บทที่10. เป็นเรื่องของสวรรค์ลิขิต

1392 Words
หญิงสาวเดินเข้าไปหาคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง บุรุษร่างสูงดูผายผอมลงไปมาก เขาเอียงคอเล็กน้อยแล้วหันมามองทางนาง มีบางสิ่งที่นางรับรู้ได้ว่าเขาผิดปกติ จนเมื่อนางหยุดยืนเบื้องหน้าเขาแล้ว นางจึงได้ยินเสียงทักทายของเขา   “แม่นางเคอ”  เคอหลิ่งหลินนิ่งไปอึดใจ มือนางสั่นน้อยๆ ก่อนจะยกขึ้นโบกไปมาเบื้องหน้าเขา ชายหนุ่มผงะไปด้านหลังเล็กน้อยก่อนที่จะยกมือมาจับมือของนางไว้ หัวใจของหญิงสาวเหมือนถูกบีบรัด  หากเป็นเวลาปกตินางคงดีใจที่เขาจับมือนางเช่นนี้   “ดูออกชัดขนาดนั้นเชียวหรือ?” เขาหัวเราะเบาๆ ราวกับไม่เดือดร้อนกับอาการของตัวเอง     “ท่าน...ทำไม...เกิดอะไรขึ้น” นางถือวิสาสะนั่งบนเตียงข้างเขา สำรวจดูภายนอกไม่เห็นเขามีบาดแผลหรือได้รับบาดเจ็บ  ไยเขาจึง...จึงมองไม่เห็นนาง             “เป็นเรื่องของสวรรค์”             “บ้าซิ!” นางสบถ แต่กลับทำให้ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ  “จู่ๆ ท่านจะมองไม่เห็นได้อย่างไร”             “ข้าเพียงถูกพิษเล่นงาน” เขายังไม่ปล่อยมือเธอ เพียงแต่กำไว้หลวมๆ หวังให้นางรู้สึกผ่อนคลาย เป็นเขาที่มองไม่เห็น แต่ดูนางจะเดือดร้อนกว่าเขาเสียอีก             “มีหญิงสาวที่ไหนทำท่านรึ”             “อะไรนะ?”              “ท่านไปทำอะไรใครถึงโดนยาพิษเข้าล่ะ”             “แล้วทำไมแม่นางเคอคิดว่าเป็นผู้หญิงที่เล่นงานข้า” ใช่...แม้แต่เขายังไม่คิด             “ก็ท่านหล่อเหลาแบบนี้ อาจเล่นตัวไม่รับรักหญิงนางคนใดเข้า นางผูกใจเจ็บถึงได้วางยาพิษท่าน” เคอหลิ่งหลินพูดอย่างเป็นกังวลและจริงจัง  เขาเป็นคนจิตใจอ่อนโยนไม่น่ามีศัตรูที่ไหนที่จะทำร้ายเขา             คำพูดของนางสร้างเสียงหัวเราะให้เขา นางเป็นเช่นนี้เสมอ ทำให้เขาหัวเราะได้ทุกครั้งที่พบหน้า             ดวงตาของคุณชายเฉินมิได้บอดสนิทแต่พร่าเลือนเต็มที    เป็นจริงอย่างที่นางพูด คนที่ถูกปองร้ายจริงคือน้องชายของเขาทว่าเขารับเคราะห์แทน บรรดาหมอในเมืองหลวงยื้อชีวิตเขาจากความตายได้แต่พิษนั้นยังแทรกซึมในโลหิตทำให้ดวงตาของเขาค่อยๆ พร่าเลือนและอาจจะมืดบอดในไม่ช้า เมื่อทุกฝ่ายหมดทางเยี่ยวยา เขาจึงตัดสินใจเดินทางมาที่นี่ สถานที่ซึ่งน้อยคนนักจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา             “ท่านอย่าเป็นกังวลไปเลย ขนาดคนใกล้ตายท่านหมอมู่ยังเจรจากับยมฑูตได้ ท่านแค่ตาบอด ท่านหมอมู่ต้องช่วยได้แน่ๆ”             “ฮืม”             “ดีเลย ช่วงนี้ข้าว่าง ข้าจะมาเป็นเพื่อนเล่นท่านแล้วกัน”             “เพื่อนเล่น?” นางคิดว่าเขาอายุเท่าไหร่กัน              “หรือท่านอยากทำอะไรล่ะ  เอ่อ...”  นางไม่กล้ารับปากว่าจะมาดูแลเขา แม้ชายแดนสงบและเพิ่งเสร็จการปราบโจรป่าได้  นางคงไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลจวนท่านแม่ทัพ แต่นางก็ต้องฝึกเพลงกระบี่กับจ้าวจิ่นสือและคอยดูพลทหารฝึกซ้อม ซึ่งเป็นกฏของกองทัพ             “ไม่ต้องห่วงหรอก คราวนี้ข้าอยู่ที่นี่นาน เจ้ามาเมื่อไหร่ก็ได้พบข้า” เขาตบหลังมือนางเบาๆ             เคอหลิ่งหลินเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาจับมือนางอยู่ นางจึงดึงมือตนเองกลับ ไม่ใช่ว่านางไม่ชอบที่เขาทำกับนางเช่นนั้นหรือเพราะว่าตามธรรมเนียมชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัว แต่เพราะนางอับอายฝ่ามือหยาบกร้านของตนเองมากกว่า แต่คุณชายเฉินเข้าใจว่านางเขินอายที่ถูกจับมือ เขาจึงกล่าวขอโทษออกไป             “ไม่ต้องขอโทษหรอก ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” นางยิ้มเขินๆ “ท่านพูดเองนะว่าให้ข้ามาหาได้ตลอดเวลา”             “ทุกเวลาที่เจ้าต้องการ”             “ฮืม วันนี้ข้าออกมาจากจวนแม่ทัพทั้งวันแล้ว คนอื่นๆ จะคิดว่าหนีงาน ข้าคงต้องกลับก่อน”             “รักษาตัวด้วย”             “ท่านซิที่ต้องรักษาตัว” นางทำเสียงหงุดหงิดกับคำบอกลาของเขา             “ใช่...เป็นข้าที่ต้องรักษาตัว” เขาหัวเราะในลำคอ              เคอหลิ่งหลินกล่าวลาแล้วเดินออกมานอกห้อง เห็นว่าท่านหมอมู่ยังนั่งพูดคุยปรึกษากับคนอื่นๆอยู่จึงเดินเข้าไปหา             “มีอะไรให้ข้าช่วยได้หรือไม่ ยาสมุนไพรที่ไหนข้าจะขึ้นเขาไปหามารักษาคุณชายเฉิน” นางพูดอย่างจริงใจ และเชื่อมั่นว่าเขาต้องกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง             “หนทางนั้นมีแต่ลำบากนัก” หมอมู่พูดเสียงเบาไม่ต้องการให้คนในห้องได้ยิน              “ถ้าข้าทำได้ ข้าจะช่วยเต็มที่” นางยืนยัน             “เป็นข้าที่จะเป็นคนไปหายามารักษาคุณชาย” ต้าซื่อพูดออกมา “อย่างที่ท่านหมอมู่บอก หนทางนั้นไกลนัก ข้าหวังใจว่าระหว่างที่ข้าไม่อยู่จะมีคนช่วยดูแลคุณชายแทนข้า”             “วิทยายุทธ์ข้าอาจไม่สูงส่งเทียบท่านต้าซื่อ แต่วางใจเถิด หากข้าอยู่ที่นี่ จะไม่มีผู้ใดแตะต้องคุณชายเฉินได้แม้แต่ปลายเล็บ”             “เห็นที่ข้าต้องรบกวนเจ้าแล้ว”             ต้าซื่อเห็นนางเป็นที่พึ่งเดียวในตอนนี้ หนทางไปนำยามาถอนพิษให้คุณชายไม่ใช่เส้นทางปกติ เขาเองมีหน้าอารักขานายเหนือชีวิต แต่การรักษาชีวิตท่านไว้สำคัญกว่าสิ่งใด อยู่ในบ้านสกุลเหวินปลอดภัยในระดับหนึ่งอยู่แล้ว หากแต่มีคนใกล้ชิดที่ คอยดูแลคุณชายเพิ่มอีกสักคน ก็เป็นที่อุ่นใจมากทีเดียว             เคอหลิ่งหลินรู้ตัวดีว่าการตกปากรับคำครั้งนี้มีความหมายมาก โชคดีที่ระยะนี้ไม่มีเรื่องราวอะไรให้นางต้องกังวล  นางเพียงตื่นเช้ากว่าเดิมแล้วเข้าไปดูแลม้าในคอกม้า การฝึกทหารนั้นมีผู้อื่นดูแลแทนได้อยู่แล้ว  แต่เรื่องม้านั้นนางต้องเข้ามาดูในทุกเช้า แม้ไม่ได้ดูแลทุกตัวแต่นางก็พยายามจะทำด้วยตนเอง นางรักม้าเหล่านี้ราวกับพวกมันเป็นคนในครอบครัว  อาชาสำหรับแม่ทัพนั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง แม้ไม่อยู่ในช่วงศึกสงครามก็ต้องดูแลอย่างดียิ่ง หลายครั้งที่นางเอาชีวิตรอดกลับมาได้เพราะม้าเหล่านี้ เช่นนั้นแล้วนางจึงให้คำสัญญากับพวกมันว่าจะดูแลพวกมันให้ดีที่สุดที่นางจะทำได้             กิจวัตรที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย คือนางจะแอบหนีออกไปข้างนอก หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบกระบี่ไม้ไผ่เตรียมออกไปข้างนอก แต่ชุนเอ๋อร์ก็ทันเห็นผู้เป็นนายที่กำลังจะกระโดดออกไป “คุณหนู! คุณหนูจะไปไหนเจ้าคะ”  “ไป...ไปข้างนอก”  ร่างเพรียวนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างเตรียมจะออกไปเต็มที่     “ข้างนอกที่ว่าคือที่ไหนเจ้าคะ” ชุนเอ๋อร์เท้าเอวมองนายของตนเองที่ทำตัวไม่สมเป็นกุลสตรีเลยสักนิด ซึ่ง...ก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว “ข้างนอกก็คือข้างนอกไง” นางไม่อยากบอกว่าจะไปไหน เรื่องที่นางไปบ้านสกุลเหวินนั้นไม่มีใครรู้และนางก็ไม่อยากให้รู้ด้วย   “แต่วันนี้จะมีคนมาเยี่ยมเยือนท่านแม่ทัพ ฮูเหยินให้คุณหนูรอต้อนรับด้วยนะเจ้าคะ”   “ใครๆ ก็มาเยี่ยมท่านพ่อออกบ่อยไป ข้าจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่เห็นต่างกันสักเท่าไหร่นักนี่”   “แต่ฮูหยินกำชับมานะเจ้าคะ”   “ก็บอกว่าเจ้าไม่เห็นข้าก็สิ้นเรื่อง ข้าไปล่ะ เจ้าจะได้ไม่เดือดร้อน” “คุณหนู”  ชุนเอ๋อร์ได้แต่มองร่างเพรียวในชุดเสื้อผ้าเนื้อหยาบกระโดดออกนอกหน้าต่างไป วิชาตัวเบาของเคอหลิ่งหลินไม่ด้อยไปกว่าผู้ใด คนรับใช้อย่างนางจึงเห็นแต่แผ่นหลังไวไว หายลับตาไป   “ท่านไม่อยู่ต่างหากที่ทำให้บ่าวเดือดร้อน” ชุนเอ๋อร์ได้แต่พูดเสียงอ๋อยตามลำพัง เมื่อไหร่เจ้านายของนางจะแต่งตัวงดงามนั่งอยู่ในบ้านนิ่งๆ ในนางได้ปรนนิบัติเหมือนบ่าวไพร่คนอื่นบ้างนะ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD