สองหนุ่มสาวนั่งอยู่ในห้องอาหารของโรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โต๊ะนั่งแบบไพรเวตถูกประดับตกแต่งด้วยดอกไม้และเชิงเทียนเพิ่มความโรแมนติกให้คู่หนุ่มสาวในค่ำคืนนี้ ทว่าคนที่มองมาด้วยสายตาแห่งความชื่นชมในรูปลักษณ์จากภายนอกคงไม่มีใครรับรู้อารมณ์ความรู้สึกหม่นเทาที่ห่มคลุมทั้งสองคนอยู่
ปกเกศ เกียรติยั่งยืน นั่งมองใบหน้าของหญิงสาวสวยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาอยู่นานก่อนจะเอ่ยวาจาออกมา
“เฮียยังมีความหวังมั้ย”
วลิตา หรือวาวา ช้อนสายตาที่ไม่เก็บซ่อนความรู้สึกเศร้าหมองขึ้นมอง ก่อนจะหลุบสายตาลงอีกครั้ง เอ่ยออกมาด้วยความลำบากใจ
“วาไม่อยากให้เฮียต้องเสียเวลาค่ะ วาอยากให้เรารักษาความสัมพันธ์แบบพี่น้องกันไปก่อนจะได้มั้ยคะเฮีย”
“นานแค่ไหน” เขาถามทันควัน ประกายในดวงตามีความหวังอย่างเปี่ยมล้น ขอแค่เธอบอกให้เขารอนานแค่ไหนเขาก็จะรอ หากแต่วลิตาสบสายตาที่ต้องการคำตอบของเขาแล้วเธอก็หลุบตาลงอีกครั้ง ใช้ความเงียบงันเป็นคำตอบ
หนึ่งเดือนผ่านไป
ที่ภัตตาคาร ‘อึ้งสุนฮง’ อาหารจีนเก่าแก่แห่งหนึ่งย่านเยาวราช ตัวร้านเป็นอาคารพาณิชย์สูงสามชั้นติดกันสองคูหา สภาพภายนอกและสีสันไม่ได้โดนเด่นสะดุดตา หากแต่เป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้าเฉพาะ เป็นเพราะเจ้าของร้านอยากจะคงความคลาสสิกที่บรรพบุรุษสร้างไว้ไม่ให้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ถึงแม้ภายนอกของร้านจะไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมายหากชื่อของร้านก็การันตีชื่อเสียงยาวนานของรสชาติอาหารจีนแบบดั้งเดิมและเป็นที่รู้จักของกลุ่มคนที่ชื่นชอบอาหารจีนจำนวนไม่น้อย แขกที่จะเข้ามารับประทานอาหารในภัตตาคารแห่งนี้ต้องจอดรถที่อาคารจอดรถที่มีให้บริการอยู่หลายจุด เข้ามาภายในจะมีบันไดขึ้นไปชั้นสองของร้านซึ่งเป็นส่วนที่จัดวางโต๊ะอาหารและจะมีการดูแลอย่างดีพิเศษ แขกส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนมีสี นักธุรกิจรุ่นใหญ่ รวมถึงแขกที่มาเป็นครอบครัว มีห้องอาหารแบบวีไอพีเป็นส่วนตัวจัดไว้สามห้อง แขกที่ต้องการห้องส่วนตัวต้องโทร. จองล่วงหน้า
ก่อนเที่ยงวันนี้ปกเกศมีนัดหมายกับครอบครัวเรื่องการดูตัวระหว่างเขากับลูกสาวเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ซึ่งบิดามารดาเป็นคนแนะนำ
เขาเป็นลูกชายคนโตมีน้องชายและน้องสาวรวมตัวเขาด้วยก็เป็นสามพี่น้อง ขึ้นชื่อว่าลูกชายคนโตของตระกูลแล้วแน่นอนว่าตัวเขาถูกตั้งความหวังไว้มากแค่ไหน ทว่าบิดามารดาของเขาก็ไม่ได้ถึงกับกดดันลูกมากมาย แต่ใช้วิธีบ่มเพาะตั้งแต่เด็กให้ลูก ๆ ซึมซับธุรกิจของครอบครัวที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นเพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาตั้งแต่เกิด เมื่อเติบโตก็ต้องช่วยกันดำรงสืบทอดไว้ให้ลูกหลานตนเองต่อไป ส่วนเรื่องชีวิตคู่และการแต่งงาน บิดาของชายหนุ่มก็มีหมายตาจับจองลูกสาวเพื่อนไว้ให้เขาเช่นกัน แต่ทั้งนี้เขาจะคิดตัดสินใจอย่างไรก็อยู่กับตัวเขา เรื่องนี้เรื่องเดียวที่บิดามารดาบังคับเขาไม่ได้
วันนี้ที่ยอมมาดูตัวผู้หญิงที่บิดามารดาจัดไว้ให้ก็แค่ไม่อยากขัดใจท่านเท่านั้นเอง ตัวเขาไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว
ในตอนที่ปกเกศเดินขึ้นมายังห้องอาหารบนชั้นสองก็มีแขกนั่งรับประทานอยู่หลายโต๊ะแล้ว วันธรรมดาแบบนี้ไม่ได้มีแขกเต็มทุกโต๊ะแต่ถ้าเป็นวันหยุดที่เขาเคยมาจะไม่เคยเห็นโต๊ะว่างเลย นั่นเพราะรสชาติอาหารที่นี่อร่อยเป็นที่ถูกปากของทุกคนที่เคยมารับประทาน
“นั่นไงอาเติ้งมาแล้ว”
เจ้าสัวก่อเกียรติหันไปมองเห็นบุตรชาย เป็นจังหวะที่ประสานสายตากับลูกชายเข้าพอดี แหม...ก็เล่นสวมเสื้อลายมังกรสีน้ำเงินทั้งตัวขนาดนั้นใครจะไม่เห็น ทรงผมปัดข้างตั้งแต่เหนือหูข้างหนึ่งข้ามศีรษะไปยังอีกข้างหนึ่ง ร่างสูงใหญ่สมส่วนด้วยความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตรผึ่งผายสง่างามเดินก้าวขาตรงมาที่โต๊ะ ระหว่างทางที่ก้าวผ่านเขาก็เรียกสายตาหลายคู่ให้หันมามองด้วยความสนใจ ลักษณะเหมือนหลุดออกมาจากซีรีส์จีนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
‘เติ้ง’ เป็นชื่อเล่นของเขาที่บิดาตั้งให้ มาจากชื่อคำแรกของอดีตผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน ‘เติ้งเสี่ยวผิง’
“สวัสดีครับป๊าม้า”
ชายหนุ่มทักทายบิดามารดา คุณนายปิยะดาหรือ ‘ไฉ่หง’ ผู้เป็นมารดานั้นยังดูสาวกว่าอายุ เพราะม้าของเขาก็ขยันตามเทคโนโลยีความงามสมัยใหม่มาลดอายุสังขารตนเอง ซึ่งมารดาของเขาก็ทำมันอยู่ในระดับที่พอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป
ร่างสูงนั่งลงมองชายหญิงในวัยไล่เลี่ยกันกับบิดามารดาก่อนจะถูกแนะนำให้รู้จัก
“นี่ เจ็กเฉิงกับซิ่มเหลียน”
ดูเหมือนผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงจะไม่อยากเสียเวลา เมื่อชายหนุ่มมาถึงก็ให้คนไปเรียกลูกสาวเข้ามาทำความรู้จักกันเลย ปกเกศนั่งยกถ้วยน้ำชาจิบไปพลางขณะรอดูหน้าผู้หญิงคนที่ป๊ากับม้าเขาจัดสรรให้ มาเร็ว ๆ ก็ดีจะได้กลับ ได้ยินชื่อผ่าน ๆ หูว่าอะไรนะ ‘ไผ่หลิว’
ประมาณห้านาทีต่อมาชายหนุ่มที่ก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถือ ฟังเสียงจอแจรอบข้างก็เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิงดังขึ้น
“เตี่ย ไอ๊”
เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบกับหญิงสาวยืนกุมมืออยู่ระหว่างเสี่ยสมชัยกับนางมยุรีผู้เป็นบิดามารดาของเธอ หญิงสาวสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนสีซีด ใบหน้าสว่างใสจากผิวขาวเรียบเนียนสุขภาพดี ดวงตากลมโตใต้คิ้วโค้งได้รูปฉายแววหม่น จมูกโด่งเล็ก ริมฝีปากอิ่มเครื่องหน้ารับกันกับโครงหน้ารูปหัวใจ แม้เส้นผมสีดำบนศีรษะจะดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยก็ตาม สรุปเป็นคำง่าย ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคน... สวย!
ทว่าสีหน้าของเสี่ยสมชัยกับนางมยุรีดูจะไม่ค่อยพอใจที่เห็นลูกสาวแต่งตัวไม่เรียบร้อยมาทั้งที่บอกกล่าวไว้แล้วจึงตำหนิเอาต่อหน้า
“อาหลิว อั๊วบอกให้ลื้อแต่งตัวดี ๆ มาพบผู้ใหญ่ทำไมแต่งตัวมอซอแบบนี้ ทำแบบนี้จะหักหน้าเตี่ยกับไอ๊ลื้อใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ค่ะเตี่ย ไอ๊ หนูเข้าไปช่วยในครัวมา มีออร์เดอร์สั่งออนไลน์เยอะทั้งลูกค้าหน้าร้านด้วยในครัวทำไม่ทัน มีลูกค้าคอมเพลนว่าได้อาหารล่าช้ากว่ากำหนดมากเตี่ยไม่ได้เข้าไปดูในเฟสบุ๊กร้านเลยไม่รู้”
ลูกสาวพยายามอธิบาย แต่ถึงอย่างไรก็ฟังดูเป็นการเถียงผู้ใหญ่ในสายตาบิดามารดาของเธออยู่ดี เฮียเฉิงกับซ้อเหลียนจึงรีบขอโทษขอโพยฝ่ายของเจ้าสัวก่อเกียรติกับคุณนายปิยะดาเป็นการใหญ่
“อั๊วต้องขอโทษลื้อสองคนจริง ๆ นะอาเว่ย อาหง ลูกสาวคนนี้ของอั๊วดื้อด้าน ถ้าพวกลื้อจะไม่รับอีเข้าบ้านอั๊วก็ไม่ว่าอะไร”
“ไม่เป็นไรอาเฉิง ที่อีพูดมาก็มีเหตุผล ลูกสาวลื้อหน้าตาสะสวยท่าทางเอางานเอาการดี”
เป็นมารดาของปกเกศเอ่ยขึ้น พลางยิ้มมองหญิงสาวที่กำลังยืนกุมมือก้มหน้าจากคำตำหนิของบิดามารดาด้วยความรู้สึกเอ็นดูและถูกชะตา
วันนี้เป็นวันแรกที่ปกเกศกับคีติกา หรือไผ่หลิว ได้เห็นหน้ากัน ในวินาทีแรกความรู้สึกของฝ่ายชายคือ
ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เลว
จากวันนั้นมารดาของปกเกศก็ให้เขาทำความรู้จักกับหญิงสาวไว้ เพราะเห็นแล้วว่าทางครอบครัวของเธอดูจะปฏิบัติกับลูกสาวไม่ค่อยดีนัก ตลอดเวลาที่นั่งคุยกันก็จะเอ่ยชื่นชมลูกชายทั้งสองคนที่กำลังเรียนอยู่เมืองนอกเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้รู้ว่าครอบครัวนี้ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับลูกสาวผิดกับครอบครัวของเขาที่พ่อกับแม่ทั้งรักทั้งห่วงและหวงน้องสาวเป็นที่สุด
^
^
^
***ส่งตอนแรกของเฮียมาแล้ว ฝากกดติดตามด้วยน้า
มีผลงานมาอัปเดท ฝากติดตามเฟสบุ๊ค มนสิกานต์ นักดขียนด้วยนะคะ