บทที่ 3

1153 Words
“ไม่พ้นเรื่องอย่างว่าเลยนะนายนะโม” รินรดาต่อว่าอย่างเหลืออด และก็ตั้งคำถามต่อให้คลายความสงสัยในตัวเพื่อนรัก “ว่าแต่นายไม่คิดจะหาผู้หญิงดีๆ เพื่อแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาบ้างหรือ” อธิศยักไหล่ใส่อย่างยียวน ก่อนจะเอ่ยตอบตามความจริงที่ตนคิดเช่นนั้น “ก็เรายังหาผู้หญิงที่สวย เก่ง ฉลาด และรักเดียวใจเดียวแบบนายหญิงไม่เจอ เราจึงครองตัวเป็นโสดอยู่จนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะ” ‘นายหญิง’ ที่อธิศได้กล่าวถึงด้วยความชื่นชมและอยากได้คู่ชีวิตที่สวยเก่งแบบนี้ก็คือ ‘พิมพ์นารา กุลธร’ ผู้เป็นภรรยาคู่ชีวิตของนายหัวราเมศวร์ กุลธร นั่นเอง นายหญิงพิมพ์นาราเป็นที่เคารพรักของทุกคนบนเกาะโกลด์ ออฟ เดอะ ซี รวม ถึงตัวอธิศด้วย ที่รักและเคารพนายหญิง ยกให้นายหญิงเป็นมารดาอีกคนของเขา ซึ่งเขาสามารถตายแทนนายหญิงพิมพ์นาราได้ เพราะนายหญิงเป็นคนช่วยชีวิตเขาในตอนเด็กให้พ้นจากมัจจุราช ในตอนนั้นเด็กชายอธิศลงเล่นน้ำทะเลกับรินรดาและเพื่อนๆ อีกหลายคน เด็กที่เติบโตมากับคลื่นลมทะเลไม่น่าจมน้ำได้ ถ้าหากไม่ถูกอาการตะคริวเล่นงาน และนายหญิงพิมพ์นาราก็เป็นคนที่กระโจนลงน้ำเพื่อช่วยให้เด็กชายคนนี้รอดพ้นจากเงื้อมมือของมัจจุราชร้าย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เด็กชายอธิศก็รักนายหญิงพิมพ์นารายิ่งกว่าชีวิต และตั้งปณิธานไว้ว่าหากเขาโตขึ้น เขาจะหาผู้หญิงที่เก่ง ฉลาดและกล้าหาญเด็ดเดี่ยวแบบนายหญิงพิมพ์นาราเป็นคู่ชีวิตของเขา แต่...อายุปาเข้าไป 28 ปีแล้ว เขาก็ยังไม่พบกับผู้หญิงผู้นั้นสักที จึงต้องครองตัวเป็นโสดอยู่เคียงคู่กับเพื่อนรักอย่างรินรดามาจนถึงทุกวันนี้ ได้ยินคำตอบจากเพื่อนรักแล้ว รินรดาก็พยักหน้าหงึกๆ ไม่คิดถามอีกแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่อยากแต่งงานสักที จากนั้นก็เอ่ยบอกถึงความรู้สึกของตนบ้าง “เราอยากแต่งงานมีครอบครัวเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แต่เรายังไม่เจอใครที่เหมือนนายหัวราเมศวร์สักคน” “เรารู้ เธอได้อยากผัวแบบนายหัวราเมศวร์” อธิศสัพยอกกลั้วเสียงหัวเราะ และรินรดาก็มองค้อนตาคว่ำ ก่อนจะต่อว่ากลับคืน “แหม! นายนี่ปากจัดจริงๆ เรียกว่าสามีก็ได้นะนายนะโม” “เออ...สามีก็สามี ว่าแต่คำว่าผัวกับสามีความหมายมันต่างกันไหม” อธิศรับคำและเอ่ยถามกลับกลั้วหัวเราะ รินรดาถลึงตาใส่พร้อมกับต่อว่าอย่างเหลืออด “มันก็เหมือนกันนั่นแหละ แต่จะขอบคุณเป็นอย่างมาก ถ้าหากนายนะโมจะพูดจาให้เข้าหูสุภาพสตรีสักหน่อย” อธิศถึงกับหลุดเสียงหัวเราะดังลั่นกับคำเหน็บแนมจากรินรดา และด้วยขับเรือจากแผ่นดินใหญ่มาถึงท่าเรือบนเกาะโกลด์ ออฟ เดอะ ซี แล้ว จึงดับเครื่องยนต์ ทิ้งสะมอเรือลงสู่น้ำทะเล และดึงเชือกมัดเรือไว้กับเสาบนท่าเรือด้วย จากนั้นก็ขึ้นจากเรือเป็นคนแรกแล้วยื่นมือรอรับรินรดาที่กำลังจะก้าวขึ้นจากเรือ พอเพื่อนรักยืนอยู่บนท่าเรือได้แล้ว ก็เอ่ยพูดต่อว่า “ใครๆ ก็รู้ว่าเธออยากเป็นเจ้าสาวของนายหัวราเมศวร์ เพราะเธอรักนายหัวมาก” รินรดาพยักหน้ารับ พลางเอ่ยพูดถึงนายหัวราเมศวร์ด้วยน้ำเสียงยกย่องเป็นที่สุด “ใช่ ฉันรักนายหัวราเมศวร์มาก เพราะนายหัวขอฉันมาเลี้ยง ถ้าไม่ได้นายหัวราเมศวร์ก็คงไม่มีรินรดาจนถึงทุกวันนี้ นายหัวเป็นผู้ชายที่อบอุ่น อ่อนโยน แต่ขณะเดียวกันนายหัวก็เด็ดเดี่ยวเด็ดขาดเรื่องการปกครองลูกน้องบนเกาะ” “และที่สำคัญ... ตีนหนักด้วย” อธิศหัวเราะร่วนขณะเอ่ยบอก จากนั้นก็เดินคู่กับรินรดาตรงไปยังบ้านพักของนายหัวราเมศวร์และนายหญิงพิมพ์นารา เพื่อรายงานให้ทั้งสองรู้ว่าตนกับรินรดาได้กลับมาจากแผ่นดินใหญ่แล้ว “ที่โดนตีนของนายหัว เพราะพากันแอบหนีไปเที่ยวผู้หญิงบนแผ่นดินใหญ่ ใช่ไหมละ” รินรดาต่อว่าอย่างรู้ทัน และอธิศก็พยักหน้าหงึกๆ รับคำโดยไม่คิดปฏิเสธ จนริน รดาต้องต่อว่าต่อด้วยความหมั่นไส้ “ก็สมควรแล้วที่พวกนายจะโดนตีนของนายหัว” “แหม! ก็ต้องมีบ้างสิ เพื่อจะได้ระบายความใคร่ ไม่ยังงั้นได้จุกอกแตกตายแน่ๆ” อธิศหัวเราะร่วน เห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่หนุ่มโสดอย่างพวกเขาจะไปหาความสำราญกับสาวบริการบนแผ่นดินใหญ่ และเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็หยุดเดินอย่างกะทันหันแล้วเอ่ยถามรินรดาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เธอยังไม่เจอเนื้อคู่สักที แต่นายนะโมยังว่างนะ เธอแต่งงานกับเราไหมละน้ำขิง” “กับนายนี่นะ นะโม!” รินรดาถามเสียงสูงขณะชี้นิ้วไปยังคนเสนอความเห็น ที่ไม่น่าทำตามเลยแม้แต่นิดเดียว และอธิศก็พยักหน้ารับรัวเร็ว พลางยืดอกผึ่งผายขณะบอกต่อราวกับเป็นการเสีย สละหนักหนา “ใช่! แต่งงานกับเรา ในเมื่อเธอหาเจ้าบ่าวไม่ได้สักที และกลัวว่าจะต้องขึ้นคานเป็นการถาวร เราก็จะเป็นเจ้าบ่าวให้กับเธอเอง” “โอ๊ยย ไม่เอาหรอก” รินรดาร้องเสียงหลงดังกว่าเดิม โบกมือปฏิเสธว่อนเมื่อบอกว่า “ฉันเห็นนายมาตั้งแต่เด็ก เห็นไส้เห็นพุงหมดแล้ว ฉันแต่งงานกับนายไม่ลงหรอก” “ฮ่าๆๆๆ...” อธิศแหงนศีรษะหัวเราะร่วนเสียงดัง เอ่ยตอบกลับคืนทั้งๆ ที่ยังหัวเราะไม่หยุด “ฉันก็เหมือนกัน ฉันเห็นเธอตั้งแต่เด็ก แก้ผ้าเล่นน้ำทะเลด้วยกันทุกวัน ฉันเห็นสัดส่วนของเธอหมดแล้ว ฉันเอาเธอเป็นเจ้าสาวไม่ลงเหมือนกัน” “ไอ้นะโม! ฉันจะฟ้องนายหญิง ฟ้องนายหัวราเมศวร์ว่านายพูดหยาบคายกับฉัน” รินรดาร้องกรี๊ด วิ่งไล่ทุบอกของอธิศด้วยความโมโหที่อีกฝ่ายพูดให้เธอต้องอาย อธิศวิ่งหนีพอเป็นพิธี พอรินรดาวิ่งไล่ทันก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทุบหลังสักสองทีให้พอหายแค้น จากนั้นก็ตอบตามความเป็นจริง โดยดวงตาทั้งคู่ยังคงจ้องมองรินรดาด้วยแววตาอบอุ่นแบบพี่ชายตัวโตที่รักน้องสาวตัวเล็ก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD