บทนำ
ภายในผับหรู...ภาคีนัย ดำรงอนุสรณ์ หรือ เพลิง ชายหนุ่มเจ้าสำราญ กลางวันเขาคือผู้บริหารโรงแรมหรูหราในเครือดำรงอนุสรณ์ ซึ่งมีสาขายิบย่อยตามหัวเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศ มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการไม่เคยขาดสาย ผู้บริหารหนุ่มอนาคตไกลทำงานได้อย่างชาญฉลาดมีไหวพริบ จบปริญญาโทด้านการบริหารจากเมืองนอก ทว่าอีกด้าน...ในเวลากลางคืนชายหนุ่มจะแปลงร่างเป็นเสือร้ายออกล่าเหยื่อ ควงสาวสวยทั้ง ดารา นางแบบ นางเอกละคร มาประดับกายไม่เคยซ้ำหน้า
แต่ว่าคืนนี้เปลี่ยนรสนิยม เพราะสายตาคมกริบกำลังจดจ้องบริกรสาวสวยหุ่นดี ที่ก้มๆ เงยๆ ตรงหน้า เพราะเธอนำอาหารพร้อมเครื่องดื่มที่เขาสั่งมาเสิร์ฟ แม้ว่าเธอจะไม่ใช่นางแบบหรือคนดังอย่างที่เขาเคยควงใบหน้าของเธอนั้นกลับสะกดเขาเอาไว้ราวกับต้องมนตร์
ใบหน้านวลลออ ดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย บวกกับหุ่นเร้าใจ อก เอว สะโพก โดนใจเขาสุดๆ
ขณะที่ร่างงามกำลังผันตัวออกห่างเมื่อทำหน้าที่เสร็จสิ้น มือหนาของเขาคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนเรียวพร้อมเอ่ยเสียงเข้ม
“อย่าพึ่งไปสาวน้อย คุยกันก่อนสิ” ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใกล้ริมหูผ่อง ทำเอาจันจิรารู้สึกวาบหวิวไม่น้อย หญิงสาวรีบผละกายออกห่างและปฎิเสธทันควัน
“ฉันมีงานต้องทำค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” บิดข้อมือออกจากการเกาะกุม แล้วรีบสาวเท้าออกมาจากบริเวณนั้นทันที ภาคีนัยขัดใจพอสมควรที่เหยื่อไม่หลุมพราง และดูท่าทางแม่คุณคงเล่นตัวเพื่ออยากโก่งราคา!
นั่งพักได้ไม่ถึงห้านาที จันจิราต้องหนักใจอีกครั้ง เพราะผู้จัดการของร้านสั่งให้ไปดูแลลูกค้า และย้ำว่าต้องเป็นจันจิราคนเดียวเท่านั้น
สายตาคู่หวานมองทอดไปยังโต๊ะดังกล่าว ใบหน้าหล่อเหลาของเขากลับทำให้จันจิรายิ้มไม่ออก ชายหนุ่มกวาดสายตาโลมเลียเรือนร่างของเธอราวจะจับเปลื้องผ้า ณ ตรงนั้น เลื่อนสายตาค้างไว้ที่ดอกบัวตูมคู่งามที่พยายามเสียดสีกันอย่างอึดอัดภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวเล็กซึ่งเป็นยูนิฟอร์มของร้าน ทั้งที่ภายนอกมีเสื้อกั๊กตัวเล็กทับอีกชั้น ทว่ามันกลับทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งเพิ่มมากขึ้น
“นั่งก่อนสิครับคนสวย” เชิญด้วยน้ำเสียงยียวน นัยน์ตาคมไม่ละจากร่างอวบอิ่ม
“ขอบคุณค่ะ” รับคำด้วยน้ำเสียงติดห้วน ก่อนจะทิ้งสะโพกลงนั่งเก้าอี้ตรงข้าม ภาคีนัยเพ่งพิศพิจารณาหญิงสาว ไล่ตั้งแต่หน้าผากมนที่รับกับคิ้วโก่ง ตากลมโตโดยธรรมชาติ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกับแพขนตายาวงอนที่ปัดมาสคาร่าบางๆ พวงแก้มใสปัดบลัชออนสีพีชอ่อน จมูกโด่งรั้นนิดๆ ริมฝีปากเรียวบางกระจับเคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อน
นัยน์ตาคมไล่มองลงมาตามลำคอเรียวระหง หน้าอกอวบ พลางหยุดคิดในใจ ‘ของจริงจะใหญ่ขนาดไหนนะแม่คุณ’ สายตาคมพราวระยับบ่งบอกชัดเจนว่าหื่นกระหายเพียงใด ทำให้คนถูกจดจ้องทนไม่ไหวรีบตัดบท
“เลิกจ้องฉันได้แล้วค่ะ มีธุระอะไรรีบพูดมา” เสียงหวานกระด้างเคลือบด้วยความไม่พอใจ ถึงเธอจะทำงานกลางคืน เป็นพนักงานเสิร์ฟในผับ คนภายนอกส่วนใหญ่มองว่าไม่ดี แต่เธอไม่สน สนแค่ว่างานไหนทำแล้วได้เงินเธอทำ ขอแค่เป็นงานสุจริตก็พอ และที่สำคัญถึงเธอจะทำงานในภาพที่หลายคนมองว่าล่อแหลม แต่ขอบอกว่าจันจิราคนนี้ไม่ได้มาขายตัว เธอมาทำงานเสิร์ฟอาหาร มาทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองให้อยู่รอดเท่านั้น
“หึๆ”
“มีธุระอะไรก็รีบพูดมา ดิฉันมีงานต้องทำต่อค่ะ”
“งานอะไรอีกล่ะ งานของเธอก็ดูแลฉันนี่ไง อย่าลืมว่าฉันก็ลูกค้าวีไอพีของผับนี้ด้วยนะ สาวน้อย” ว่าจบนิ้วแกร่งถือวิสาสะสัมผัสแก้มผ่องด้วยความมันเขี้ยว ใบหน้านวลงามงอง้ำมันชวนมองเป็นไหนๆ ภาคีนัยก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าทำไมต้องมาสนใจเด็กเสิร์ฟคนนี้ ทั้งที่ความจริงมีสาวสวยมากมายโปรยรอยยิ้มเย้ายวนมาให้ไม่ขาดสาย
“คุณ!” อุทานตกใจเมื่อเขากระทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง เธอสะบัดนิ้วแกร่งของชายหนุ่มออก หากแต่ภาคีนัยไม่สน ใบหน้าหล่อเหลายิ้มแล้วเอ่ยถาม
“คืนนี้คุณจะไปต่อที่ไหน สนใจไปกับผมไหม หืม” ยื่นใบหน้าหล่อคมเข้าใกล้ พ่นลมหายใจร้อนรดใส่เนื้อผิวบอบบาง จันจิราผละกายออกห่าง ลมออกหูผึ่ง! ถึงเธอจะทำงานในสถานที่แบบนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ขายตัว! เธอมีศักดิ์ศรีพอ!
“มันจะมากเกินไปแล้วนะคุณ ฉันมาทำงาน ไม่ได้ขายตัว!” พูดจบร่างบางลุกขึ้นทันที เธอไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทกับคนแบบนี้ เธอฉุนมาก ฉุนกับกิริยาของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพศผู้แบบเขาที่สุด!
“อยากได้เท่าไรเขียนเช็คเองเลยนะ ไม่สนหน่อยเหรอ”
จันจิราโกรธจนเลือดขึ้นหน้า กำปั้นน้อยกำแน่นเสียจนเล็บคมจิกเนื้อฝ่ามือตนเอง
“ฉัน-ไม่-ได้-ขาย-ตัว” พูดเน้นย้ำชัดๆ ช้าๆ ทีละพยางค์
แต่ภาคีนัยไม่สนใจ ผู้หญิงไม่ต่างกันมากนัก ที่เล่นตัวอยู่นี่ก็เพียงแค่ต้องการโก่งราคา
“ไปกับผมคืนนี้ สนุกยันเช้า แถมได้ทั้งรถ บ้าน เครื่องเพชร”
เพียะ!!
ใบหน้าหล่อคมซีกซ้ายหันไปตามแรงตบ
‘เป็นไงเป็นกัน ออกงานก็ออก’ เพราะเช้าวันจันทร์เธอจะได้ทำงานที่ใหม่แล้ว จะกลัวอะไร
ซ่าส์!!
ปึ้ก!!
วางแก้วเหล้ากระแทกพื้นโต๊ะ แล้วรีบวิ่งออกไปทันที ผู้คนที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ หันมามองนักธุรกิจหนุ่มเป็นตาเดียว ใบหน้าคมเปียกชุ่มไหนจะบางส่วนที่ไหลอาบมาตามลำคอพาดผ่านมาอกแกร่งเปอะเปื้อนเต็มเสื้อแบรนด์เนมราคาแพง
หญิงสาวไม่ได้คิดเลยว่า หลังจากสาดน้ำเมาใส่ชายหนุ่มแล้วจะมีเหตุการณ์ใดตามมา เพราะคนอย่างภาคีนัยไม่เคยมีใครทำแบบนี้ด้วยตั้งแต่จำความได้ จะมีก็แต่เธอคนเดียวที่กล้า สงสัยจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร คราวนี้ล่ะเธอจะได้รู้ถึงรสชาตินายภาคีนัยอย่างแท้จริง จะได้รู้ว่าการเป็นผู้หญิงของเขา มันเป็นอย่างไร
‘เราได้เห็นดีกันแม่สาวน้อยหนักอก’
หนักอก คือฉายาที่เขาคิดเมื่อสักครู่เพื่อใช้เรียกเธอ เพราะดูท่าแล้วแม่คุณทั้งหนักทั้งแน่นเหลือเกิน
ส่วนจันจิราหลังจากจัดการชายหนุ่มจอมหื่นคนนั้นเสร็จเรียบร้อย เธอรีบวิ่งกลับมายังห้องพักของพนักงาน พร้อมกับเปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับบ้าน ความอดทนของเธอมันหมดลงแล้ว ‘ชาตินี้หรือว่าชาติไหนอย่าได้พบเจอกับคนแบบเขาอีกเลย’ หญิงสาวได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจด้วยความโกรธกรุ่น เขาดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นคน ความเป็นลูกผู้หญิงเกินไป
ด้านภาคีนัยกำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง พร้อมเรียกหาผู้จัดการของผับว่าให้เอาพนักงานคนดังกล่าวออกท่าเดียว ถ้าไม่ทำเช่นนั้นผับนี้ต้องปิดกิจการลง!
ผู้จัดการสาวจำต้องตัดสินใจรับปากกับผู้บริหารหนุ่มเจ้าของโรงแรมชื่อดังว่าตนจะเอาหญิงสาวดังกล่าวออกจากร้าน ถ้าจันจิรากลับมาทำงานคืนพรุ่งนี้ เธอจะอธิบายให้ฟังเอง เพราะหญิงสาวเป็นคนที่มีเหตุผลพอ
ภายในห้องทำงานหรูของผู้บริหารหนุ่ม ใบหน้าคมเครียดพอสมควร เมื่อเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้เขาอับอายผู้คน แต่ดีที่ไม่ต้องอับอายประชาชนค่อนประเทศ เพราะผับที่เขาเข้าใช้บริการหรูหราพอสมควร ไม่มีนักข่าวหรือปาปารัซซี่แอบเข้ามาแน่นอน
จันจิราไม่รู้หรอกว่า นับตั้งแต่เธอไปข้องเกี่ยวกับผู้บริหารหนุ่มชีวิตเธอจะมีทิศทางใด เพราะจากข้อมูลที่ภาคีนัยสั่งลูกน้องไปสอบถามมาจากผับ มันทำให้เขายิ้มร้ายกาจอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า
‘เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เกษม’ เสียงเข้มเอ่ยถามเลขาคนสนิท
‘จากข้อมูลที่ได้มา เธอชื่อจันจิรา วิเศษโสภา พ่อแม่เสียชีวิต เอ่อและเธอก็คือพนักงานคนใหม่ที่ทางโรงแรมเราเปิดรับ จะเข้ามาทำงานในสัปดาห์หน้า ฝ่ายประชาสัมพันธ์ครับ’
‘หึ!!’