(มิริน ทอร์ค)
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย
“ถึงซักที”
ฉันผ่านการตรวจความปลอดภัยจนออกมาถึงประตูขาเข้าประเทศ ก่อนจะกดโทรหาคนที่จะมารับ
“ลูกแก้วฉันถึงแล้วนะแกอยู่ไหน”
“มิริน หันมาทางซ้ายฉันอยู่ตรงนี้”
“ยัยลูกแก้วววววว”
ฉันรีบวิ่งไปหาเพื่อนที่ชูไอแพดชื่อฉันอยู่ตรงทางออก การเดินทางเกือบๆยี่สิบสี่ชั่วโมงของฉันสิ้นสุดลงแล้ว ฉันมาถึงประเทศไทยแล้ว
“ยังไงย่ะ ไหนแม่แกบอกว่าแกจะไปเรียนต่อที่อังกฤษไงทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้”
“แหะๆ รู้แล้วแกอย่าไปบอกใครนะ ฉันหลอกที่บ้านว่าจะไปเรียนคอร์สภาษาสั้นๆที่ลอนดอน เพราะคุณแม่ไม่ยอมให้ฉันมาเรียนที่ไทย”
“มิริน!!!”
“ลูกแก้ว อย่าเสียงดังสิคนมองหมดแล้ว”
“แกบ้าไปแล้วหรอ เกิดป้านาริจับได้ขึ้นมาจะทำยังไง”
ลูกแก้วบ่นฉันยาวเหยียด เพราะการหนีมาเรียนของฉันครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ฉันยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้มาฝึกงานกับเชฟที่ฉันติดตามผลงานเขามานานและชื่นชอบเขามาก
ฉันรักการเรียนทำอาหารมาจากคุณพ่อและคุณย่าแต่ก็ขัดใจคุณแม่สุดๆเพราะท่านไม่อยากให้ฉันเกี่ยวกับด้านนี้เพราะมันทั้งเหนื่อยและกดดัน แต่ทำไงได้ฉันชอบไปแล้ว
ลูกแก้วพาฉันมาติดต่อที่มหาลัยSCUเพื่อยื่นเอกสารขอย้ายมาเรียนที่นี่ ถือเป็นโชคของฉันจริงๆที่มหาลัยที่ญี่ปุ่นกับมหาลัยนี้เป็นเครือเดียวกัน ทำให้ฉันย้ายมาได้แบบง่ายมากๆ
“ฉันขอเตือนแกไว้อย่างนะมิริน ต่อให้แกจะเป็นนักศึกษาของมหาลัยนี้แต่ก็ใช่ว่าจะไปฝึกงานบนเรือนั้นง่ายๆ เพราะตั้งแต่ฉันเรียนมายังไม่มีใครได้ฝึกที่นั่นเลย”
“งั้นฉันจะเป็นคนแรก!! ลูกแก้ว ฉันลงทุนขนาดนี้แล้ว ต่อให้ต้องเสียอะไรอีกฉันก็ยอม”
เพราะนอกจากฉันจะต้องโกหกที่บ้านแล้ว ฉันยังได้เบี้ยเลี้ยงจากคุณแม่น้อยลงด้วย ดังนั้นการอยู่ที่ไทยของฉันต่อจากนี้ อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เริ่มจากที่นอนก่อนเป็นอันดับแรก
แค่ก แค่ก….ฉันกับลูกแก้วถึงกับไอออกมาพร้อมกัน เพราะอพาร์ตเมนต์ที่หาได้ฝุ่นเยอะมาก แต่ราคามันโอเคฉันพอรับได้ ที่ต้องจ่ายทุกเดือน
“ไหวไหมมิริน ให้ฉันหาให้ใหม่ไหม”
“ไม่เป็นไรแก ฉันอยู่ได้ แค่ต้องทำความสะอาดนิดหน่อย!!!”
“ไม่นิดนะมิริน คืนนี้แกจะได้นอนหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ลูกแก้วตอนแรกจะอยู่ช่วยฉันทำความสะอาดแต่ดันมีเรื่องด่วนให้ต้องกลับบ้าน เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว
กว่าสภาพมันจะพอนอนได้ก็เกือบเช้า ดีที่พรุ่งนี้ฉันไม่ต้องไปมหาลัย แต่ฉันก็กะว่าจะออกไปหางานทำ เพราะเงินที่คุณแม่ส่งให้ทุกเดือนคงไม่พอใช้
(วันต่อมา)
“งานง่ายรายได้ดี”
ฉันพยายามสะกดภาษาไทยตามโพสที่เจอในเน็ต ฉันพูดไทยได้คล่องแต่อ่านไม่ค่อยได้ เพราะตอนอยู่ญี่ปุ่นก็แค่พูดกับคุณแม่เท่านั้นไม่ได้ฝึกอ่านเขียน บางคำเลยพูดได้แต่เขียนไม่ได้
•SC PUB•
ฉันออกจากหอไปยังผับที่ฉันยื่นไปสมัครงานไว้ จริงๆลูกแก้วบอกให้ฉันเผื่อใจไว้เพราะแค่ยื่นใบสมัครได้ไม่ได้แปลว่าจะถูกเรียกตัวไปทำงาน
แต่ฉันยื่นใบสมัครไปเมื่อคืน บ่ายๆวันต่อมาก็โดนเรียกตัวไปสัมภาษณ์แล้ว ขอให้ได้งานด้วยเถิด!!!เพี้ยง!!!
“คนนิจิวะ!!”
ตอนนี้พึ่งจะบ่ายสองผับยังไม่เปิดฉันเลยเดินเข้ามาแบบงงๆเพราะมันมืดมาก
“ใครน่ะ!!”
“คนนิจิวะ!! เอ้ยๆสะ สวัสดีค่ะ”
ฉันเผลอพูดทักทายด้วยภาษาญี่ปุ่นตามความเคยชิน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นภาษาไทย
“เธอมาทำอะไรตอนนี้ผับยังไม่เปิดนะ”
“ฉันมาสัมภาษณ์งานตามที่มีคนโทรไปนัด นายรู้ไหมว่าฉันต้องไปตรงไหน”
“สัมภาษณ์งาน??”
“อื้ม…นายคงเป็นพนักงานเหมือนกันใช่ไหม รู้จักกันไว้ก็ดีนะมีอะไรจะได้ช่วยกัน”
นายคนนั้นยืนอยู่ที่ชั้นสอง ดูจากการแต่งตัวแล้วคงรุ่นๆเดียวกับฉันแหละ ตีสนิทเป็นเพื่อนไปเลยแล้วกันถ้าได้ทำงานจริงๆจะได้มีพวก
“เหอะ..!! ไอ้กร!! วันนี้แกตามใครมาสัมภาษณ์งานหรือเปล่า”
นายคนนั้นไม่สนมิตรภาพที่ฉันมอบให้เลย กลับหันหลังไปตะโดนหาใครก็ไม่รู้ เสียมารยาทชะมัด
“ครับบอส!!”
ซักพักก็มีผู้ชายอีกคนวิ่งออกมาจากข้างหลัง ตอนนี้ฉันได้แต่ งงๆกับคำที่ผู้มาให้เมื่อกี้เรียกนายคนนั้น บอสหรอ!!
“มาแล้วหรอ!! ขึ้นมาข้างบนสิ”
“อ่อ..ค่ะ”
ฉันเดินไปแบบไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เพราะเผลอทำตัวสนิทกับเจ้านายตั้งแต่ยังไม่ได้งานเลย
“เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักนะ คนนี้คือคุณแผ่นดินเป็นบอสลำดับที่สาม ถ้าวันนี้เธอผ่านสัมภาษณ์งานก็คงจะได้เจอบอสที่นี่บ่อยๆ”
“สะ…สวัสดีค่ะ”
ฉันยกมือไหว้เขาอัตโนมัติ ทั้งๆที่ก็น่าจะอายุใกล้ๆกันแต่เขามีตำแหน่งที่สูงกว่านี่นะ
“เดี๋ยวคนนี้ฉันสัมภาษณ์เอง”
“ห๊ะ..จะดีหรอครับบอส นั่นมันหน้าที่ผมนะ”
“แต่คนที่จ่ายเงินเดือนทุกคนในนี้คือฉัน”
“ก็ได้ครับบอส…งั้นผมฝากด้วยนะครับ”
นายคนนั้นอยู่ๆก็ยกฉันให้นายคนนี้แล้วก็วิ่งออกไปเลย ทำแบบนี้ก็ได้หรอ
“ไปรอฉันที่ห้องทำงานอยู่ชั้นสามห้องซ้ายมือ”
“ค่ะ!!”
ฉันพยักหน้าแล้วเดินมาตามที่เขาบอก ห้องอยู่ชั้นสามซ้ายมือ ห้องซ้ายมือมันมีตั้งหลายห้องแล้วห้องที่เขาว่ามันคือห้องไหนล่ะ
ฉันยืนลังเลจะกลับลงไปถามก็กลัวโดนดุ หน้าเขายิ่งไม่ค่อยดีกับฉันอยู่ เอาว่ะ!!ถ้าไม่รู้ก็เปิดดูทีล่ะห้องเลยแล้วกันเขาบอกว่าห้องทำงานของเขาดังนั้นในห้องก็ต้องมีรูปเขา
ก๊อกๆ
“ขออนุญาตนะคะ”ฉันเคาะแล้วเปิดห้องแรกแต่ก็ไม่มีใคร ห้องมืดสนิท จนเดินมาห้องสองห้องสามก็ยังไม่มีใคร
เหลืออีกสองห้องสุดท้าย!!ดังนั้นต้องเป็นสองห้องนี้แน่ๆแต่ด้วยความที่ฉันเปิดแล้วไม่เจอใครมาสองห้องก็เลยลืมเคาะประตู
พั่บ พั่บ พั่บ
“อ๊าส์ ธาราขา กระแทกลงมาแรงๆเลยค่ะ อื้อ”
ทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้ามาก็ได้ยินเสียงแปลกๆเป็นเสียงครางของผู้หญิงที่กำลัง…
คือ…ฉันเกิดและโตที่ญี่ปุ่นไงแล้วฉันก็ไม่ได้เด็กขนาดที่จะไม่รู้ว่าเสียงนี้เกิดจากอะไรแต่มันไม่ควรจะมาเจอตอนนี้ไหม!!!
ปัง!!!
“โรคจิตหรือไงถึงมาแอบดูคนอื่นเขาเอากัน”
บอสแผ่นดินดึงฉันให้ออกมาแล้วปิดประตู ก็เขาไม่ใช่หรอที่ให้ฉันมาหาห้องซ้ายมือ
“มิรินป่าวนะก็คุณบอกให้มาห้องซ้ายมือ แล้วคุณดูว่ามันมีกี่ห้อง มิรินจะไปรู้ได้ยังไงว่าห้องไหน”
“ฉันไม่ได้บอกเธอหรอว่าห้องฉันคือห้องสุดท้าย”
“ไม่ได้บอกค่ะ!!”
ฉันกดเสียงหนักๆใส่เขา ตัวเองผิดแท้ๆเลยยังมาว่าฉันเป็นโรคจิตอีกแล้วใครจะไปรู้ว่าห้องนั้นเขากำลังทำกิจกรรมอย่างว่ากันอยู่ ทั้งๆที่ตอนนี้มันพึ่งจะบ่ายโมงเอง
“ตามมา”
ฉันเดินตามเขามาที่ห้องสุดท้าย ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นห้องทำงานตามที่เขาบอกตอนแรก แต่พอเห็นจริงๆแล้วมันไม่ใช่!!!
“คะ…ไหนคุณบอกว่าจะพามาสัมภาษณ์งานไง”…