บทที่ 7 สูญเสีย และเริ่มต้น

1155 Words
สองวันแล้ว... ที่ธานต์เมธาหมกตัวอยู่ที่บ้านของคู่หมั้นตนเอง เขาไม่เคยได้รับความอับอายมากขนาดนี้มาก่อนไม่เคยมีใครคนไหนที่มีอิทธิพลกับบิดามากถึงขนาดนี้ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน ทำไมบิดาจะต้องยกย่องผู้หญิงแปลกหน้าถึงขนาดนี้ แม้แต่จะแตกหักกับเขาพ่อก็ยังยอมทำ แถมยังไม่เลือกเขา กลับไปเลือกแม่นั้นแทนเสียอีก ไม่เข้าใจเลยว่าพ่อมีเหตุผลอะไรจะต้องทำแบบนี้ “ธานต์คะ คุณไม่เป็นอะไรนะคะ”นภาลักษณ์ถาม “ผมไม่เป็นอะไรหรอกแค่หงุดหงิดพ่อเท่านั้นเอง ผมไม่เข้าใจทำไมพ่อต้องยกย่องผู้หญิงคนนั้นด้วย!” “แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปค่ะนภาเป็นห่วงคุณมากเลย...” “ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกนภา แค่ผู้หญิงคนเดียวผมมีปัญญาจัดการได้ผมอยากจะรู้นักว่าแม่นั่นจะทนได้สักแค่ไหนกัน!”ชายหนุ่มเข่นเขี้ยวพร้อมกระดกเหล้าเข้าปาก “คุณไม่ต้องการให้นภาช่วยอะไรนะคะ นภาเป็นห่วงค่ะเพราะอีกไม่นานพ่อคุณก็จะให้คุณแต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านเลือกให้แล้วนี่คะ”นภาลักษณ์บอกเขาเสียงเศร้า ธานต์เมธาหันไปมองคู่หมั้นตนเอง เห็นใบหน้าหล่อนกำลังเศร้าหมองน้ำตาคลอ ชายหนุ่มรีบปลอบใจทันทีด้วยความรู้สึกสงสาร เขาไม่ควรให้คู่หมั้นเขาต้องมาเจ็บปวดเพราะเรื่องนี้ “นภา... คุณไม่ต้องเสียใจหรอกนะ ผมไม่เคยเต็มใจแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเลย ที่ผมยอมรับปากพ่อเพราะผมไม่ต้องการให้พ่อยกสมบัติทั้งหมดให้กับแม่นั่น คุณเข้าใจผมนะ ผมแต่งได้ผมก็หย่าได้ยังไงคุณก็ยังเป็นคนที่ผมรักเสมอนภา...”ชายหนุ่มบอกเสียงเบา “นภารู้ค่ะ แล้วก็ขอบคุณธานต์มากนะค่ะที่รักนภา... ขอเพียงแค่คุณยังรักนภาไม่เปลี่ยนแปลงไปก็พอค่ะ”นภาลักษณ์บอกเขามือบางโอบรอบคอก่อนจะยิ้มเชิญชวน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเวลานี้ธานต์เมธาต้องทำเช่นไร เมื่อนภาลักษณ์เชิญชวนเขาถึงขนาดนี้ เลือดในกายเดือนพล่านมีหรือจะยอมปล่อยไป บทเพลงรักอันเร่าร้อนได้ถูกหนุ่มสาวคู่นี้บรรเลงอย่างถึงพริกถึงขิงอีกครา ศศิรญายืนมองควันที่กำลังล่องลอยออกมาจากเมรุ หล่อนยืนภาวนาให้ยายไปสู่สุขคติไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว ธานุภาพมองดูหญิงสาวด้วยความสงสาร เขาจะดูแลหล่อนให้ดีให้สมกับที่เขาได้ทำให้ครอบครัวนี้ต้องสูญเสียไป จะชดใช้บาปทั้งหมดที่เคยพลั้งพลาดในอดีตกับศศิรญาเอง “ยาย... ญาขอให้ยายไปสู่ภพภูมิที่ดีนะค่ะ ตอนนี้ญามีคนดูแลแล้วไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ...”หญิงสาวพึมพำออกมาเสียงเบา หลังจากเสร็จงานศพยายหญิงสาวกลับมาพร้อมกับธานุภาพ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาถอนหายใจออกมา ต่อไปนี้ก็คงเหลือเพียงแค่หล่อนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ให้ได้โดยลำพัง เวลานี้หล่อนสบายใจแล้วที่งานศพยายเสร็จสิ้นไปเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว ธานุภาพเข็นรถตามมา “เป็นไงบ้างลูกสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง?”ธานุภาพถามด้วยความเป็นห่วง “ญาไม่เป็นไรแล้วค่ะ... ขอบคุณมากนะคะเรื่องงานศพถ้าไม่มีคุณท่านญาคงทำอะไรไม่ถูก..” “ไม่เป็นไรหรอกลูก... แค่นี้มันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”ธานุภาพตอบ ศศิรญายิ้มออกมาพยายามบอกกับตัวเอง ต่อไปนี้จะไม่เศร้าอีกแล้ว... เพราะอีกไม่นานหล่อนจะต้องได้เผชิญหน้ากับบุตรชายของธานุภาพมากกว่านี้แน่ และเขาก็ร้ายกาจ หล่อนคงต้องอดทนให้มาก ร่างบางก้าวขึ้นมาบนห้องนอนนั่งลงแปรงผมบนเก้าอี้บุนวมสีขาวหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สายตาของหญิงสาวจ้องมองตนเองในกระจก หยิบหวีสางผมเบาๆ เรียบร้อยแล้วเตรียมเข้านอน แต่กลับรู้สึกถึงความผิดปกติ บางสิ่งบางอย่างหายไป ลูบลำคอระหงส์ก่อนหน้านี้เคยมีสร้อยที่ยายอิ่มให้ไว้ใส่ติดตัวประจำ บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว ฉุกคิดได้ออกจากห้องเพื่อลงมาชั้นล่าง คุกเข่าลงควานหาสร้อยเส้นนั้น เพราะความมืดของห้องรับแขก ทำให้ยากต่อการมองหา ไม่กล้าเปิดไฟเพราะเกรงใจคนในบ้าน ธานต์เมธากลับมาจากคอนโดของคู่หมั้นสาว ไม่คิดหนีอีกแล้ว ในเมื่อที่นี่คือบ้านของเขาเอง คนนอกย่อมไม่มีสิทธิ์ มีเสียง ในบ้านหลังนี้ เงินสักแดง ก้อนหินสักก้อน ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีทางได้ไป ชายหนุ่มคิดอย่างแน่วแน่ พาตัวเองมาถึงหน้าประตูบ้าน ก้าวเข้าสู่ด้านใน เขาไม่จำเป็นต้องให้แสงสว่างช่วยเพราะเคยชิน เมื่อสายตาปรับเข้ากับความมืดแล้ว กลับเห็นแสงประกายบางอย่าง ชายหนุ่มเดินไปถึงหยิบมันขึ้นมา มองดูแล้วขมวดคิ้ว มันเป็นสร้อยไม่ได้มีค่ามีราคาอะไรมากมายนัก  “นี่มันของใครกัน” เขาพึมพำไม่ได้ใส่ใจ จับสร้อยยัดใส่กระเป๋าตนเอง ก้าวเดินต่อ สายตามองเห็นเงาตะคุ่มๆ กำลังคืบคลานบริเวณห้องรับรอง แว๊บแรกชายหนุ่มคิดว่าอาจเป็นขโมย แต่เมื่อก้าวเข้าหา ธานต์เมธาจึงเปลี่ยนความคิดใหม่ เมื่อร่างที่คลานเข่าหาของกลับมีทรวดทรงองเอวน่ามอง เท่านี้ก็รู้ได้ทันทีว่าใคร “นั้นใครกัน!” ชายหนุ่มแกล้งตะโกนถามเสียงลั่น ร่างบางสะดุ้งหยุดควานหาสร้อย พลางยืดตัวตรงด้วยความกังวล “ฉันเองค่ะ” ศศิรญารีบตอบ มือสั่น “ฉันน่ะใคร ไม่บอกชื่อจะรู้หรือไง!” คนถามย้อน “ศศิรญาเองค่ะ!” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเดินเข้าไปหาหญิงสาว หล่อนก้มหน้านิ่งไม่กล้าขยับไปไหนด้วยความกลัว “เธอมาทำอะไรที่ห้องรับแขกตอนดึกมิทราบ หรือคิดจะขโมยของบ้านฉันกันฮะ!” เสียงเข้มตวาด “ปะ...เปล่านะคะ ญาแค่มาหาของเท่านั้นค่ะ ไม่เคยคิดที่จะขโมยอะไรเลย” คนตัวเล็กรีบปฏิเสธ นี่เขาจะมายัดเยียดข้อหาแบบนี้ให้ได้อย่างไรกัน “ของอะไรของเธอ มีด้วยเหรอ เธอเพิ่งจะมาอยู่ไม่กี่วัน จะมาหาของในบ้านแล้วแบบนี้ จะให้ฉันเข้าใจว่ายังไงกัน!” “ญาแค่มาหาสร้อยคอเท่านั้นค่ะ สร้อยของญาหายไป ไม่ได้จะมาขโมยของอย่างที่คุณว่าเลยนะคะ” “ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่าก็หาต่อไปก็แล้วกัน แต่ฉันจะนั่งดูเธออยู่ที่นี่!” หันหลังแล้วหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟา กอดอกไขว่ห้างมองดู
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD