แคว้นเว่ย
วันที่ยี่สิบเดือนสามรัชสมัยเว่ยเสียนตี้ปีที่สามสิบหก
บุตรสาวห้าคนของใต้เท้าเจ้ากรมพิธีการเจียงโหย่งเล่อล้วนขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว เหล่าพี่สาวน้องสาวคนอื่นอาจใช้เวลาในการเดินทางไปจวนเจ้าบ่าวไม่กี่ชั่วยาม แต่เจียงซูเยว่กลับต้องใช้เวลาเดินทางถึงสามวัน
เมืองเหยียนโจวที่ตั้งจวนตระกูลฟางนั้น อยู่ทาง ทิศตะวันออกของแคว้นเว่ย ได้ยินว่าตระกูลฟางเป็นตระกูลคหบดีที่ควบคุมกิจการร้านค้าหลากหลายประเภท ถ้าหากไม่นับตระกูลผู้รากมากดีในเมืองหลวงละก็ ตระกูลฟางย่อมเป็นตระกูลเศรษฐีมีหน้ามีตาที่สุดของแคว้น หากบิดาของนางไม่เห็นว่าตระกูลฟางมีสมบัติมากมาย ย่อมไม่มีวันยอมเสียหน้าปล่อยให้บุตรสาวของตนแต่งเข้าตระกูลที่ไม่ใช่ตระกูลขุนนางหรอก เพียงแต่อาจมิใช่แค่เรื่องนี้ ยังมีอีกเรื่องนั่นคือ ในจวนสกุลเจียงนั้นมารดาของ เจียงซูเยว่มีฐานะต่ำต้อยที่สุด หงซีชุนเป็นเพียงสาวใช้ห้องข้างที่รับใช้เจียงโหย่งเล่อมาตั้งแต่วัยหนุ่ม ผ่านการอดทนอดกลั้น ถูกเหยียดยามมาหลายปีในที่สุดก็ให้กำเนิดบุตรสาวออกมา แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้เสพสุขกลับสิ้นลมตายไปเสียก่อน ทิ้งให้เจียงซูเยว่ถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายฮูหยินสามที่ฐานะไม่สูงไม่ต่ำ ดีหน่อยที่ต่อให้มารดาผู้นี้ไม่ได้รับความโปรดปรานจากใต้เท้าเจียงแต่ก็ยังสามารถหาหนทางส่งบุตรสาวที่ไม่สลักสำคัญออกไปแต่งงานพร้อมกับ พี่น้องคนอื่น
เจียงซูเยว่นั่งรถม้ามาเกือบสิบสองชั่วยาม ในที่สุดก็มาถึงจุดพักม้าแห่งแรกเสียที ได้ยินผู้นำขบวนบอกว่า หยุดพักอีกสองครั้งก็สามารถเข้าสู่เมืองเหยียนโจวได้แล้ว
ชุดเจ้าสาวสีแดงมงคลกับเครื่องประดับศีรษะผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวพวกนี้ชวนให้อึดอัดนัก แต่ถึงแม้อยากจะปลดเปลื้องทุกอย่างกลับไปสวมชุดเรียบง่ายเพียงใดแต่ต้องอดทนอดกลั้นไว้ หาไม่แล้วหากถูกผู้อื่นรู้เข้ามิเพียงทำให้สกุลเจียงขายหน้าแต่ยังพาตนตกไปสู่ความตายได้ง่ายๆ ในเมื่อฝืนอดทนมาตั้งนาน การต้องสวมชุดงดงามแล้วลำบากไปอีกไม่กี่วันยังจะนับเป็นอะไรได้
ถ้าหากนางไปไม่ถึงเมืองเหยียนโจวนั่นต่างหากจึงเป็นสิ่งน่ากลัวอย่างแท้จริง
“คุณหนู ลำบากท่านแล้ว”
การนั่งอยู่บนรถม้าที่โยกคลอนมาตลอดหลายชั่วยามย่อมทำให้คุณหนูสิบเอ็ดที่ไม่เคยย่างเท้าออกจากจวนไม่ค่อยสบายตัวเท่าใดนัก เสี่ยวถิง สาวใช้วัยสิบแปดรีบประคองลงจากรถม้า มุ่งไปยังห้องหับที่ถูกตระเตรียมไว้
ต่อให้ภายในจวนเจียงซูเยว่จะไร้ความสำคัญเช่นไร แต่ว่านางแต่งเป็นภรรยาของผู้อื่น หนำซ้ำคนผู้นั้นยังมีชื่อเสียงโจษจันกันว่าเป็นบุรุษหล่อเหลาผู้รักหยกถนอมบุปผาที่สุด มีหรือที่ผู้นำขบวนและผู้ติดตามขบวนเจ้าสาวจะไม่ปรนนิบัติดูแลเจียงซูเยว่เป็นอย่างดี
“ห้องพักที่สกุลฟางจัดเตรียมไว้ ดีไม่น้อย” เสี่ยวถิงชื่นชมไม่หยุด “คุณหนูดูข้าวของเครื่องใช้ที่นี่สิเจ้าคะ เป็นของดีมีราคาทั้งนั้น”
“บางทีจุดพักม้าแห่งนี้อาจเป็นหนึ่งในกิจการของสกุลฟางก็ได้”
เจียงซูเยว่พูดไปอย่างนั้น ในหัวของนางไม่ว่าสกุลฟางจะร่ำรวยมีหน้ามีตาแค่ไหน ประกอบกิจการอันใดก็หาเกี่ยวข้องกับตนไม่ ขอแค่เข้าจวนไปแล้วไม่ถูกครอบครัวฝั่งสามีกลั่นแกล้งย่อมนับว่าดีที่สุด
ดูคุณหนูของตนไม่ได้ใส่ใจกับข้าวของนอกกายเช่นนี้ เสี่ยวถิงจึงเลิกสนใจเช่นกัน หันมาประคองคุณหนูนั่งบนเตียง รินน้ำชาร้อนๆ ให้แล้วถึงได้กระซิบเสียงค่อย “คุณหนูจะปล่อยให้คนของฮูหยินใหญ่ติดตามเข้าไปอยู่ในสกุลฟางจริงๆ หรือ หงหลินผู้นั้นดูอย่างไรก็ไม่น่าไว้วางใจ”
“นางเป็นคนของฮูหยินใหญ่ ต่อให้ชอบหรือไม่ชอบ ข้าก็ไม่สามารถไล่คนได้อยู่ดี อีกอย่างมองดูแล้วหงหลินก็ติดตามแม่บ้านดูแลจวนสกุลเจียงมาหลายปี งานทุกอย่างล้วนเข้าใจกว่าพวกเราสองคนมาก บางทีภายภาคหน้าเราอาจเป็นฝ่ายต้องพึ่งพาผู้อื่นก็เป็นได้”
สาวใช้ข้างกายพยักหน้าเข้าใจก็จริง แต่ลึกๆ ในใจนั้นยังคงระมัดระวังเอาไว้ถึงเจ็ดส่วน
คนเป็นนายได้แต่ลอบส่ายหน้า เมื่อครั้งอยู่สกุลเจียงนางกับเสี่ยงถิงถูกเหล่าพี่สาวพี่ชายทั้งหลายแม้กระทั่งแม่เล็กหกเจ็ดคนกลั่นแกล้งมากไปใช่หรือไม่ ต่อให้แต่งงานออกจากจวนไปอยู่ที่อื่นคนข้างกายนางก็ยังไม่อาจไว้วางใจผู้ใด
มือเรียวบางจึงได้แต่ลูบแก้มข้างหนึ่งของสาวใช้เบาๆ “เดินทางมาทั้งวัน เสี่ยวถิงของข้าง่วงแล้วกระมัง พวกเราพักผ่อนกันเถิด”
รู้สึกว่าน้ำเสียงของคุณหนูเจือความอ่อนล้า หางตาของเสี่ยวถิงพลันแดงก่ำ สูดหายใจระงับความเสียใจทีหนึ่งถึงได้ค่อยๆ ส่งคุณหนูขึ้นเตียงพักผ่อน
แต่ว่าเครื่องหัวเจ้าสาวกับชุดสีแดงมงคล ผ้าคลุมหน้าที่ปกปิดความงามเย้ายวนนี้ ดูยังไงก็ไม่อาจทำให้คนหลับสบายได้จริงๆ
เจียงซูเยว่ได้แต่จับมือสาวใช้ไว้ ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏ“ข้าไม่เป็นไรหรอก”
เห็นคุณหนูของตนเป็นเช่นนี้ ถึงยังไงเสี่ยวถิงก็อดกล่าวโทษผู้มีอำนาจในจวนสกุลเจียงไม่ได้ เหล่าคุณชายในเมืองหลวงที่ใช้งานได้ก็มีอยู่มากไม่ใช่หรือ คุณหนูสิบ คุณหนูสิบสี่ คุณหนูสิบห้า คุณหนูสิบเจ็ด ยังแต่งให้กับคุณชายมีหน้ามีตาในเมืองหลวง บ้างก็เป็นท่านโหวน้อย บ้างก็เป็นคุณชายมีชื่อ เป็นใต้เท้าเสนาบดีกรมการคลัง เหตุใดคุณหนูของนางถึงถูกส่งไปแต่งงานไกลถึงเมืองเหยียนโจวด้วย คุณหนูก็เป็นบุตรสาวคนหนึ่งของใต้เท้าเจียงไม่ใช่หรืออย่างไร
อยู่ในจวนลำบากมากพอแล้ว ถึงวันแต่งงานก็ยังลำบากกว่าผู้อื่นอีก
มีโชคชะตาเป็นบุตรสาวเหมือนกัน แต่สายเลือดฝั่งมารดาต่างกัน ต้องก้มหน้าก้มตารับความไม่เป็นธรรมไปเช่นนี้หรือ
ผู้อื่นแต่งงาน เป็นถึงบุตรสาวสายตรง ฮูหยินใหญ่ก็ยังไม่เห็นจะส่งสาวใช้ข้างกายติดตามไปแม้แต่คนเดียว การส่งหงหลินมามิใช่เพื่อให้มาจับตาดูคุณหนูหรอกหรือ คนสกุลเจียงคงเกรงว่าคุณหนูที่อยู่ต่างเมืองจะสร้างความเดือดร้อนทำลายเกียรติยศชื่อเสียงของตระกูลเจียงกระมัง
ขนาดถูกรังแกเช่นนี้ คุณหนูของนางก็ยังยิ้มรับชะตากรรม ไม่เคยเอ่ยปากบ่นแม้แต่ครั้งเดียว
ในใจไม่ยินยอม แต่น่าเสียดายที่ตนเป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อย เจ็บแค้นเคืองโกรธเช่นไรก็ไม่อาจออกหน้าให้คุณหนูของตนได้
แน่นอนเจียงซูเยว่เข้าใจความคิดจิตใจของสาวใช้ และยังเข้าใจความคิดของผู้อื่น แต่นางตั้งใจแล้วว่าหลังก้าวออกจากสกุลเจียงจะใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ดื้อรั้น ไม่แย่งชิง ควรปฏิบัติตัวเช่นไรก็ทำเช่นนั้น ขอแค่สามารถมีชีวิตรอดอยู่อย่างสุขสงบไปวันๆ เท่านั้นก็นับว่าดีมากแล้ว