Melon Talk
คุณคิดว่าคนเราจะซวยได้มากแค่ไหน สำหรับฉันวันนี้คือวันซวยที่สุดตั้งแต่เกิดมาก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ตื่นเช้ามาโดนพี่กล้วยหอมพี่สาวคนโตด่าเรื่องกลับบ้านดึก ต่อด้วยยัยแตงโมน้องสาวน่ารำคาญที่เอาแต่ตื๊อขอเงิน และไอ้เด็กขนุนขี้ฟ้องที่ชอบหาเรื่องให้ฉันโดนด่าเป็นประจำ...และตอนนี้ฉันเพิ่งขับรถชนคนหน้ามหาลัยแต่ไม่ตายแค่ล้มลงหน้ารถเท่านั้น
ฉันเดินลงมาจากรถก่อนปิดประตูดังปังด้วยความหงุดหงิด ยัยหน้าโบกปูน เอ้ย โบกแป้งหนาเตอะกำลังเงยมองฉันด้วยสายตาน่ากลัว ถ้ายัยนี่ลุกขึ้นไหวคงพุ่งเข้ามากระชากฉันฉีกเป็นชิ้นๆแน่นอน
“ขับรถภาษาอะไรยะ”
"ฉันขับมาดีๆเธอนั่นแหละที่เอาแต่เดินก้มหน้าเล่นโทรศัพท์แล้วยังโง่เดินข้ามถนนไม่มองทางอีก"
ฉันหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาก่อนควักแบงค์พันที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงยัดใส่มือเธอ ฉันเห็นยัยนี่เข่าถลอกเลยสงเคราะห์ให้พันนึงเพื่อจะได้เอาไปเป็นค่าทำแผล ถ้าให้ดีน่าจะเอาไปซื้ออาหารบำรุงสมองมากินด้วยก็ดี เผื่อจะฉลาดขึ้นมาหน่อยและคิดได้ว่าไม่ควรเล่นโทรศัพท์ตอนข้ามถนนสาธารณะ
“นี่เธอเอาเงินฟาดหัวฉันเหรอ”
ฉันไม่ได้รวยขนาดที่จะเอาเงินฟาดหัวใครก็ได้หรอกนะ แต่ฉันแค่อยากจบปัญหาเท่านั้นเพราะขี้เกียจพายัยนี่ไปส่งโรงพยาบาลก็เท่านั้น
“ฉันยัดใส่มือไม่ได้เอาฟาดลงบนหัวเธอสักหน่อย บ้ารึไงวะ!”
ฉันสบถก่อนเดินขึ้นรถขับเข้ามหาลัยไม่สนใจยัยบ้าที่นั่งอยู่กลางถนนคนเดียวอีก เสียงถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ดังขึ้น เพียงแค่สองชั่วโมงของการเริ่มต้นวันใหม่ฉันก็เจอเรื่องซวยไปสามเรื่องแล้ว หวังว่าวันนี้จะไม่มีอะไรซวยๆอีกนะ
ฉันคว้าเป้ใบโตที่เต็มไปด้วยงานและก็งานมาสะพายข้างขวาและกีต้าร์สะพายข้างซ้าย นอกจากจะเป็นนักศึกษาสถาปัตถ์แล้วฉันยังรับจ็อบเป็นนักร้องนักดนตรีกลางคืนที่ร้านเหล้าหลังมหาลัยอีกด้วย และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันกลับบ้านดึก
ความจริงฉันไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินแค่รำคาญกล้วยหอมพี่สาวขี้บ่นที่ลำเอียงรักน้องมากกว่าจึงหางานทำเพื่อเก็บเงินย้ายออกมาอยู่หอ ซึ่งไม่เกินสิบวันฉันก็จะย้ายออกจากบ้านแล้วแต่ไม่คิดจะบอกใคร
ตอนนี้ยังเช้าอยู่เหลือเวลาอีกเยอะก่อนคลาสจะเริ่มฉันจึงมานั่งที่สนามบอลหยิบกีต้าร์มาดีดเล่นไปเรื่อยๆความจริงก็เพื่อฝึกฝนไปในตัวเพราะฉันไม่ได้มีเวลามากมายที่จะมานั่งฝึกอย่างจริงๆจังๆได้แต่เวลาว่างเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
“เม มานั่งไรตรงนี้วะ”
ไวท์ เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กทิ้งตัวและกระเป๋านั่งลงข้างฉัน มันหันมามองก่อนอ้อมมือมาดึงกีต้าร์ไปวางไว้อีกข้าง
“ทำไรของมึง”
ฉันถามเสียงห้วนเพราะอารมณ์ไม่ค่อยดี
“กูมีเรื่องจะเล่าให้มึงฟัง เรื่องไอ้ไนท์”
ไนท์ที่ว่าคือมิดไนท์ แฟนเก่าของฉันและที่สำคัญยังเป็นเพื่อนกับไอ้ไวท์ด้วย
“กูไม่อยากฟัง”
“แต่มึงต้องฟัง มึงรู้มั๊ยมันฝากกูมาบอกมึงว่า คิดถึง”
“สตออ่ะดิ กูไม่เชื่อหรอก”
ไอ้ไวท์ทำหน้าเหม็นเบื่อที่ถูกฉันพูดขัด ตลอดเวลาที่ผ่านมามันพยายามทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชักเชียร์ให้ฉันและมิดไนท์คืนดีกัน ทั้งที่ฉันไม่ต้องการ ใครจะอยากกลับไปคบกับไอ้เฮงซวยนั่นกัน ชิส์
“มึงก็ให้อภัยมันเถอะ”
“กูไม่ให้ มึงจำไม่ได้เหรอว่ามันเลือกยัยน้ำเน่านั่นไปแล้ว มันสองคนแอบคบกันลับหลังกู”
ไอ้เพื่อนบ้านี่ก็กล่อมอยู่ได้น่ารำคาญจริงๆ แทนที่จะเข้าข้างฉันดันเข้าข้างไอ้ไนท์แถมยังจะช่วยให้มันกลับเข้ามาในชีวิตฉันอีก
“มันสำนึกแล้วไง”
“สำนึกไร ถ้าสำนึกจริงก็เอาธูปเทียนแพมากราบกูดิ”
ฉันพูดไปงั้นแหละคนอย่างมิดไนท์ไม่ยอมลดศักดิ์ศรีเอาธูปเทียนแพคลานเข่ามากราบที่เท้าฉันหรอก ไม่มีทาง พนันได้เลย
“แล้วถ้ามันทำได้ล่ะ”
“ทำได้ก็ดี นานๆทีจะเห็นมันเชื่องเป็นหมา เป็นบุญตากู”
ต่อให้มันเอาธูปเทียนแพมากราบฉันจริงก็อย่าหวังว่าฉันจะใจอ่อนยอมกลับไปคบกับมันเพราะฉันถือคติ เลิกแล้ว เลิกเลย โนรีเทิร์น โดยเฉพาะกับคนแบบมิดไนท์ให้ตายฉันก็ไม่กลับไปยุ่งด้วย
“มึงจะแค้นอะไรมันนักหนาวะ”
“มึงลองนึกตามนะ ถ้าเจนคบผู้ชายคนอื่นอีกนอกจากมึงแล้วมันเลือกผู้ชายคนนั้นแทนที่จะเป็นมึง มึงจะรู้สึกไง”
โดนคนรักทรยศความรัก ความไว้ใจ ใครบ้างวะที่จะทนได้และยอมญาติดีกับมัน เชื่อเหอะถ้าเจนแฟนมันทำแบบนั้น มันก็ทนไม่ได้เหมือนกัน สังเกตุจากสีหน้ามันตอนนี้ก็รู้
“เจนไม่มีทางทำแบบนั้น”
“เออ ก็ยินดีด้วย แต่อย่าลืมมึงไม่ใช่กู มึงไม่เคยโดนแบบที่กูโดน เพราะงั้นมึงจะมาเข้าใจอะไร”
มันนิ่งเงียบไป ส่วนฉันก็คว้ากระเป๋าและกีต้าร์สะพายหลังเตรียมเข้าเรียน ไอ้ไวท์ก็ช่างมันเพราะเราอยู่คนละคณะ มันอยู่วิศวะ ส่วนฉันสถาปัตถ์ นอกจากความเป็นเพื่อนก็ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันมากมาย ถึงแม้ฉันจะยกให้มันเป็นคนที่สนิทด้วยที่สุดแต่ช่วงนี้ฉันกลับเหม็นขี้หน้ามันเอามากๆ...ก็แหงล่ะ เห็นหน้ามันทีไร หน้าไอ้แฟนเก่าเฮงซวยก็ลอยมาทุกที ก็ช่วยไม่ได้ใครสั่งให้มันไปสนิทกันขนาดนั้นล่ะ...