เมื่อฝ่ายชายเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ คีติกาก็ไม่ปฏิเสธ ใช่...เธอไม่ปฏิเสธความรู้สึกของตนเองในแวบแรกที่ได้เห็นหน้าชายหนุ่มที่เป็นคู่หมายเธอเองก็รู้สึกพึงใจเขาไม่น้อย และเมื่อรู้ว่าในวันข้างหน้าเธอจะได้เป็นภรรยาของผู้ชายคนนี้ จะได้เข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ไม่เลือกปฏิบัติกับลูกผู้หญิงอย่างครอบครัวของเธอ หญิงสาวก็ยิ่งอยากหลุดพ้น
คีติกานำอาหารจากที่ร้านมาส่งให้ที่บ้านของว่าที่สามีตามคำสั่งของผู้เป็นบิดา เสี่ยสมชัยและภรรยาเปิดโอกาสให้ลูกสาวได้ทำความสนิทสนมกับครอบครัวของว่าที่ลูกเขยอย่างเต็มที่ หญิงสาวนั่งคุยกับอาอึ้มหงหรือคุณนายปิยะดาที่พูดจาไพเราะและให้ความเอ็นดูเธอมากทั้งยังบอกว่าอยากให้เธอกับลูกชายแต่งงานกันโดยเร็ว คีติการู้สึกดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ยังพอมีโชคอยู่บ้างแม้ว่าจะเกิดมาในครอบครัวคนจีนที่ไม่ให้ความสำคัญกับลูกสาวแต่ก็ยังมีว่าที่แม่สามีที่เมตตาเธอ
ปกเกศกับบิดานั่งมองมารดากับคีติกาคุยกันอย่างถูกคอ ก่อนที่ฝ่ายบิดาจะเปรยขึ้น
“ป๊าว่าหนูไผ่หลิวทั้งสวยและเป็นคนดีมากนะ แต่ดูแกยังไม่ถูกใจ”
บิดาเหมือนจะรับรู้ความรู้สึกที่ยังอยู่กับลูกชาย
“เรื่องสวยผมไม่เถียงหรอกป๊า”
“แล้วถ้าให้แต่งงานเป็นผัวเมียกัน แกติดอะไรมั้ยล่ะ”
บิดาถามดูเชิงความสมัครใจเนื่องจากตนเองกับภรรยาไม่ได้อยากคลุมถุงชนลูกเหมือนสมัยก่อน ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“ลองคุยกันไปก่อนดีกว่าป๊า แต่งแล้วอยู่กันไม่ได้หย่าทีหลังผู้หญิงเขาจะเสียหาย”
บิดาส่งเสียง ‘หึ’ ในลำคอ เพราะไม่ผิดจากที่คาดเดาไปมาก
จากนั้นไม่นานมารดาของชายหนุ่มก็พาคีติกามาบอกว่าจะกลับ ทั้งนางยังบอกให้ลูกชายเป็นคนขับรถไปส่งหญิงสาวด้วย เนื่องจากตอนมาเธอนั่งแท็กซี่มาคนเดียว
“อาเติ้ง ไปส่งน้องหน่อยสิ น้องมาคนเดียว”
คุณนายปิยะดาพูดเสียงหวานพร้อมกับส่งยิ้มให้ลูกชาย มารดาของเขาเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา น้อยครั้งที่จะเห็นใบหน้าบึ้งตึงหรือขึ้งโกรธใครของนายหญิงของบ้าน คีติกาก้มหน้าเล็กน้อยเม้มริมฝีปาก แต่หัวใจกำลังเต้นตึกตักกับคำตอบของเขา ร่างสูงของชายหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยปากรับคำ
“ได้ครับม้า”
สายตาที่ส่งมองไปยังเธอแฝงประกายบางอย่าง ปิยะดาจึงหันไปยิ้มบอกกับคีติกาว่า
“ให้เฮียเติ้งเขาไปส่งนะ”
“ค่ะ อาอึ้ม”
ปกเกศแสดงความเป็นสุภาพบุรุษเดินมาเปิดประตูรถพอร์ช คาเยนน์สีเทาเมทัลลิกให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเขา คีติการู้สึกเต้นเต้นเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้อยู่กับเขาสองคนตามลำพัง เธอหันไปยิ้มเป็นธรรมชาติเมื่อหันมาสบตากับชายหนุ่ม หลังจากที่รู้ว่าผู้ใหญ่ของเขาและเธอมีความประสงค์จะให้สองครอบครัวเกี่ยวดองกันและแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแล้วเธอก็มีโอกาสได้พูดคุยกับเขาบ้าง
รถยนต์คันหรูแล่นมาตามถนนเส้นหนึ่ง บรรยากาศภายในรถเงียบงันเพราะไม่มีการพูดคุยกัน จนกระทั่งชายหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นว่า
“เฮียลืมของไว้ที่คอนโด ขอแวะไปเอาของก่อนได้มั้ย”
คำว่า ‘ได้มั้ย’ เขาส่งสายตามามองเธอประกายในดวงตาหวานเชื่อมคล้ายกำลังสื่อถึงสิ่งใด คีติกาสบตาขยับริมฝีปากเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอ่ย
“ได้ค่ะ”
ปกเกศยกยิ้มอย่างมีนัย ไม่พูดอะไรอีกขับรถมุ่งหน้าไปยังคอนโดมิเนียมหรูซึ่งตั้งอยู่ในย่านธุรกิจบันเทิงที่เขาซื้อไว้เป็นที่หลับนอนเวลาที่ต้องการพื้นที่ความเป็นส่วนตัว
เมื่อมาถึงก็ขับรถเข้ามาในช่องจอดอัตโนมัติที่สามารถพาขึ้นไปยังชั้นที่เขาอยู่ได้เลย ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกนั่นคือบานประตูที่ก้าวเข้ามาสู่ห้องชุดหรูหรามีพื้นที่ใช้สอยเกินหนึ่งร้อยตารางเมตรเทียบได้กับบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง
คีติกากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เหมือนว่ารู้สึกตัวอีกทีก็เข้ามาอยู่ในห้องของเขาแล้ว หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกกระชับสายกระเป๋าแบรนด์เนมใบเดียวที่เธอมีอยู่และใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนไว้แน่นอย่างไม่รู้สึกตัว
“นี่ห้องของเฮียเติ้งเหรอคะ”
“อืม... ชอบมั้ย”
เขาถามตรง ๆ และจ้องมองหน้าหญิงสาวเหมือนว่ารอคำตอบจากเธอ คีติการู้สึกว่าตอนนี้ตนเองเหมือนลูกกระต่ายที่กระโดดเข้ามาอยู่ในถ้ำเสือ มองหาทางรอดไม่มี ทว่าเธอก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเสือที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่าไรนัก
หรือว่าลึก ๆ แล้วเธอก็อยากโดนเสือขย้ำ
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไป และส่งใจมาให้กันด้วยน้า