บทที่3

1374 Words
บทที่ 3 เฉิงเหยากลับมาใช้ชีวิตเช่นเดิม แม้จะเป็นคุณหนูใหญ่สกุลปิง ก้าวออกจากจวนคนนับหน้าถือตา ยกย่องเชิดชูนางอย่างที่ควรจะเป็น แต่ภายในนั้นช่างตรงกันข้าม “ท่านแม่ใหญ่” นางยอบกายลงอย่างอ่อนช้อย ทำความเคารพฮูหยินเอกของบิดา เฉิงเหยาและบุตรของท่านพ่อต้องเรียกสตรีสูงวัยตรงหน้าเช่นนี้ทุกคน บิดาของนางมีอนุถึงเจ็ดคน ทุกคนต้องอยู่อย่างเจียมตนและสงบปากสงบคำ บุตรชายและบุตรีที่ไม่ได้เกิดจากสตรีสูงวัยคนนี้ก็เช่นเดียวกัน แม้มารดาของเฉิงเหยาจะมาก่อน แต่เป็นเพียงลูกชาวบ้านร้านตลาด บิดานางจึงมิเคยเชิดชูยกย่อง พอสิ้นไปก็แค่คน ๆ หนึ่งที่ตายจาก มิได้อาลัยอาวรณ์สักนิด เพราะรอบตัวมีฮูหยินเอกและอนุอีกหลายคน “เจ้าและน้อง ๆ ของเจ้าไปแต่งกายด้วยชุดใหม่ พ่อเจ้าส่งคนมาแจ้งว่าอีกเดี๋ยวจะมีราชโองการจากฮ่องเต้ คนทั้งตระกูลต้องออกไปรับ” ปิงฮูหยินปรายตามอง บุตรสาวคนโตของสามีเพียงนิด นางไม่เคยชอบใจเฉิงเหยาเลยสักนิด ทั้งใบหน้าที่งดงามถอดแบบมารดาของตนนั่น แต่ด้วยเฉิงเหยาอยู่เป็น และไม่เคยทำสิ่งใดที่นางจะหาเรื่องมาตำหนิหรือลงโทษได้เลย ทำได้เพียงแต่ใช้งานและกดหัวให้ต่ำกว่าเยว่ฉางบุตรสาวของนางเท่านั้น “เจ้าค่ะ” เฉิงเหยาไม่ปริปากบ่นที่ถูกใช้งาน ที่ในความจริงสั่งสาวใช้สักคนให้ทำก็ได้ นางขานรับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แม้รู้ดีว่าตนเองถูกกลั่นแกล้งและถูกใช้เป็นหมากในเกมการเมืองของครอบครัว ต้องแต่งงานกับบุตรชายของขุนนางสักตระกูล แต่นางที่ย้อนเวลากลับมารู้แล้วว่าราชโองการจากฮ่องเต้ที่กำลังเดินทางมาเป็นเรื่องใด นางลุกขึ้นและเดินกลับไปยังเรือนนอนของตนที่อยู่ท้ายสุดของจวนอย่างสงบเสงี่ยม ระหว่างทางก็แวะแจ้งคำสั่งของแม่ใหญ่แก่น้อง ๆ ทุกคน หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ตามคำสั่ง นางก็ออกไปสมทบกับน้องสาวคนอื่น ๆ เพื่อเตรียมรับราชโองการ เยว่ฉาง บุตรสาวของปิงฮูหยิน ผู้มีสถานะสูงสุดในหมู่พี่น้องทั้งหมด ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งยโส รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าขณะที่นางมองเฉิงเหยา "พี่ใหญ่ดูงามสง่าเสมอ แต่…ไม่ว่าจะแต่งตัวอย่างไรก็ยังไม่อาจเทียบข้าได้" เยว่ฉางพูดอย่างจงใจ เย้ยหยันในสิ่งที่นางเห็นว่าเป็นข้อด้อยของเฉิงเหยา มีใบหน้างดงามกว่าแล้วอย่างไร เครื่องแต่งกาย ฐานะก็มิอาจเทียบชั้นนางได้ เฉิงเหยารับฟังคำพูดนั้นด้วยความนิ่งเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ที่อาจถูกตีความไปในทางไม่ดี นางรู้ดีว่าไม่ว่าตนจะตอบโต้อย่างไร ย่อมต้องมีผลเสียติดตามมาเสมอ นางจึงเลือกที่จะส่งยิ้มกลับไปเช่นทุกครั้ง เมื่อทั้งครอบครัวมารวมตัวกันในลานกว้าง เสนาบดีปิงเจิ้นหนานเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมกับทหารในชุดเครื่องแบบราชวงศ์ ที่ถือราชโองการจากฮ่องเต้ ทุกคนก้มลงกราบอย่างเคารพเมื่อทหารผู้นั้นเริ่มอ่านราชโองการ "ตามพระราชโองการของฮ่องเต้ ปิงเฉิงเหยา บุตรสาวของเสนาบดีฝ่ายขวาปิงเจิ้นหนาน มีความงดงามและปัญญาล้ำเลิศ เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาโหวแห่งเมืองจางเจียเจี้ย" ทันทีที่คำสั่งสิ้นสุดลง เฉิงเหยารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น ความสงบเสงี่ยมที่นางแสดงต่อหน้าทุกคนแทบจะถูกทำลายลง แต่เพราะประสบการณ์ชีวิตที่สอนให้นางต้องเข้มแข็ง นางจึงไม่แสดงอาการใดออกมาให้ผู้ใดเห็น เวลาของเรื่องวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นวนเวียนมาบรรจบแล้ว เรื่องร้าย ๆ ที่กำลังจะเกิดนางรู้หมดแล้ว เมื่อรู้ก็ต้องเลือกเส้นทางที่อันตรายน้อยที่สุด ครานี้นางจะไม่หนีงานแต่งอีกแล้ว เฉิงเหยายื่นมือออกไปรับราชโองการ นางก้มหน้าลง หางตาเหลือบไปมองเยว่ฉางที่คุกเข่าอยู่ถัดไป และไม่ลืมมองเลยไปยังกลุ่มสาวใช้ที่อยู่ริมสุด คนที่ลงมือใช้มีดสั้นแทงนาง จนนางได้พบกับจางหมิ่นในชาติภพที่แล้ว ชิงชิง แม้เรื่องราวกำลังดำเนินไปเช่นเดิม แต่ปิงเฉิงเหยาจะมิยอมให้มันจบเช่นเดิม "นับเป็นเกียรติยิ่งนักที่บุตรสาวของข้าได้รับราชโองการเช่นนี้" ปิงเจิ้นหนานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความภาคภูมิใจ แม้จะมีเพียงน้อยนิดในใจของเขาที่รู้สึกอย่างแท้จริง ไม่ว่าฮ่องเต้จะเลือกบุตรสาวคนใดของเขา เขาล้วนได้ประโยชน์ และเขาต้องใช้ให้คุ้มค่า ให้สมกับที่เลี้ยงดูพวกนางมาเป็นอย่างดี เยว่ฉางหันไปมองเฉิงเหยาด้วยสายตาที่แฝงความริษยาและขุ่นเคือง นางขบฟันแน่นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พี่ใหญ่ ช่างโชคดีเสียจริงนะเจ้าคะ ได้รับราชโองการจากฮ่องเต้ให้เป็นถึงพระชายาอ๋อง น้องหญิงอย่างข้าคงมิอาจเทียบได้” เฉิงเหยามองน้องสาวก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ตอนที่รับราชโองการคราวก่อน นางแสดงออกชัดเจนว่ามิอยากแต่งให้อ๋องผู้นั้น เยว่ฉางจึงมิได้แสดงออกเช่นนี้ พอครั้งนี้นางรับราชโองการมาด้วยความเต็มใจ น้องสาวของนางจึงแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาอย่างเปิดเผย “เจ้าอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย เยว่ฉาง ความดีความชอบของแต่ละคนย่อมมีที่มา ข้าเพียงทำหน้าที่ของข้าเท่านั้น” เยว่ฉางหัวเราะเบา ๆ แต่แววตายังคงฉายความขุ่นเคือง “ทำหน้าที่ ข้าเห็นแต่พี่ใหญ่อยู่เงียบ ๆ ไม่ได้ทำสิ่งใดสักเท่าไร แต่กลับได้ตำแหน่งใหญ่โตเช่นนี้ บางทีการไม่ทำอะไรอาจจะเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดกระมัง” เฉิงเหยาเลือกที่จะไม่ตอบโต้ คำพูดที่แฝงความอิจฉาของน้องสาวนั้นไม่ได้มีความหมายต่อใจของนางอีกต่อไป นางเพียงยิ้มบาง ๆ และกล่าวอย่างนุ่มนวล “บางสิ่งบางอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว เจ้าก็อย่าได้คิดมากเลย เยว่ฉาง” เฉิงเหยาพูดคำนี้ไม่เพียงเพื่อปลอบน้องสาว แต่ยังเหมือนปลอบใจตัวเองด้วย สวรรค์อาจกำหนดชะตาชีวิตให้นางต้องแต่งเข้าจวนอ๋อง ถึงแม้นางจะพยายามหลบหนีแค่ไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นชะตากรรมได้ ไม่เพียงแต่ต้องเกือบตายด้วยน้ำมือของชิงชิง แต่ยังถูกพรากชีวิตโดยจางหมิ่นในที่สุด เมื่อคิดถึงจางหมิ่น หัวใจของเฉิงเหยาก็รู้สึกเจ็บปวด นางกัดริมฝีปากเบา ๆ ภาพความทรงจำที่เขาสังหารนางยังคงชัดเจนในจิตใจ หลังจากที่เขาฆ่านางแล้ว เขาคงได้แต่งงานกับปิงเยว่ฉาง คนทั้งสองคงได้ครองรักกันอย่างที่หวังไว้ นางพยายามห้ามใจไม่ให้รู้สึกริษยาน้องสาว แต่ก็ยากเหลือเกิน เพราะแม้จะเพียงช่วงเวลาหนึ่งปีที่นางได้อยู่กับจางหมิ่นในฐานะสามี นางก็รักเขาหมดหัวใจ เยว่ฉางกัดฟันแน่น แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง นางหันหน้าหนีอย่างไม่พอใจ “ข้าจะคอยดูว่าพี่ใหญ่จะรับมือกับตำแหน่งที่ได้มาโดยไม่ต้องทำอะไรได้อย่างไร แต่ข้าจะไม่ยอมให้ตัวเองตกต่ำกว่าพี่ใหญ่ตลอดไปแน่” เฉิงเหยาเพียงพยักหน้าเบา ๆ ปล่อยให้เยว่ฉางระบายความรู้สึกของนางตามที่ใจต้องการ เฉิงเหยารู้ดีว่าน้องสาวของนางกำลังเดือดดาลเพียงใด แต่นางก็รู้ว่า ไม่มีสิ่งใดจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อีกแล้ว การเดินทางไปเมืองจางเจียเจี้ยครั้งนี้ นางตั้งใจจะนั่งในเกี้ยวเจ้าสาวตลอดเวลา ไม่ยอมให้มีช่องว่างใด ๆ ที่ชิงชิงจะใช้ลงมือกับนางได้เด็ดขาด นางจะไม่ยอมให้ชะตากรรมซ้ำรอยอีกครั้งหนึ่ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD