4

1830 Words
งานเลี้ยงช่วงค่ำ ห้องแกรนบอลลูนของโรงแรมฟลุทาวน์ดูเล็กไปถนัดตา เมื่อจำนวนคนที่อยู่ในห้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองมลคลสมรสในขณะนี้นับคร่าวๆ ทางสายตาก็ร่วมแปดร้อยคน และท่าว่าแขกจะไม่หยุดที่จำนวนนี้ นอกจากจะเป็นญาติสนิทจากทั้งสองฝ่าย แขกที่มาร่วมงานยังมีหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง บุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคม นักธุรกิจหลายแขนง รวมทั้งเพื่อนฝูงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวและที่ขาดไม่ได้เลยคือนักข่าวที่แชะบรรยากาศของงานแทบไม่ทัน ดัตถพงศ์นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงด้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านคือหนึ่งเพื่อนสนิทของกรกวินทร์ที่มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ซึ่งเขาก็รู้ดีว่า เจ้าบ่าวไม่เต็มใจที่จะร่วมงานวิวาห์ แต่ที่ยอมเพราะขัดบิดาและคำขอร้องของมารดาไม่ได้ เขาเดินมาหาคู่บ่าวสาวที่ยืนอยู่ตรงซุ้มดอกไม้ที่จัดตกแต่งอย่างสวยงามในมือถือกล่องของขวัญที่ตั้งใจนำมาให้ทั้งคู่ “ดีใจด้วยนะทัช”ดัตถพงศ์แม้จะรู้ว่า เจ้าบ่าวไม่เต็มใจแต่งงาน ทว่าตามมารยาทเขาจำเป็นต้องพูดประโยคนี้ “ขอบใจเพื่อน” กรกวินทร์รับน้ำใจจากเพื่อนสนิท “แต่ฉันไม่เห็นจะดีใจเลยที่ได้แต่งงาน ตรงกันข้ามเสียใจมากกว่า มันเหมือนกับตัวเองตกอยู่ในขุมนรกยังไงบอกไม่ถูก” ผู้พูดปรายตาไปยังหน้าของเจ้าสาวที่ตวัดสายตามองคนตัวสูงกว่าพอดี “คิดเหมือนกันเลยค่ะคุณทัช แพรวเองก็รู้สึกว่าตัวเองตกลงไปในขุมนรกที่ทั้งมืดและหาทางออกไม่เจอ จะต้องติดอยู่ในนั้นไปจนวันตาย คิดแล้วก็เศร้าใจเหลือเกินที่ต้องอยู่ร่วมกับคุณในขุมนรกนั้น” นิสัยของแพรวพรรณรายอย่างหนึ่งที่กรกวินทร์ไม่รู้คือ เธอเป็นคนไม่ยอมคน ใครแรงมาเธอแรงกลับ คงจะมีเพียงพริ้งเพรากับเดือนดาราเท่านั้นที่เธอยอม แล้วยิ่งมาได้ยินคำพูดของเจ้าบ่าวที่ขัดหูเสียเหลือเกิน มีหรือที่เธอจะทนนิ่งเฉยไม่ตอบโต้กลับ และคำพูดนี้ก็ตรงกับความรู้สึกของเธอด้วย “ถ้าฉันเลือกได้ ฉันไม่มีวันแต่งงานกับเธอเด็ดขาด ยิ่งอยู่ใกล้เธอ ตัวฉันร้อนไปหมดเหมือนอยู่ใกล้กองไฟไม่มีผิด จนฉันอยากจะเดินห่างเธอไปหลายๆ โยชน์หรือไม่ก็ไม่ต้องพบเจอกันได้ยิ่งดี” ตลอดทั้งวันมานี้ ทั้งสองไม่ได้พูดกันเลยสักคำ แม้แต่มองหน้ากันยังน้อยนัก จะมองหน้าและยิ้มให้กันก็ต่อเมื่อแสดงละครต่อหน้าบุคคลอื่น พอแสดงเสร็จก็เหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน แต่พอได้สนทนากันกลับกลายเป็นว่าทั้งคู่กำลังทะเลาะกันมากกว่า “แหม คุณนี่พูดตรงกับความรู้สึกของฉันเหลือเกิน ฉันเองก็ไม่อยากอยู่ใกล้คุณเท่าไหร่นักหรอก อยู่ใกล้คุณ ฉันรู้สึกว่า ตัวเองอยู่ใกล้อุจจาระที่ส่งกลิ่นเหม็น น่ารังเกียจและขยะแขยง อยากจะแหวะใส่มากกว่า” แพรวพรรณรายไม่ได้พูดให้กรกวินทร์หน้าชาเท่านั้น สีหน้าของเธอยังแสดงทีท่าว่ารังเกียจเขาอีกด้วย คนที่ถูกเปรียบเทียบเป็นของเน่าของเสียถึงกับหน้าดำหน้าแดงจากแรงโทสะ กำมือแน่น ขบฟันจนเกิดเสียงกรอดๆ ฝ่ายเจ้าสาวก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยืนฉีกยิ้มให้แขกผู้มาร่วมงานต่อไป ดัตถพงศ์เห็นคู่บ่าวสาวที่แรงพอๆ กันแล้วถึงกับส่ายหน้า งานวิวาห์ที่ไม่ได้มาจากความรักของทั้งคู่สร้างความข่มขื่นมากพอแล้ว แต่นี่ยังสร้างความเกลียดชังเพิ่มเข้าไปอีก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชีวิตสมรสของกรกวินทร์กับแพรวพรรณรายจะออกมาในรูปแบบไหน คงไม่พ้นหย่าร้างเข้าสักวัน ในทางกลับกันหากเจ้าสาวไม่ใช่แพรวพรรณราย แต่เป็นอีกคนหนึ่งที่เจ้าบ่าวผูกใจรัก งานในวันนี้คงสมบูรณ์มากขึ้น จะมีกลิ่นอายของความสุขอบอวล ไม่ใช่มลภาวะเป็นพิษเช่นนี้แล้วชีวิตคู่ของกรกวินทร์ก็จะยืนยาวจนแก่เฒ่า หญิงสาวอีกคนที่ว่านี้คือนิสารัตน์ หรือฟ้า ดารานักแสดงหญิงชื่อดังของเมืองไทย เธอเป็นนางเอกระดับแถวหน้าของวงการบันเทิง มีหนัง ละคร งานถ่ายแบบและงานพรีเซ็นเตอร์ไม่ขาดสาย เธอเป็นคนรักของกรกวินทร์ที่คบหาดูใจกันมาร่วมหนึ่งปี ทุกคนในแวดวงต่างรับรู้ความหวานของทั้งคู่และคาดคิดว่าน่าจะมีข่าวดีในไม่ช้า แต่อยู่ๆ กรกวินทร์ก็มาวิวาห์ฟ้าแลบกับหญิงสาวอีกคนหนึ่งส่งผลให้นิสารัตน์ตกเป็นหัวข้อข่าวใหญ่อยู่หลายวัน งานวิวาห์ดำเนินต่อไปด้วยดี แม้ว่ากรกวินทร์กับแพรวพรรณรายจะมีความชิงชังต่อกัน แต่ทว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้ทำให้บุพการีผิดหวัง แสดงให้ทุกคนเห็นว่างานวันชื่นคืนสุขในวันนี้ ทั้งคู่ยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าหลายคนจะสงสัยว่า เหตุใดเจ้าสาวของงานไม่ใช่นิสารัตน์ นักแสดงลือชื่อที่คบหากันมานาน มีคนสงสัยแต่ไม่มีใครคิดจะถาม หลังจากที่ส่งแขกคนสุดท้ายกลับ เจ้าบ่าวเจ้าสาวและครอบครัวก็เดินทางกลับไปยังบ้านเดชาพิพัฒน์ เพื่อส่งตัวคู่บ่าวสาวเข้าห้องหอพิธีสุดท้ายของงาน ห้องหอที่ว่านี้คือห้องของกรกวินทร์ที่ถูกตกแต่งใหม่เกือบทั้งหมด โดยที่เจ้าของห้องไม่ได้เต็มใจให้ปรับเปลี่ยนแม้แต่นิดเดียว แต่เป็นเพราะภวินทร์ จอมบงการและเสียงที่ใหญ่ที่สุดของบ้านเป็นคนจัดการ บนเตียงนอนหนานุ่มราคาเหยียดแสนร่างของภวินทร์ธาริณีและพริ้งเพรานั่งอยู่ริมเตียง เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งพับเพียบอยู่บนพื้น “พ่อรู้ดีว่า งานแต่งงานในครั้งนี้ทัชกับแพรวต่างก็ไม่เต็มใจ แต่พ่อกับแม่ของแพรวเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกทั้งสอง อย่าให้ความตั้งใจของพ่อผิดหวัง ทัชต้องดูแลเอาใจใส่แพรวให้ดีที่สุด อย่าคิดนอกใจแพรวเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพ่อจะไม่ให้อภัยทัชไปตลอดชีวิตและพ่อจะบอกไว้อย่างหนึ่งว่า ชีวิตคู่ของทัชกับแพรวจะไม่มีคำว่าหย่าร้าง รักษาชีวิตคู่ไปจนแก่เฒ่า พ่อขอให้ลูกทั้งสองจงมีความสุขในชีวิตคู่” ภวินทร์ให้คำอวยพรเป็นคนแรก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คำอวยพรเสียทีเดียว มีการขู่กลายๆ เชิงเป็นคำสั่งรวมอยู่ด้วย “ขอบคุณครับคุณพ่อ” กรกวินทร์กล่าวคำของคุณคำอวยพรของบิดา แม้ว่าจนเองจะไม่ปรารถนาจะรับมันก็ตาม “ทัช แม่ขอให้ทัชมีความสุขนะลูก หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยซึ่งกันและกันนะ” ธาริณีให้คำอวยพรเป็นคนที่สอง ซึ่งนางเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรไปมากกว่านี้ เพราะรู้ดีว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คำว่าความสุขจะถอยห่างลูกชายคนโตของนางไปทุกที ใครเล่าจะมีความสุขกับชีวิตคู่ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคำว่ารัก “ขอบคุณครับคุณแม่” เขากล่าวคำขอบคุณมารดา “น้าฝากแพรวด้วยนะคะคุณทัช” พริ้งเพราฝากฝังลูกสาวคนโตกับกรกวินทร์ ที่เวลานี้คือลูกเขยของนางและเป็นทายาทโดยชอบธรรมของตระกูลเดชาพิพัฒน์ “ครับคุณน้า” ตามมารยาทกรกวินทร์จำเป็นต้องเอ่ยคำนี้ “งั้นเราออกไปกันดีกว่านะ ทัชกับแพรวจะได้พักผ่อน”ภวินทร์พูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องโดยมีร่างของธาริณีกับพริ้งเพราเดินตามออกไป ครั้นพออยู่กันตามลำพังความอึดอัดก็กระจายอยู่ทั่วห้อง กรกวินทร์ลุกขึ้นยืนจัดการถอดชุดสูท ตามด้วยเนคไท ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฝ่ายเจ้าสาวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นยืนแล้วมานั่งถอนหายใจอีกครั้งริมเตียง อีกสิบห้านาทีต่อมาร่างสูงใหญ่ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทั้งร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอวเพียงผืนเดียว อวดความบึกบึนของแผงอกกว้าง กล้ามเนื้อแขนขึ้นดูสมบูรณ์แข็งแรงสมกับชายชาตรี ใบหน้าของแพรวพรรณรายร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงประหนึ่งว่ากำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็น ก่อนที่เธอจะเบือนหน้าหนี หลบเลี่ยงความเขินอายที่เขาอาจจะมองเห็น แต่กรกวินทร์ก็ไม่ได้สนใจแพรพรรณราย แม้แต่ชายตามองเขาก็ไม่คิดจะทำ ชายหนุ่มเดินไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนอนมาสวมใส่ เสร็จสรรพก็เดินมายังเตียงนอน เดินไปอีกด้านหนึ่งหยิบหมอนหนุนศีรษะมาไว้ในมือ จากนั้นก็เดินไปยังโซฟาตัวยาวแบบปรับนอนได้ที่ต่อไปนี้เขาจะยึดเป็นที่นอน ร่างสูงใหญ่วางหมอนบนโซฟาแล้วล้มตัวลงนอน ไม่สนใจเจ้าสาวของตนเลย ไม่ใช่ว่าแพรวพรรณรายจะแคร์ที่สามีของตนไม่สนใจ มันเป็นการดีด้วยซ้ำที่ไม่ต้องตกลงหรือพูดอะไรกันมาก เขาทำให้เธอรู้ว่า ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างนอน เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนอนแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะกลับมาที่เตียงอีกครั้งหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จสิ้น ไฟในห้องหอดับลง มีเพียงความเงียบและความมืดทีเข้าปกคลุม แต่ทว่าร่างของข้าวใหม่ปลามันก็ไม่ได้หลับเหมือนกับที่อีกฝ่ายคิด ทั้งสองลืมตาโพลงอยู่ในห้วงความคิดของตน แพรวพรรณรายกำลังคิดถึงอนาคตของตัวเอง การแต่งงานในครั้งนี้แลกมาซึ่งความฝันของเธอ หญิงสาวฝันว่าจะมีร้านอาหารเล็กๆ เป็นของตัวเอง แต่ทว่าพริ้งเพราไม่ยอมท่าเดียว และเมื่อมารดาบังคับให้ตนแต่งงานกับกรกวินทร์ เธอจึงยื่นข้อเสนอกับผู้เป็นแม่ว่า หากตนเองยอมแต่งงานเธอขอทำร้านอาหารตามที่ฝัน ซึ่งพริ้งเพราก็ยินยอมอย่างไม่น่าเชื่อ วันพรุ่งนี้แพรวพรรณรายจะเริ่มทำความฝันของตนเองเสียที ฝ่ายกรกวินทร์ไม่ได้นึกถึงความในหรืออนาคตของตนเอง เขากำลังนึกถึงนิสารัตน์ อดีตคนรักของตนและเป็นหญิงสาวที่เขารักปานดวงใจ วาดหวังว่าจะได้อยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนไปจาแก่เฒ่า สุดท้ายความฝันก็ต้องพังทลาย เขาไม่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก กลับมาต้องวิวาห์กับคนที่ไม่ได้รักแทน กรกวินทร์คิดสะระตะถึงนิสารัตน์ ป่านนี้เธอจะเป็นเช่นไร จะจมอยู่กับความเสียใจหรือไม่ กรกวินทร์รู้คำตอบนั้นดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD