เช้าวันใหม่ที่ดวงตะวันเริ่มสาดส่องแสงสีทองแล้ว แต่มีหนึ่งชีวิตกำลังมืดมนไม่รู้จะไปทางไหนตั้งแต่ก้าวเดินออกจากไร่ฉายตะวันมา ชมจันทร์เดินเท้าไปเรื่อยๆตามถนนเส้นที่ไม่ค่อยคุ้นเคย ด้วยตลอดเวลาที่อยู่ในไร่เธอออกมานอกไร่นับครั้งได้
แต่มันก็เหมือนมีแสงสว่างสำหรับชีวิตของเธอขึ้นมานิดๆ มีรถคันหนึ่งผ่านมา สาวน้อยตัดสินใจโบกรถคันนั้นทั้งที่ในใจก็หวั่นว่าอาจเจอคนไม่ดีแต่มันก็ไม่มีทางให้เลือกมากนัก
รถกระบะที่บรรทุกของมาอย่างหนักเบรกรถดังเอี๊ยดจนเกิดรอยล้อลากเป็นทางยาวไปกับถนน ไปจอดนิ่งสนิทห่างออกไปจากที่ชมจันทร์ยืนอยู่อีกหลายก้าว
"จะไปไหนล่ะนังหนู"
เจ้าของรถเลื่อนกระจกลง โผล่หน้ายื่นออกมานอกรถ พร้อมกับตะโกนถามเสียงดังลั่นถนนราวกับเป็นเจ้าของถนน
"แล้วลุงกับป้าจะไปไหนล่ะจ๊ะ"
ชมจันทร์เห็นท่าทางใจดีของเจ้าของรถก็รีบวิ่งมาตรงที่รถจอด แต่เธอกลับไม่รู้ว่าจะไปไหนเพราะเธอไม่มีที่จะไปแล้ว ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีบ้าน
"เอาผักไปส่งในตลาดใหญ่นู้นแน่ะ”
ลุงคนขับรถแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของรถรีบพูดก่อนที่คนเป็นเมียจะแย่งพูดเหมือนเมื่อตะกี้อีก
"หนูก็จะไปตลาดเหมือนกันจ้ะ"
คนไม่รู้จะไปไหนพอได้ยินคำว่าตลาดก็พอยิ้มออกมาได้บ้างเพราะที่นั้นเธอเคยไป มันค่อนข้างเจริญเอามากๆ พอไปถึงที่นั้นคงจะพอทำให้เธอคิดได้เองว่าจะต้องทำยังไงต่อไป
"งั้นขึ้นมาๆ ทางเดียวกันไปด้วยกัน"
ป้าเจ้าของรถรีบเปิดประตูรถต้อนรับหญิงสาว พร้อมกับขยับก้นเข้าไปชิดด้านในเพื่อให้หญิงสาวเข้ามานั่งร่วมกันได้
"เป็นไงมาไงถึงมาเดินอยู่คนเดียวแบบนี้ แถวนี้มันเปลี่ยวจะตาย อันตรายทั้งนั้น"
รถกระบะที่เต็มไปด้วยผักเริ่มเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายปลายทางที่อยู่ห่างออกไปอีกห้าสิบโลอย่างช้าๆ เพราะรถทั้งเก่าและก็หนักทำให้วิ่งเร็วไม่ได้ ลุงคนขับเลยก็เลยนึกเหงาปากถามไถ่ความเป็นมาของหญิงสาวที่เพิ่งรับขึ้นรถมา
"คือหนู"
ชมจันทร์อ่ำอึ้งที่จะตอบคำถาม ไร่ฉายตะวันเป็นที่รู้จักของคนแถวนี้ถ้าเธอพูดความจริงว่าเธอเป็นใครมาจากไหนและทำความผิดอะไรอาจจะไม่มีใครใจดีกับเธอก็เป็นได้
"ไอ้แก่ถามมากจริง สาระแนนักเรื่องของคนอื่น"
ป้าเจ้าของรถมองหน้านังหนูที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นแววตาเศร้าสร้อยคลายจะร้องไห้ก็อดสงสารไม่ได้ หันไปตบไหล่ผัวตัวเองเสียหนึ่งฉาดโทษฐานปากมากไม่เข้าเรื่อง
"เอ้า ก็ข้าเป็นห่วงอีหนูมัน"
"เป็นห่วงก็ไม่ต้องถาม หุบปาก"
ป้าเจ้าของรถหันมาโอบไหล่หญิงสาวเบาๆ เธอไม่รู้ว่าหญิงสาวนี้เจออะไรมาบ้างแต่คงเป็นเรื่องไม่ดีนัก ช่างน่าสงสารเสียจริงตัวแค่นี้ต้องมาเจอเรื่องให้ต้องทุกข์ใจ
แล้วรถทั้งคันก็เงียบสนิท มีเพียงเสียงจากวิทยุตัวเก่าประจำรถเท่านั้นที่ส่งเสียงขับขานทำลายความเงียบ
"ขอบคุณลุงกับป้ามากนะจ๊ะ"
"โชคดีนะนังหนู"
ชั่วโมงๆกว่ารถขนผักก็มาถึงที่หมาย ชมจันทร์ช่วยลุงกับป้าขนผักไปส่งคนในตลาด พอเรียบร้อยดีหญิงสาวก็ขอแยกตัวออกมาเพราะเธอยังต้องคิดหาหนทางต่อไปว่าควรจะทำยังไงดีต่อจากนี้ไป
"เดือนละสองพัน ถ้าจะอยู่ก็จ่ายเลย"
หน้าห้องเช่าที่อยู่ด้านหลังตลาด ลูกชายของเจ้าของห้องเช่ากำลังแบมือเรียกเงินจากหญิงสาวแปลกหน้าที่มาขอเช่าห้อง และก็กำลังเรียกเกินราคาเพื่อจะแบ่งเอาเงินไปเล่นเกมและอีกส่วนเอาไปให้แม่
"นี่จ๊ะ"
ชมจันทร์ควักเงินเก็บที่มีติดตัวมาไม่มากส่งให้เด็กหนุ่มเพื่อแลกกับที่ซุกหัวนอน มันค่อนข้างแพงทั้งที่ห้องออกจะเล็กนิดเดียวแต่เธอก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนได้อีกแล้วเพราะตั้งแต่แยกกับลุงและป้าที่ตลาดในตอนเช้าเธอก็เดินหาที่พักมาเรื่อยๆมันก็เต็มหมดจนตอนนี้บ่ายคล้อยแล้ว ถ้าไม่ตัดสินใจเช่าที่นี่เธอก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะไปนอนที่ไหน
"อ่ะ กุญแจ"
"ขอบใจจ๊ะ"
รับกุญแจมาจากเด็กหนุ่มก็รีบเปิดประตูเข้าห้องทันที แถวนี้แปลกที่แปลกทางไปหมดรวมไปถึงผู้คนด้วย บางคนจ้องมองเธออย่างไม่วางตา บางคนซุบซิบเธอเมื่อเธอเดินผ่าน มันทำให้เธอไม่อยากอยู่ข้างนอกนี่นานๆ
"เพิ่งมาอยู่ใหม่เหรอ"
ประตูห้องเช่ากำลังจะปิดลงแต่มือเล็กที่ทาเล็บสีแดงสดจับไว้ทัน และด้วยความที่เป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดีเจ้าของเล็บแดงก็รีบยื่นหน้าเข้าไปในประตู
"จ๊ะ"
ชมจันทร์ตกใจไม่น้อย แต่ก็โล่งอกที่ไม่ใช่ผู้ชายมาดึง อย่างน้อยก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆเหมือนกัน คงไม่มีอันตรายอะไรมาถึงตัว
"ฉันชื่อขวัญแก้ว แต่เรียกขวัญก็พอ ฉันอยู่ห้องข้างๆนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักนะ"
ขวัญแก้วยิ้มแย้มไปแนะนำตัวเองไป เธอพยายามทำตัวเป็นมิตร เพราะคนละแวกนี้ไม่ค่อยมีใครคบค้าสมาคมกับเธอ
"ฉันชื่อกระต่าย ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน"
ชมจันทร์เห็นท่าทีไม่มีผิดมีภัยของอีกคนก็วางใจ แนะนำตัวเองกลับไปเพราะก็ดีเหมือนกันถ้าจะได้มีเพื่อนข้างห้องมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน
"เดี๋ยววันหลังมาคุยด้วยใหม่นะ วันนี้ฉันไปทำงานก่อน รถมารับแล้ว"
งานที่ขวัญแก้วพูดถึงอันที่จริงมันไม่ใช่งานแต่มันได้เงิน นอกจากเธอจะเป็นพนักงานเรียกแขกที่ร้านเหล้าแล้วเธอยังเป็นเด็กเสี่ยที่ต้องเอาร่างกายแลกเงินมาอีกด้วย มันไม่ได้น่าภูมิใจจนคนแถวนี้เขารังเกียจเธอแต่ทำยังไงในเมื่อเธอเลือกเดินทางนี้แล้ว
"จริงสิ เราคงต้องหางานทำเหมือนกัน"
ชมจันทร์มองตามขวัญแก้วเพื่อนใหม่ของเธอและนึกถึงตัวเองที่ยังไม่มีงานทำเลย เงินเก็บที่มีติดตัวมากก็เหลือไม่มากจะอยู่ได้กี่วันก็ไม่รู้ เพราะตอนอยู่ที่ไร่ฉายตะวันเธอไม่ได้รับเงินเดือนจะมีก็แต่เพียงเงินที่อาซานและเกศรินให้เป็นรางวัลพิเศษเท่านั้น
"หางานทำเหรอ"
ขวัญแก้วเปิดประตูห้องเช่าออกมาตอนเที่ยงหวังจะไปหาอะไรกินแก้หิว เห็นชมจันทร์กำลังยืนรอรถโดยสารอยู่พอดีเลยเข้าไปถามไถ่ตามประสาเพื่อน แต่พอรู้เรื่องแล้วก็เหมือนจะต้องคุยกันนานก็เลยพาชมจันทร์มาเลี้ยงข้าวกลางวันด้วยเลย จะได้กินไปคุยไป
"ใช่ ขวัญช่วยฉันได้ไหม"
ชมจันทร์ไม่รู้จะไปพึ่งพาใครเพราะเธอก็เหมือนตัวคนเดียว จะติดต่อกลับไปหาเกศรินกับอาซานก็ไม่ได้กลัวสองคนนั้นจะเดือดร้อน ก็คงมีเพียงขวัญแก้วที่เธอเพิ่งจะรู้จักได้สองวันคนนี้แหละ ถึงมันจะไม่เหมาะที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานก็ขอความช่วยเหลือกันเสียแล้วก็ตาม
"ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักใครหรอก แต่จะดูงานในห้างให้ก็แล้วกันนะ"
ขวัญแก้วเป็นคนต่างถิ่นมาอาศัยอยู่ที่นี่(เธอเลยไม่ค่อยรู้จักใครนอกจากคนในร้านเหล้าที่เธอทำงานด้วย และก็ในห้างที่เธอไปเดินเที่ยวเกือบทุกวัน ใจก็อยากช่วยแต่มันก็จนปัญญา
"นานไหม"
ชมจันทร์เหลือเงินเก็บไม่มาก มันพอกินไปอีกหลายวัน แต่ถ้าเธอยังหางานไม่ได้ภายในวันสองวันนี้พอสิ้นเดือนเธอจะไม่มีเงินจ่ายค่าห้องเช่า
"เธอเดือดร้อนเรื่องเงินเหรอ งั้นเอาของฉันไปใช้ก่อน ได้งานแล้วค่อยเอามาคืน"
ขวัญแก้วค่อนข้างถูกชะตากับชมจันทร์ เธอยินดีช่วยเพื่อนคนนี้ทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเงินทั้งที่ปกติไม่เคยให้ใครยืม
"ไม่เอา ฉันเกรงใจ"
ชมจันทร์ส่ายหน้าจนผมปลิว แค่ขอความช่วยเหลือจากขวัญแก้วแค่นี้ก็มากพอแล้ว อย่าให้ขวัญแก้วช่วยอะไรเธอมากไปกว่านี้เลยเธอไม่รู้ว่าจะตอบแทนขวัญแก้วยังไง
"งั้นเอางี้ คืนนี้ไปกับฉัน ฉันจะพาไปฝากทำงานกับเจ้ แต่ลำบากหน่อยนะเพราะน่าจะได้แค่พวกตำแหน่งเก็บกวาด"
"ทำอะไรก็ได้ ฉันไม่เกี่ยงอยู่แล้ว"
"แล้วฉันจะหางานสบายๆให้กับเธอนะ ทนลำบากไปก่อน กินข้าวได้แล้วไม่ต้องเครียดแล้ว"
"ขอบใจมากนะขวัญ"
ชมจันทร์ยิ้มออกในรอบสองวันถึงจะไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุขมากนักแต่ก็ไม่อมทุกข์มากมายเหมือนวันก่อนๆ ชีวิตเธอเริ่มมีเรื่องดีๆเข้ามาบ้างแล้วถึงจะเล็กน้อยและดูน่าจะลำบากเอามากๆแต่มันก็ยังดีกว่าที่จะไม่มีหนทางอยู่รอดในโลกภายนอกนี่เลย
"หน้าตาดี รูปร่างใช้ได้ พวกเสี่ยๆกำลังนิยม เอาค่านายหน้าเท่าไหร่ก็ว่ามาอีขวัญ กูจ่ายไม่อั้น"
โสภาเจ้าของร้านเหล้าที่ขวัญแก้วทำงานอยู่ จ้องมองหญิงสาวที่ขวัญแก้วพามาฝากเข้าทำงานไม่วางตาเพราะเธอไม่เคยเห็นใครสวยเท่านี้มาก่อนตั้งแต่มีอาชีพเป็นแม่เล้า
"ไม่ขาย คนนี้เพื่อนฉันนะเจ้ แค่มาของานเจ้ทำเห็นว่าเจ้ขาดคนปัดกวาดเช็ดถู"
ขวัญแก้วถอดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะขยับตัวมายืนบังไม่ให้โสภามองเพื่อนของเธอที่เธอนั้นให้นั่งรออยู่ห่างๆเพราะกลัวว่าเพื่อนจะรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านเหล้าทั่วๆไปมันยังเป็นซ่องอีกด้วย
"เสียของหมด"
"ถ้าเจ้ไม่รับก็ตามใจ ฉันจะพากลับ แล้วก็กวาดร้านล้างแก้วล้างจานเองก็แล้วกัน"
ขวัญแก้วต่อรองอย่างรู้ทัน ด้วยทุกวันตอนเลิกงานเธอจะเห็นโสภาเก็บแก้วเหล้าไปล้างเองอยู่เป็นประจำ เพราะหาลูกจ้างมาทำงานนี้ไม่ได้หรือหามาได้ก็ทำแค่วันสองวันแล้วก็ขยับฐานะขึ้นไปอยู่ที่ชั้นสองของร้านซึ่งได้เงินดีกว่าสบายกว่า
"รับสิวะ ให้วันละห้าร้อย มาทำงานตั้งแต่สี่โมง ปัดกวาดเช็ดถูกให้ทั่วชั้นล่างนี้ ส่วนชั้นบนไม่ต้องยุ่งแล้วก็รอร้านปิดล้างแก้วล้างจานแค่นั้น"
โสภาหยิบเงินออกมาจากระเป๋าสะพายใบใหญ่ จ่ายค่าแรงทันทีด้วยมันคือกฎของที่นี่เพราะนอกจากจ่ายเงินทันทีในแต่ละวันแล้ว ที่ร้านของเธอก็ไม่มีสวัสดิการอะไรให้กับพนักงานอีกเลย
"ก็เท่านั้น"
ขวัญแก้วคว้าเงินในมือของโสภามาอย่างไว ต่างคนก็ต่างรู้ทันกัน
"กระต่ายไปกันเถอะ เจ้เขารับกระต่ายแล้ว เราไปดูสถานที่ทำงานกัน"
ขวัญแก้วส่งเงินค่าแรงให้กับชมจันทร์ แล้วรีบพาเดินไปยังหลังร้านเพื่อหลีกหนีให้พ้นสายตาของโสภากับบรรดาลูกน้องที่ทำตัวเหมือนแมงดา
"ขอบคุณนะคะ"
ชมจันทร์ไหว้เจ้าของร้านอย่างนอบน้อมเหมือนที่เธอเคยทำ ขอบคุณที่ให้โอกาสกับเธอ
"เสียดายฉิบหาย มึงดูๆท่าทางเรียบร้อยแบบนั้นพวกเสี่ยจะทุ้มให้ไม่อั้นแค่ไหน อีขวัญอีโคตรโง่"
โสภามองตามพนักงานล้างจานล้างแก้วคนใหม่อย่างนึกเสียดาย นี่ถ้าเธอได้มาขายให้กับเสี่ยรวยๆคงได้เงินเกือบแสน
"อีขวัญมันไม่ขาย เจ้ก็จัดการเองจะไปผ่านอีขวัญมันทำไม"
โก้แมงดาเบอร์หนึ่งของร้านเหล้า วันๆไม่ทำอะไรนอกจากช่วยโสภาหาผู้หญิงมาขาย และก็แบมือขอเงินเมียที่ก็ขายตัวอยู่ด้านบนของร้านนี้รีบสนับสนุนโสภาเพราะมองเห็นช่องทางที่จะได้เงิน
"อีขวัญมันตัวเรียกแขก กูไม่อยากขัดใจมัน เกิดแขกหายความฉิบหายมาเยือนแน่ ไปๆแยกย้ายทำงาน"
โสภาจำต้องเก็บความคิดดีๆลงกระเป๋าไป ยอมเสียเงินก้อนโตดีกว่าต้องเสียเงินรายวันที่จะเข้ากระเป๋าทุกวัน มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง