บทที่7. ไม่ได้ซักไซ้ถาม

1497 Words
เขาไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรอีก  คิดว่านางคงเป็นบ่าวไพร่ในจวนแม่ทัพจ้าว  ดูแล้วท่าทางนางเป็นคนมีจิตใจดีจึงไม่ได้ห้ามปรามที่ลูกสาวจะมีเพื่อนหรือพี่ นับตั้งแต่นั้นก็เห็นเคอหลิ่งหลินแวะเวียนมาหาฟางเหนียงอยู่เสมอ โดยเฉพาะมาให้ฟางเหนียงสอนเพลงขลุ่ยและอ่านโคลงกลอนต่างๆ             ด้วยความเป็นหมอ มองเพียงปราดเดียวก็สังเกตได้ว่า     เคอหลิ่งหลินเคลื่อนไหวร่างกายติดขัด จึงอดเอ่ยปากถามออกไปมิได้             “ข้าซุ่มซ่ามตกม้าเจ้าค่ะ หลังกระแทกพื้นเลยเจ็บนิดหน่อย”             “หากเป็นเช่นนั้นจริงเจ้าคงไม่ได้มาเดินปร๋อเช่นนี้หรอก”             หญิงสาวได้แต่แสร้งหัวเราะออกมาไม่พูดสิ่งใดอีก             “พี่หลิ่งหลินบาดเจ็บหรือเจ้าคะ ให้ข้าช่วยดูบาดแผลให้นะ” ฟางเหนียงเป็นทุกข์ร้อนที่รู้ว่าพี่สาวของนางบาดเจ็บ             “ไม่ๆ เจ้าไม่ต้องมารักษาข้าเลย ข้าไม่ใช่หมาแมวให้เจ้ามาต่อกระดูกผูกเส้นเอ็นนะ” นางรีบกระโดดหนีแต่เพราะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปจึงเจ็บแปลบตรงที่บวมช้ำ              ท่านหมอมู่ส่ายหน้าไปมา “คงไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ให้ฟางเหนียงจัดสมุนไพรให้เจ้าเอาไปใส่น้ำแช่ตัวตอนอาบน้ำจะได้บรรเทาเร็วขึ้น”             “จริงรึเจ้าคะ” นางไม่ค่อยมั่นใจนัก ไม่ใช่ไม่มั่นใจในฝีมือการรักษาของฟางเหนียวที่ได้รับความรู้จากบิดา แต่เพราะนางไม่ชอบกินยาอะไรทั้งนั้น ซ้ำยังเคยกระดูกหลุดแล้วฟางเหนียงช่วยต่อกระดูกให้ นางจำได้ว่าร้องลั่นป่าจนเก้งกวางวิ่งแตกกระเจิงเลยทีเดียว             “จริงซิพี่หลิ่งหลิน” ฟางเหนียวหัวเราะน้อยๆ เสียงหัวเราะของนางราวกับเสียงนกร้องเพลง “ว่าแต่ท่านพ่อมีอะไรจะใช้ข้าหรือไม่เจ้าคะ”             “คุณชายเฉินกลับมารักษาตัวที่บ้านสกุลเหวิน ข้าคงต้องออกไปดูเสียหน่อยเลยจะบอกให้เจ้าอยู่ที่นี่ เผื่อมีใครมาให้รักษา เจ้าก็ดูตามสมควร”             “เจ้าค่ะท่านพ่อ”             “คุณชายเฉินมาแล้วหรือ?” เคอหลิ่งหลินไม่เก็บอาการดีใจ ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มและดวงตาเปล่งประกาย “ท่านหมอมู่ตอนนี้ข้าว่างนะ ข้าช่วยท่านถือของก็ได้”             ท่านหมอมู่รู้ทันจึงส่ายหน้าไปมา “คุณชายเฉินต้องการความสงบในการพักรักษาตัว  เจ้าจะไปเสนอหน้าให้คนเขามองเจ้าไม่ดีงั้นเรอะ”             กุลสตรีดีๆ ที่ไหนเขาวิ่งเข้าหาผู้ชายโจ๋งครึ่มแบบนางเล่า             “ข้าแค่ตามท่านไปเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย”  เคอหลิ่งหลินแสร้งด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา ทว่าซ่อนแววตาทะเล้นของตนไว้ไม่มิด             “เจ้าชอบคุณชาย หน้าตาเจ้ามันฟ้อง เดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าข้าเอาเจ้าไปยัดเยียดให้คุณชายเฉินนะซิ”             “หน้าตาข้าฟ้องขนาดนั้นเลยเหรอ” นางกลับยอมรับหน้าตาเฉย ไม่มีความเป็นกุลสตรีเหนียมอายเมื่อพูดถึงชายที่ตนแอบรักสักนิด             “เอาเป็นว่าข้าจะไม่พาเจ้าไปด้วย แล้วก็อย่าแอบตามข้าไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะฟ้องแม่ทัพจ้าว” ท่านหมอมู่ขู่ไปอย่างนั้น ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาสองปี เขายังไม่เคยเจอแม่ทัพจ้าวเลยสักครั้ง             “ได้ๆ ข้าไม่ตามท่านหมอมู่ไปก็ได้”              ท่านหมอมู่มองหญิงสาวที่รับคำโดยง่ายผิดกับทุกครั้ง  แต่ไม่มีเวลาที่จะมาใส่ใจเรื่องแบบนี้  จึงได้แต่หมุนตัวแล้วก้าวเท้าออกไป มู่ฟางเหนียงเห็นแผ่นหลังบิดาลับตาไปแล้ว จึงกระแซะ เคอหลิ่งหลินส่งแววตาล้อเลียน “เพลงขลุ่ยของพี่หลิ่งหลินพัฒนาไปมาก เชื่อว่าชายใดที่ได้ฟังต้องหลงใหลเป็นแน่”             “เจ้าไม่ต้องมายกยอข้าหรอก ขนาดน้องชายตัวดียังไม่ให้กำลังใจข้าเลย” “พี่หลิ่งหลินจะไม่ตามไปจริงๆ เหรอ”             “ท่านพ่อเจ้าไม่ให้ข้าตามไปนี่” นางทำจมูกย่นแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่ถ้าข้าไปถึงก่อนก็ไม่เป็นไรใช่ไหม”             เพียงพริบตา เคอหลิ่งหลินก็ใช้วิชาตัวเบากระโจนออกจากห้องเก็บยาไป มู่ฟางเหนียงได้แต่ยิ้ม นางเป็นลูกสาวคนเดียวที่บิดาเอาแต่ทุ่มเทชีวิตเพื่อรักษาผู้อื่น ทว่านางก็ไม่เคยคิดน้อยใจอะไรเพราะเข้าใจในสิ่งที่บิดาทำ แม้จะแรมรอนร่อนเร่อยู่นานจนเหมือนจะคุ้นชิน  แต่เอาเข้าจริงนางก็ยังเหงาอยู่บ้างและใช้วิธีศึกษาตำรายาต่างๆ เพื่อแบ่งเบาภาระของบิดา ทว่าเมื่อได้พบกับ ‘พี่หลิ่งหลิน’ ชีวิตนางก็เปลี่ยนไป แม้จะไม่รู้ว่า ‘พี่หลิ่งหลิน’ ของนางเป็นใคร ทำอะไรกันแน่ แต่ก็รู้สึกว่านางเป็นคนดีที่เชื่อใจได้ นางจะเชี่ยวชาญการรักษาที่บิดาถ่ายทอดความรู้ให้ ทว่านางกลับอ่อนด้อยเรื่องทิศทางยิ่งนัก นางเป็นคนที่จำเส้นทางไม่ค่อยเม่นยำมักหลงทางอยู่บ่อยๆ เพราะอย่างนี้นางจึงไม่ค่อยออกไปไหน  เพราะเกรงตัวเองจะเป็นภาระผู้อื่น แต่เมื่อเคอหลิ่งหลินมาหานางจึงได้ไปโน้นไปนี่บ่อยขึ้น โดยเฉพาะขึ้นเขาหาสมุนไพรให้บิดา             “อยากเห็นผู้ชายที่ทำให้พี่หลิ่งหลินฝึกเพลงขลุ่ยจริงๆ”             มู่ฟางเหนียงยิ้มแล้วลุกขึ้นไปหน้าบ้านซึ่งเป็นทั้งโรงหมอและที่พักอาศัย ปีนี้นางอายุสิบหกแล้วมีแม่สื่อมาทาบทามหลายครั้งแต่นางก็ยังอยากอยู่กับบิดาเช่นนี้ และบิดาก็ตามใจนาง สักวันนางคงเจอใครสักคน ที่ทำให้นางอยากบรรเลงเพลงขลุ่ยแสนหวาน เหมือนอย่างที่พี่หลิ่งหลินก็เป็นได้. .... หญิงสาวในชุดเสื้อผ้าเนื้อหยาบเดินเร็วๆ ตามแผ่นหลังของท่านหมอมู่โดยรักษาระยะห่างไม่เข้าใกล้จนอีกฝ่ายรู้ตัว แค่เพียงคิดถึงคุณชายเฉินผู้ที่มักจะอยู่ในชุดสีขาวปักลายเมฆผู้นั้น  ใบหน้าของเคอหลิ่งหลินก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างมิรู้ตัว คุณชายผู้งามสง่าและมีแววตาอ่อนโยนอยู่เสมอกลับมีร่างกายอ่อนแอ เขามักเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้งซึ่งไม่ใช่เรื่องน่ายินดีนัก ทว่าทุกครั้งที่เขาต้องมาพักฟื้นร่างกายจะเดินทางมาพักบ้านสกุลเหวินซึ่งเป็นเศรษฐีมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เรื่องอื่นใดนั้นเคอหลิ่งหลินหาได้สนใจไม่ จิตใจของนางอยู่ที่คุณชายเฉินเพียงผู้เดียว             เมื่อสองปีก่อน เพิ่งเสร็จศึกขับไล่พวกชนเผ่าที่หมายจะแผ่อาณาเขตเข้ามา ใช้เวลานานเกือบเดือนจนขับไล่ร่นให้กลับไปที่เดิมได้ ขณะนั้นนางยังไม่ได้พบกับมู่ฟางเหนียง ท่านแม่มักจะเชิญครูมาช่วยสอนนางเล่นดนตรีบ้าง แต่งโคลงกลอนบ้าง วาดรูปบ้าง นอกจากเพลงกระบี่แล้วดูท่านางเอาดีไม่ได้เรื่องพวกนี้ได้เลย  หลังจากฝึกซ้อมกับเหล่าทหารแล้ว นางอยากไปเดินเล่นให้ตนเองผ่อนคลายบ้าง จึงตัดสินใจเดินดูข้าวของในตลาด ระหว่างทางหญิงสาวได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ              “ใครก็ได้ช่วยจับโจรวิ่งราวที”             เคอหลิ่งหลินผู้ซึ่งทนเห็นใครเดือดร้อนไม่ได้ นางกระโดดเข้าขวางชายร่างใหญ่ ใช้เพียงกระบี่ไม้ไผ่ที่พกติดตัวอยู่เสมอ ชักออกมาขู่อีกฝ่าย แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะของมัน             “แค่กระบี่ไม้ไผ่ คิดจะขู่ให้ข้ากลัวเรอะ”              “ข้าไม่ได้แค่คิด แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องกลัวกระบี่ของข้า”   เคอหลิ่งหลินพลิกข้อมือสะบัดกระบี่ไม้ไผ่ในมือพุ่งใส่ชายร่างยักษ์ แม้จะเป็นเพียงกระบี่ไม้ไผ่ ทว่าเมื่อผสานไปกับวรยุทธที่นางฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กทำให้กระบี่ไม้ส่งพลังกระแทกอีกฝ่ายจนหงายหลังกระเด็นไปก้นกระแทกพื้น             “โอ๊ย!”             “ขออภัยพี่ชาย ข้ามิทันออมมือให้” นางกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าเผลอหรอก” มันลุกขึ้นได้ก็พุ่งตัวเข้าใส่ แต่เข้ามาได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกกระบี่ไม้ไผ่ของเคอหลิ่งหลินเล่นงานจนหมอบราบคาบและยอมคืนถุงเงินให้   “ไม่ทำตัวเป็นโจรเป็นขโมยก็ไม่เจ็บตัวอย่างนี้หรอก”  นางอดสั่งสอนไม่ได้ รับถุงเงินมาแล้วหมุนตัวมองหาเจ้าของถุงเงิน นางได้ยินเสียงผู้หญิงวัยกลางคนตะโกนเรียกจึงมองหาคนที่น่าจะเป็นเจ้าของ    “ของท่านป้าใช่ไหมเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงวัยสี่สิบยืนมองถุงผ้าใส่เงินในมือของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD