“คนอย่างมึงไม่ควรทำพลาด”
ร่างใหญ่นั่งเด่นเป็นสง่าดั่งพญาราชสีห์อยู่กลางห้องทำงานที่มักไม่ค่อยได้ใช้งาน เพราะทุกครั้งที่มาที่นี้เขาจะมาเพื่อพักผ่อนเท่านั้น ด้วยที่นี้มีลูกน้องที่ไว้ใจได้คอยดูแลงานแทนเขาแทบทุกอย่าง แต่วันนี้มันกลับทำพัง
มือใหญ่ตบฉาดเต็มแรงลงบนโต๊ะทำงานที่ทำจากไม้สักทองทั้งต้น เสียงนั้นดังสนั่นจนเหล่าลูกน้องสะดุ้งตาม
“มันมากันเป็นแก๊งครับ วางแผนกันมาอย่างดี”
ก็คงยกเว้นอาซาน เขากลับไม่ตกใจอะไร นั่งคุกเข่าก้มหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากกำลังสำนึกผิดในสิ่งที่ตนเองทำพลาดอย่างที่ไม่น่าพลาด
“แล้วมึงไม่มีแก๊งที่จะสู้กับมันหรือไง”
มือหนาที่เพิ่งจะฝาดลงบนโต๊ะกำเข้าหากันแน่น ลังเลว่าจะหยิบปืนออกมายิงคนตรงหน้าเลยดีไหมทั้งที่ไม่เคยลังเลเรื่องใดมาก่อนก็เพราะอาซานทำงานดีมาตลอดไม่เคยพลาด บ่อนของเขาได้กำไรปีละนับไม่ถ้วนก็เพราะอาซาน
“มันส่งไอ้ใบ้มาป่วน คนของเราบางส่วนต้องเขาไปจัดการกับไอ้ใบ้ครับ”
อาซานพูดไปตามความจริงด้วยใบหน้าเรียบเฉย ความตายกับเขานั้นเป็นของคู่กัน เขาไม่เคยกลัว แต่ก่อนตายขอพูดความจริงก่อน
ตอนหัวค่ำทุกอย่างในบ่อนที่ตั้งอยู่ด้านหลังไร่ฉายตะวันทางทิศตะวันตกเป็นไปตามปกติ มีคนเข้าออกมาเสียเงินมากมาย ทั้งคนในพื้นที่และคนต่างถิ่น แต่เหตุการณ์มันเริ่มไม่ปกติขึ้นมาก็ตอนใกล้เที่ยงคืน ไอ้ใบ้ชายเกือบชราที่อาศัยที่ดินรกร้างห่างออกไปจากไร่ฉายตะวันไม่มากอยู่อาศัยกินเหล้าเมามายจนสิ้นสติหลงลืมว่าตัวเองเป็นใคร เดินเข้ามาในบ่อนแล้วทำความวุ่นวายให้กับคนที่เดินเข้ามาใช้บริการของบ่อน จนพนักงานในบ่อนที่มีหน้าที่หลักคือยืนคอยสังเกตการณ์ไม่ให้มีใครมาแอบโกงเงินไปจากบ่อนได้ ต้องมาวิ่งไล่จับไอ้ใบ้กันแทน
ช่วงเวลาชุลมุนนั้น ทำให้แก๊งล่าเงินในบ่อนเริ่มทำงาน ใช้กลอุบายต่างๆตามโต๊ะพนันที่กระจายกันเล่นอยู่ จนได้เงินรางวัลเป็นที่น่าพอใจสำหรับแก๊งมัน แล้วพากันแลกเงินหลบหนีหายไปอย่างที่ยังไม่มีใครดมกลิ่นตามได้
“มึงไปลากคอไอ้ใบ้มา”
ใบหน้าดุดันพร้อมกับน้ำเสียงที่ดุดันไม่แพ้ใบหน้าหันไปสั่งการลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
ลูกน้องที่กลัวนายจะโยงเอาไปรับผิดร่วมกับคนที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น รีบวิ่งลนลานออกไปยังจุดหมายที่เจ้านายสั่งมา
“ลุงใบ้”
ไม่นานนักใบ้คนที่สิงหราชต้องการตัวก็มาถึง แต่กลับไม่ได้มาคนเดียว มือข้างซ้ายหนึ่งของใบ้ถูกลูกน้องของสิงหราชจับไว้มั่นแล้วฉุดกระชากให้เดินตามมา ส่วนมือข้างขวาของใบ้นั้นจับแขนของหลานสาวฉุดกระชากลากถูตามมาติดๆ เหมือนเล่นชักเย่อกันยังไงอย่างงั้น
ทั้งหมดอยู่ในสายตาของสิงหราช มันทำให้เขาไม่พอใจเพิ่มมากขึ้นแล้วพาลหยิบปืนขึ้นมาเล็งไปที่ไอ้ใบ้ตัวก่อเรื่อง
“อย่าฆ่าลุงนะ”
ร่างบางที่อยู่ในชุดทำงานและไม่เต็มใจมา ด้วยวันนี้ยังไม่มีเงินเข้ากระเป๋าเลยแม้แต่บาทเดียวคงไม่มีเงินจ่ายค่าเหล่าให้ลุงแน่ๆ รีบวิ่งมาขวางทางปืนอย่างไม่เกรงกลัวอะไรเพราะทั้งชีวิตของเธอมีแค่ลุงใบ้เพียงคนเดียว เธอจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายลุง
“เอาเด็กออกไป”
ร่างบางที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตแขนยาวตัวโคร่งแต่มันสกปรกเสียจนระบุสีไม่ได้กับกางเกงวอร์มของนักเรียนถูกพาตัวออกไปอีกรอบ ทุกอย่างรวดเร็วปานคำสั่งที่ถูกประกาศดังออกมาจนเด็กสาวตั้งรับไม่ทัน ถูกลากออกไปแต่โดยดีไม่มีการขัดขืนใดๆ
”อะไรของมัน”
แต่ความวุ่นวายก็ดูเหมือนมันจะไม่จบไม่สิ้น ไล่เด็กออกไปได้ สิงหราชก็ต้องมาปวดหัวต่อกับท่าทางใบ้คำของไอ้ใบ้ต่อจนต้องพึ่งพาอาซานที่น่าจะคุ้นชินกับท่าทางนี้
“ไอ้ใบ้มันจะเอาหลานมาใช้คืนแทนเงินครับ มันบอกว่าหลานมันจะรับใช้นายเป็นอย่างดีครับ”
“กูต้องการเงินของกูคืน ไม่ใช้กองขยะเคลื่อนที่แบบนั้น”
สิงหราชตวาดลั่นพร้อมกับกดปลายกระบอกปืนไปที่หัวของใบ้ เขาเป็นนักธุรกิจทุกๆการต่อรองต้องสมเหตุสมผล แต่ดูสิ่งที่ไอ้ใบ้มันทำช่างเหยียดหยามเงินของเขาเสียเหลือเกิน
“ปล่อยหนูนะ”
ชมจันทร์ใช้สายตาที่อยู่ในดวงตากลมๆของเธอมองลอดผมหน้าม้าที่ตัดมาเมื่อปีกลายไปยังห้องใหญ่ที่เพิ่งจะถูกลากออกมา เธอยังคงเห็นปืนอยู่ในมือของคนตัวใหญ่และนั้นทำให้เธอห่วงคนเป็นลุงจนต้องดิ้นพล่านให้หลุดออกจากมือของคนที่จับตัวเธอเอาไว้
“ไปทำอะไรมาวะ ทำไมตัวเหม็นแบบนี้”
เคิร์ฟลูกน้องฝีมือดีที่สิงหราชมักเรียกใช้งานอยู่บ่อยๆ ถึงกับต้องปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากเด็กสาวที่กำลังดิ้นเอามาปิดจมูก ในทีแรกที่เขาจับตัวเด็กสาวมีกลิ่นเหม็นๆโชยออกมาจากตัวเธอแต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าใช่ไหมแต่ตอนนี้แน่ใจแล้ว
“ก็บอกให้ปล่อยหนู”
ชมจันทร์เด็กสาวที่อายุเพียงสิบห้าปีย่างสิบหกไม่ได้สนใจคำพูดของคนที่จับตัวเธอเอาไว้พยายามแกะมือหนาๆออกจากแขนของเธอต่อ ตัวเธอมันเหม็นก็เป็นเรื่องปกติเพราะเธอนั่งแยกขยะทั้งวันและก็เกือบจะทั้งคืนด้วย ไม่เหม็นไม่สกปรกก็แปลกแล้ว
“เงินที่เขาจ้างมึง มันคุ้มไหมกับการที่มึงต้องตาย”
ปืนยังคงอยู่ตรงที่เดิม ตรงหัวของใบ้ ไม่ขยับไปไหน และเตรียมแล้วที่จะลั่นไกปืนโดยเจ้าของปืน
“ผมผิดเองครับนาย”
อาซานผู้ไม่เคยกลัวตายด้วยเขานั้นเรียกได้ว่าเฉียดเข้าใกล้ความตายมาแล้วนับไม่ถ้วน จับปลายกระบอกปืนที่คนเป็นเจ้านายถืออยู่ให้หันมาหาหัวของตัวเอง เขาไม่เคยสงสารใครแต่กับใบ้มันอดไม่ได้ด้วยสงสารเด็กสาวตัวสกปรกที่มักมาขอขวดขอกระดาษที่ทิ้งแล้วเป็นประจำคนนั้น จะอยู่กับใครถ้าคนเป็นลุงไม่อยู่แล้ว
“ไอ้อาซาน มึงเลือกเองนะ”
สิงหราชถึงกับถอนหายใจทิ้ง ลำบากใจมากแค่ไหนที่ต้องฆ่าลูกน้องที่ดีคนหนึ่ง แต่เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดเป็นแบบอย่างให้ลูกน้องคนอื่นๆได้ดู จะได้ไม่ทำงานพลาดอีก
“อย่าฆ่าลุงนะ”
ชมจันทร์เด็กสาวตัวจ้อยร่อยที่มีกลิ่นเหม็นติดตัวเป็นเอกลักษณ์เนื่องจากวันๆอยู่แต่กับขยะ แกะมือจากคนตัวยักษ์ด้านนอกได้ก็วิ่งตัวปลิวกลิ่นโชยเข้ามาในห้องเดิมที่เคยเข้ามาแล้วทันที
เธอผลักคนตัวใหญ่ที่ถือปืนเต็มแรง ร่างกายผอมบางของเธอกระเด็นออก ล้มลงก้นกระแทกอย่างแรงราวกับวิ่งไปชนกำแพงหน้าสิบนิ้ว
“นี่เธอ”
สิงหราชถึงกับผงะ ไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เพราะกลิ่นเหม็นและก็สองมือเปื้อนๆของเด็กตัวสกปรก
เสื้อเชิ้ตตัวงามของเขา ที่สั่งตัดพิเศษ สีฟ้าออกขาว เลอะเทอะเต็มไปด้วยรอยฝ่ามือของเด็กตัวเหม็น
“ลุงใบ้กลับบ้านกัน อย่าจับหนูนะ ปล่อยนะ”
ชมจันทร์ไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว พอเธอตั้งหลักลุกขึ้นได้ก็รีบเข้าไปคว้าตัวลุงใบ้ของเธอให้ลุกขึ้น รีบไปจากที่นี่ก่อนที่จะกลายเป็นศพ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเหล้า
แต่มันไม่ง่ายเลย เพราะมีกลุ่มผู้ชายร่างใหญ่ที่แต่งตัวด้วยชุดสีดำๆเข้ามาจับตัวเธอเอาไว้ พยายามแยกตัวเธอให้ออกห่างจากตัวลุงใบ้ของเธอ