ณ โรงพยาบาล สองชั่วโมงให้หลัง
คนป่วยลืมตาขึ้นมาช้าๆ มึนงงไม่น้อยเมื่อพบว่าตัวเองมิได้อยู่ที่ที่ทำงาน เสียงฝีเท้าคนแว่วเข้าหู เธอหันไปตามเสียงนั้น แลเห็นร่างสูงของมาร์คินกำลังยืนคุยโทรศัพท์
“ครับอานุช ยกเลิกประชุมตลอดทั้งบ่ายนี้ครับ ผมคงไม่เข้าไปอีก ครับ...ธุระด่วนจริงๆ พริ้มเพราอยู่กับผม ยังไงอานุชช่วยเข้าไปเคลียร์เอกสารบนโต๊ะให้ผมด้วย ผมพิจารณาและเซ็นแล้ว แจกจ่ายให้กับหัวหน้าฝ่ายไปดำเนินการได้เลย ครับๆ สวัสดีครับ”
“ฉันคงไม่ใช่ธุระด่วนของคุณใช่ไหมคะ”
พริ้มเพราพยายามลุกขึ้นนั่ง มีสายน้ำเกลือห้อยร้อยหลังมือของเธออยู่
“บังเอิญใช่ล่ะที่รัก ไหนดูซิ ไข้ลดหรือยัง” ไม่ว่าเปล่าๆ แต่เดินมาหาแล้ววางมือบนหน้าผากคนป่วย พริ้มเพราหน้าแดงซ่าน ยอมรับว่าแพ้ความอ่อนโยนของพวกผู้ชาย
“ฉันไม่ได้ชื่อที่รัก ฉันชื่อพริ้ม” บอกเขาชัดๆ ยกมือข้างหนึ่งคลึงขมับเมื่อมันปวดตุบๆ
บอสมาร์ไม่ใส่ใจ ใครเคยอยู่บนเตียงเขา เขาก็เรียกที่รักหมดนั่นแหละ
“ขอโทษที่ทำให้คุณต้องเป็นไข้”
“ไม่ใช่เพราะคุณสักหน่อย ฉันก็เป็นไข้ไปเรื่อย เมื่อคืนดื่มหนักน่ะ เมาค้างด้วย”
เธอสารภาพ หันไปมองน้ำเกลือกระปุกน้อยก็เห็นว่าอีกนานกว่าจะหมด
“คุณเป็นผู้หญิงที่แปลกนะ คุณน่าจะเรียกร้องอะไรจากผมบ้าง เรื่องเมื่อคืน”
“โอ...ไม่ล่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ และเอ่อ...มันก็โอเค ฉันปลื้มคุณนะ แต่จะเลิกปลื้มก็ตรงที่คุณดันมาเป็นเจ้านายฉันนี่แหละ”
“ผมขอโทษอีกทีเรื่องเมื่อเช้า ที่ดูถูกคุณ”
“ช่างเถอะ ฉันง่ายเองนี่นา ไม่แปลกที่คุณจะอยากยื่นข้อเสนอ แต่ขอร้องว่าอย่าพูดแบบนั้นอีก ฉันอยากทำงานอย่างสงบ ฉันรักงานนี้นะ ถึงจะหัวหมุนไปบ้างก็เถอะ”
“งานผู้ช่วยอานุชหนักพอสมควร คุณอาจเป็นยิ่งกว่าทาส เพราะเรื่องบางเรื่องผมใช้อานุชไม่ได้ อานุชเป็นน้องสาวของพ่อผม คุณคงเข้าใจ”
“ค่ะ ฉันรู้ และรู้ด้วยว่าทำไมเงินเดือนฉันมันถึงเยอะจัง”
“ใช้งานหนักก็ต้องจ้างให้คุ้มไม่ใช่เหรอ ผมใช้ผู้ช่วยเลขาเปลืองมาก น่าจะสามเดือนต่อคน ไม่มีใครทนได้น่ะ หึๆ ๆ”
เขาว่าแล้วยิ้มเก๋ พริ้มเพรามองตาค้าง นึกอยากลุกจากเตียงไปกอดคอหอมแก้มสักฟอดสองฟอด ทว่าทำได้เพียงกวาดตามองรอบๆ ห้อง มันหรูหรายิ่งกว่าโรงแรมที่เธอเคยไปพักตอนเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ เสียอีก
“ฉันไม่เคยมาที่นี่ มันหรูไป คุณน่าจะพาฉันไปโรงพยาบาลอื่น”
“ผมจ่ายเอง ไถ่โทษที่ทำให้คุณเป็นไข้”
“คุณไม่ได้ทำอะไร” เธอยังเถียง ไม่อยากให้เป็นบุญคุณกันมากนัก ยิ่งเขาเข้ามาใกล้ มาคอยวุ่นวายกับชีวิต เธอยิ่งรู้สึกเหมือนมีบ่วงคล้องคอ
“ผมทำสิ ทำหลายท่าด้วย หึๆ”
พริ้มเพราหน้าร้อนผ่าว จะพูดขึ้นมาอีกทำไม อุตส่าห์ทำเป็นลืมไปแล้วนะ
“มันจะไม่เกิดขึ้นอีก เราทำงานด้วยกัน ฉันคิดว่าเรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนเกินกว่าจะสามารถแยกแยะการเป็นเจ้านายลูกน้องได้ เราควรหยุดมันไว้แค่เมื่อเช้า” เธอแจ้งสิ่งที่ต้องการ
“แต่ผมยังต้องการคุณ”
“ฉันเชื่อว่าคุณสามารถหาผู้หญิงมาควงได้โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยจีบด้วยซ้ำ เอาล่ะ ฉันคิดว่าฉันพูดมาก ฉันเหนื่อยจัง” ว่าแล้วเอนกายลงนอน มีมาร์คินคอยช่วยประคองจนสามารถนอนได้อย่างสบาย
“คุณมีคนรักไหม”
คำถามของมาร์คินทำเอาคนฟังน้ำตารื้น มีสิ มีจนถึงเมื่อคืนนี้ ตอนที่เธอรู้ว่าพัชญะนอกใจ
“เคยมี แต่เลิกกันแล้วเมื่อวาน ฉันไม่ยอมมีเซ็กซ์กับเขา เขาเลย...ไปมีกับคนอื่นน่ะ”
“โอ...มันเลวร้ายที่สุด”
“ไม่หรอก เพราะสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือฉันนอนกับคุณเมื่อคืน ทั้งที่ไม่รู้จักคุณเลย”
“แต่คุณมีความสุขใช่ไหม”
เขาถามแล้วอมยิ้ม พริ้มเพราอมยิ้มด้วย อยากปฏิเสธให้ดูดี แต่ใจมันละอาย
“ฉันอยากนอนแล้ว”
“ก็นอนสิ ผมจะนั่งเป็นเพื่อน”
“คุณไม่ต้องทำแบบนี้ มันจะดีเกินเจ้านายลูกน้องแล้วนะ” ประชดน้อยๆ แล้วยิ้มกลบเกลื่อน
มาร์คินนิ่วหน้า “ผมไม่ได้ทำเพราะคุณเป็นลูกน้อง แต่ทุกอย่างที่ทำอยู่ เพราะคุณคือคนที่ผมนอนด้วยเมื่อคืน” เขาว่า
พริ้มเพราเบะปาก “เหมือนจะดี แต่ไม่ดีเท่าไหร่”
เขายักไหล่ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนบนเตียงน
“หายไวๆ นะ อย่าป่วยแบบนี้เลย ขอร้องล่ะ”
หัวใจของพริ้มเพราเต้นแรง นั่นคือความห่วงใช่ไหม ทำไมได้รับแล้วรู้สึกดีอย่างนี้นะ จะดีแค่ไหน หากดวงตาคู่นั้นมีไว้มองแค่เธอ หากริมฝีปากคู่นั้นมีไว้จุมพิตแค่เธอ แค่เธอเพียงผู้เดียว...
บทที่ 2
อยู่ในความสัมพันธ์ที่ยากจะอธิบาย