สั่นหวั่นไหว

1129 Words
เสียงเปียโนดังขึ้นทันที ที่ร่างของกษิมาเดินก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป เธอมองไปยังผู้ชายที่นั่งตัวตรง หลับตาพริ้ม ใบหน้าอาบไปด้วยความสุขและกำซาบในเสียงเพลงที่ดังขึ้น ปลายนิ้วของเขาพลิ้วไหวไปตามคีย์บอร์ดบนเปียโนเรือนงาม  “ช่างไพเราะจริง ๆ” สาวน้อยกำลังตกตะลึงไปกับความไพเราะที่จับจิตจับใจของเธอ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงของมัน กษิมายืนหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น คุณใหญ่เดินเข้าจับมือเด็กสาวตัวน้อย ประสานมือซ้ายของเธอไว้ระดับอกของเขา มือขวาโอบเอวร่างบางที่แสนจะเล็กนั้นไว้ แล้วประคองกษิมาก้าวเดิน และเริ่มเต้นตามจังหวะเสียงของดนตรี กษิมาเคลื่อนตัวพลิ้วไหวไปตามจังหวะของเสียงเพลง เธอขยับขาก้าวตามคุณใหญ่อย่างว่าง่าย เด็กสาวยิ้มร่าเริง สายตาที่ส่งออกมาพราวระยับ หัวใจเต็มไปด้วยความสุข คุณใหญ่ส่งยิ้มให้เธอตลอดเวลา กลิ่นกายของสาวพรหมจรรย์ นางผู้ถูกเลือก ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจทั้งสามหนุ่ม คลุ้งไปทั้งห้อง คุณเล็กลุกขึ้นทันทีที่เล่นเพลงแรกจบ ก่อนจะยืนตัวตรง หันหน้ามองพี่ชายคนโตของตนเอง “ผมขอตัวนะครับ ผมจะกลับเรือน” เสียงของเขาที่เปล่งออกมาสั่นพร่า และสีหน้าที่เหมือนไม่พอใจใครบางคน ทำให้หนูมาถึงกับต้องสะอึกแอบกลืนน้ำลายลงคอ พี่ชายใหญ่พยักหน้าให้น้องชายน้อย ๆ แบบเข้าใจ คุณกลางก็เฉกเช่นเดียวกัน เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะเอื้อนเอ่ย “พี่ใหญ่ครับ ผมจะออกไปข้างนอกท่องราตรีสักหน่อย” เขาบอกพี่ชาย แล้วก้มหัวส่งยิ้มให้กับเด็กสาวตัวน้อย ๆ และเดินตามหลังคุณเล็กออกไป “เออ... พี่ใหญ่ค่ะ หนูมาทำอะไรที่พี่เล็กเขาไม่ชอบหรือเปล่าคะ” เสียงหนูน้อยถามออกมาด้วยความรู้สึกที่หวั่นไหว กลัวการรังเกียจ โดยเฉพาะกับคนที่เธอเพิ่งจะเรียกว่าครอบครัวตามที่แม่ย่าได้บอกไว้กับเธอ “ไม่หรอกครับ อย่าถือสาเลย หนูมายังอยากที่จะเต้นรำกับพี่ต่อไหมครับ” เขาเอ่ยถามออกมากับหนูน้อย ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเอาอกเอาใจ “พี่ใหญ่ไม่เหนื่อยหรือคะ” เธอถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เลยจ้ะ สนุกดีออกครับ” เขาดึงมือกษิมาให้เดินตาม แล้วกดเข็มลงบนแผ่นเสียง เสียงเพลงก็บรรเลงขึ้น พี่ใหญ่จับมือแม่หนูน้อย แล้วก้มโค้งคำนับ แล้วจุมพิตที่หลังมือเบา ๆ ความหอมที่จรุงใจทำให้เขาเริ่มไล้จมูกสูดเอากลิ่นกายที่หอมคลุ้งอย่างถูกใจ ส่าหนุ่มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความกำหนัด พี่ใหญ่ของหนูมา จรดจมูกไล่ขึ้นตามลำแขน จนเด็กน้อยขนลุกเกรียว และพยายามดึงมือของเธอกลับ เมื่อพี่ใหญ่จับกิริยาและมองเห็นสีหน้าที่ตกใจของเด็กน้อย จึงทำให้ได้สติกลับคืนมา เขาหัวเราะกลบเกลื่อนออกมาเบา ๆ “หนูมาน่ารักมากรู้ไหม มาครับ มาเต้นรำกัน” เขาบีบมือเธอเบา ๆ และตวัดร่างเล็กให้เคลื่อนไหวตามเสียงเพลง เสียงดนตรีในความมืดของยามรัตติกาลดังลอยขึ้นไปถึงห้องแม่นางส่าใหญ่ ที่นอนคว่ำหน้าตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงหน้าห้องนอนบนชั้นสอง ให้นางปริกนวดหลังให้เพื่อผ่อนคลาย “กลิ่นดอกไม้อะไรเจ้าคะ แม่ย่า ที่หอมฟุ้งมาถึงบนเรือนนี้ได้เจ้าค่ะ อิฉันไม่เห็นเคยได้กลิ่นมาก่อนเลย” เสียงปริกเอ่ยถามแม่ย่าเบา ๆ พลางทำจมูกดังฟิต ๆ “กลิ่นดอกไม้แรกแย้ม กลิ่นแห่งความสุขไงละ ปริก เฮ้อ.... ปริกเอ๊ย ฉันไม่เคยมีความสุขมาหลายปีดีดักแล้วนะ วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุดเลย แกรู้ไหม” แม่ย่าเอ่ยออกมาสีหน้ามีความสุขมากมายเหมือนอย่างที่นางบอก และพ่นลมหายใจออกมาแบบปลดปล่อยความกังวลที่เคยอัดแน่นอยู่ข้างในนั้นออกมา “เจ้าค่ะ” เสียงปริกเอ่ยเอาใจแม่ย่า แล้วลงมือหนักตามแผ่นหลัง และไล่ลงมาตามขาแข้ง “เล็ก นายเล็ก นายเล็ก” เสียงพี่กลางเรียกตามหลังคนที่กำลังเดินจ้ำอ้าว ๆ ไปบนทางเดิน ที่มุ่งตรงไปยังเรือนนอนของพวกเขาหลังกำแพงต้นข่อยนั้น เขาหันมามองพี่ชายคนกลาง หน้าตาแดงก่ำ พี่ชายหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ มองหน้าของกวินยิ้ม “ฮึ...เป็นเอามากเลยนะแก นายเล็ก พี่ว่านายไปกับพี่ดีกว่า บางอย่างมันก็ต้องมีปลดปล่อยกันออกมาบ้าง จะใช้แต่นางทั้งห้าทำร้ายตัวเองทุกวันเป็นไปไม่ได้หรอก” เขาตรงเข้ามาตบฝ่ามือลงบนบ่า แล้วบีบกระชับหนัก ๆ ลงไปสองสามครั้ง แล้วเขายังส่งเสียงหัวเราะดังไม่หยุด “ไม่หรอกครับพี่กลาง เชิญพี่ตามสบายเถอะ” เสียงเขาเอ่ยบอกเสียงดังและค่อนข้างฟังดูห้วน แต่คุณเล็กกลับขบกรามแน่นเก็บกดความรู้สึกเอาไว้ข้างใน ความรู้สึกกำหนัดในการเป็นชายชาตรีของกวิน เริ่มรุนแรงตั้งแต่แม่ย่ารับเด็กที่ชื่อกษิมาเข้ามาอยู่ในบ้าน กลิ่นของเธอยังติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขาไม่จาง ทำให้เขาไม่อยากจะมองหน้าและเจอเธอเลยสักนิด ตอนนี้หัวใจเขายังเต้นรัวแรง เลือดในกายเดือดพล่านไปหมด ส่วนพี่ใหญ่และพี่กลางก็เฉกเช่นเดียวกับเขา แต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่กว่า และรู้จักควบคุมสติและร่างกายของตัวเอง ทำให้ทั้งสองคนไม่ทุรนทุรายมากนัก “นายเล็ก นายแน่ใจเหรอ ไม่อยากลองดูหน่อยล่ะ สนุกนะ” เขายังเอ่ยชักชวน แล้วดึงฉุดแขนน้องชายให้เดินตาม ความอยากรู้อยากลองทำให้ใจที่อยากจะประท้วง แต่สั่งการขาไม่ได้ ก้าวขาตามพี่ชายคนกลางไปแบบว่าง่าย ไม่มีปริปากประท้วงแต่อย่างใด กานดิศเปิดประตูรถ และดันหลังน้องชายขึ้นไปนั่ง แล้วตัวเขาวกเลี้ยวเดินขึ้นประจำที่นั่งคนขับ มุ่งหน้าตรงไปยังสถานบันเทิงที่อยู่ใจกลางเมืองทันที “หนูมาเหนื่อยหรือยังครับ” เสียงพี่ใหญ่เอ่ยถามเธอเสียงนุ่ม กษิมาพยักหน้าให้ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงหวาน ๆ ให้กับพี่ชายคนโต “เหนื่อยแล้วค่ะ แล้วหนูมาก็ง่วงด้วย เดี๋ยวพี่สวยจะนอนเสียก่อนหนูมาสิคะ” แล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD