตรงหน้า เคาะสองทีแต่ไม่มีเสียงตอบ พอจะเปิดเข้าไปถึงรู้ว่าล็อก จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาคนข้างในแทน
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ซายูริปรือตาขึ้นด้วยความหงุดหงิด มือควานสะเปะสะปะหาโทรศัพท์ กดรับสายโดยไม่ดูชื่อคนโทรเข้า
“ฮะโหล...”
เสียงแหบพร่ากรอกลงไปตามสาย บอกให้รู้ว่ากำลังหลับลึก
(ชู้มาหา จะเปิดดีๆ หรือจะให้ผัวพังเข้าไป)
“ห๊ะ!?”
ถ้อยคำหยาบกระด้างบาดหูทำให้ซายูริเอาโทรศัพท์ออกมาดูอย่างสับสน ก่อนจะเห็นชื่อคาวะโชว์หราอยู่บนจอ
คาวะ... ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไม ซายูริกัดฟันกรอด โมโหจนแทบจะลุกขึ้นไปเปิดประตูแล้วเหวี่ยงโทรศัพท์ใส่หน้าคาวะให้หายแค้น แต่เมื่อกี้เขาบอกว่าไงนะ ชู้มาหาเหรอ หมายถึงใคร? ซายูริเอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง
“เมื่อกี้บอกว่าใครมาหานะ”
(เปิดประตู)
เสียงปลายสั่งอย่างเคร่งขรึม ซายูริขมวดคิ้ว ลุกขึ้นไปเปิดประตูอย่างเสียไม่ได้ ดวงตามนตึงขมึงทันทีที่เห็นคาวะ
“สรุปมีอะไร”
ซายูริแทบไม่อยากมองเขา แต่ก็ยังฝืนจ้องเข้าไปในดวงตาคมเข้มนั่นเพราะความสงสัย
“มีคนรอพบอยู่ข้างล่าง”
“....”