Love is cat's 10
ฉันยังคงเดินตามคุณหมอปริญเงียบ ๆ เมื่อมาถึงชั้นสองคุณหมอก็พาเดินไปยังห้องด้านในสุดที่หน้าห้องมีป้ายแขวนไว้เป็นเชื่อเขา โถงตรงกลางที่ว่างมีชุดโซฟาวางไว้อยู่ โดยที่มุมผนังด้านหลังมีเคาน์เตอร์ห้องครัวตั้งอยู่ มีตู้เย็นตู้ใส่น้ำ เครื่องชงกาแฟและอะไรอีกมากมาย
“ดื่มอะไรหน่อยไหม?” คุณปริญเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“งั้นก็เข้ามาก่อนครับ” คุณปริญเปิดประตูและรอให้ฉันเดินเข้าห้องไปก่อน ห้องทำงานของเขาดูสะอาดมาก เอกสารบนโต๊ะถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ตู้ด้านหลังมีเอกสารจัดวางอยู่เช่นเดียวกัน มุมด้านหนึ่งมีโซฟาและโต๊ะกระจกใส ๆ วางอยู่ ทุกอย่างภายในห้องดูลงตัวและเป็นระเบียบอย่างน่าตกใจ
“น้ำครับ” น้ำเปล่าขวดเล็กถูกส่งมาตรงหน้า และเพิ่งสังเกตว่าภายในห้องทำงานของคุณหมอปริญมีตู้เย็นอยู่อีกหนึ่งหลัง
“ขอบคุณค่ะ”
“ในตู้เย็นมีขนมอยู่นะ ถ้าหิวลองไปเปิดดูนะครับกินได้เลย”
“ขอบคุณค่ะ แต่คุณน่ะไปทำงานก่อนไหมจะได้รีบไปกินข้าว”
“หึ ครับเดี๋ยวรีบทำงานครับ” คุณหมอปริญยิ้มขำ ๆ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะเพื่อจัดการงานของเขาอย่างที่เจ้าตัวได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ระหว่างที่คุณหมอเคลียร์งานฉันก็เล่นและหยอกล้อกับไวท์ช็อกอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้เสียงดังรบกวนคุณหมอมากนัก
“เสร็จแล้วครับ ไปกินข้าวกัน” คุณหมอที่นั่งทำงานอยู่เกือบสามสิบนาทีรีบเอ่ยบอกระหว่างที่เก็บรวบรวมเอกสารไปไว้ที่มุมโต๊ะ
“เสร็จแล้วเหรอคะ?”
“ครับเสร็จแล้วน่ะ เคลียร์เอกสารเฉย ๆ พรุ่งนี้ผมไม่ได้เข้าโรงพยาบาล” คุณหมอปริญเล่าให้ฟังอย่างไม่คิดอะไรมาก ฉันจึงพยักหน้าและอุ้มไวท์ช็อกเตรียมพากลับไปที่ห้องพัก
“พรุ่งนี้ตอนเช้าฉันมารับไวท์กลับได้เลยใช่ไหมคะ?”
“สักแปดโมงเช้าก็ได้ครับ ผมจะแจ้งหมอครัชไว้ให้เองครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
คุณหมอปริญไม่ได้ทักทายคุณหมอคนนั้นที่เดินเข้ามายืนใกล้ ๆ ระหว่างที่กำลังพาไวท์ช็อกเข้าห้องพัก และไม่ได้ตอบคำถามของคุณหมอคนนั้นเลยสักประโยคเพราะคุณหมอปริญนั้นหันกลับมามองหน้าฉันและชวนให้เดินออกจากที่นี่ทันที กระทั่งเดินออกมาจนถึงลานจอดรถ
“ไปกับผมไหม เดี๋ยวกลับมาส่งที่นี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ เจอกันที่ร้านก็ได้” ไม่อยากจะขับรถวนไปมาหรอกนะ เจอกันที่ร้านก็สะดวกดีนี่นา
“แบบนั้นก็ได้ครับ ร้านxx นะเฌอรู้จักไหม?”
“รู้จักค่ะ”
“เดี๋ยวผมขับตาม” คุณหมอบอกแค่นั้นก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อไปยังร้านอาหารที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงร้านอาหารแน่นอนว่าช่วงเวลาเย็นแบบนี้ลูกค้าในร้านต้องเยอะอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดีที่เหมือนกับว่าคุณหมอปริญจะจองไว้แล้ว เลยทำให้เรามีที่นั่งโดยไม่ต้องรอนาน คุณหมอจัดการไว้อย่างดีเลย
“กินอาหารรสจัดได้ไหมคะ?” ฉันที่ทำหน้าที่สั่งอาหารเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและเอาแต่มองฉันด้วยรอยยิ้ม
“ได้ครับ”
“คุณชอบอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”
“อืมต้มยำทะเลครับ” คุณหมอปริญเอ่ยตอบกลับมา มือก็ยกขึ้นเรียกพนักงานมาเพื่อรับเมนูที่จะสั่ง ซึ่งมีทั้งเมนูที่ตัวเองอยากกินและสั่งเมนูที่คุณหมอชอบ และอาหารทั่วไปอีกสองอย่าง
“มีอะไรติดหน้าฉันหรือเปล่าคะ” จังหวะที่หันกลับมาเจอกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามฉันถึงกับห้ามใจไม่ให้ตัวเองเอ่ยถามออกไปไม่ได้ ก็เริ่มที่จะเขินแล้วนะคุณหมอเอาแต่มองหน้าฉันและยิ้มอะ ทั้งรอยยิ้มและดวงตาเขานั้นมันดูมีประกายเอ็นดูเหมือนฉันเป็นเด็กน้อยเลย
“เปล่าครับ” คุณหมอตอบกลับมา
“ก็คุณมองเยอะ”
“อึดอัดหรือเปล่า” คุณหมอถามกลับมาสีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ แต่ที่รู้คือฉันไม่ได้อึดอัดสักนิดถึงแม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้มีโอกาสมานั่งกินข้าวกับอีกฝ่ายแบบนี้
“ไม่ค่ะ”
“ที่จริง...”
“...” เมื่ออีกฝ่ายเว้นประโยคนั้นไว้ ฉันจำต้องเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัยไม่น้อย
“ผมชอบเฌอ คิดอยู่ว่าจะจีบยังไง แต่พอมีโอกาสมานั่งกินข้าวด้วยแบบนี้เลยอยากมองเยอะ ๆ” เอ่อ คือ เขาพูดเรื่องแบบนี้ได้ง่าย ๆ เลยเหรอ
“ตกใจใช่ไหมครับ?” คุณหมอทวนถาม พอเห็นว่าฉันพยักหน้าแทนการเอ่ยตอบเขาก็หัวเราะเบา ๆ
“เจอครั้งแรกก็รู้ว่าน่ารักแค่นั้น นั่นแหละครับ ตอนที่พาน้องไปฉีดวัคซีน ตอนนั้นกลัวว่าจะมีคนรักอยู่แล้วเลยไม่ได้เข้าหามากนัก” คนรักอะไรกัน ไม่เคยมีแฟนสักคน แต่คนคุยก็ไม่คุยต่อเพราะเขาดันไปคุยซ้อนกับอดีตเพื่อนอีกคนของฉันซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับพวกเขาแล้ว
“แต่ตอนที่เจอที่ร้านกาแฟ เลยบอกตัวเองไว้ว่าปล่อยเวลาไปเฉย ๆ ไม่ได้แล้วน่ะ”
“...”
“ขอจีบได้ไหมครับ”
====
กรี้ด!! พี่หมอคะ จะตรงไปถึงไหนคะ ลูกสาวเชาตกใจช็อกไปแล้วไหมเนี่ย!
ปล.!! ตอนนี้ *****คใน meb และ ปิ่นโต ลดราคา 50% อยู่นะคะ สอย *****คในราคา 99 บาท ได้ถึงวันที่ 12 สิงหาคมนี้เท่านั้นนะคะทุกคน