“บอสคะ”
เสียงพริ้มเพราดังขึ้นที่หน้าห้องน้ำ หล่อนนุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเท่านั้น บนเนื้อตัวมีรอยคิสมาร์คลายพร้อยไปหมด ผิวขาวๆ ของหล่อนช่างน่าเวทนาเมื่อมีรอยจ้ำช้ำเลือดเช่นนั้น
“ใส่นี่” เขาส่งเสื้อผ้าให้หล่อน
พริ้มเพรารับมาถือไว้ ก็อยากถามว่าเสื้อผ้าใคร แต่พอเห็นมีป้ายราคาที่ยังไม่ถูกแกะก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อยชุดชั้นในก็ของใหม่ล่ะ เธอหอบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วปิดประตูเสีย มือเร่งสวมเสื้อผ้า ตาก็กวาดมองไปรอบๆ ห้องแต่งตัวของคนรวยนี่ละลานตาเหลือเกิน มีเสื้อผ้ารองเท้าเข็มขัดอัดแน่นเต็มไปหมด อยากเปิดตู้เปิดลิ้นชักดูสักนิด แต่นั่นก็ออกจะเสียมารยาทเกินไป
หญิงสาวมองตัวเองในกระจก พอได้สวมเสื้อผ้ามีราคาก็ดูดีไม่น้อย ที่สำคัญคือคอเสื้อปิดรอยน่าอายได้พอดี
“เสร็จหรือยัง” เขาถามมาจากด้านนอก
“ค่ะๆ เสร็จแล้วค่ะ” รับคำแล้วรีบออกมา มาร์คินนั่งอยู่ที่ปลายเตียง เขากวักมือเรียกเธอเข้าไปหา สีหน้าเขาไม่เหมือนทุกวันที่เธอเห็น เขาดูเศร้าแปลกๆ เหมือนมีบางอย่างให้ขบคิดในใจ
“คุณไม่ควรลงไปข้างล่างในสภาพนั้น ที่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วย ไม่ได้มีแค่ผม”
“ไม่รู้นี่คะว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย พยายามหลบแล้ว แต่อานุชมาเห็นเข้าพอดี” บอกเขาราวกับเป็นความผิดอันใหญ่หลวง มาร์คินดึงมือข้างหนึ่งของเธอไป เขาแลหาอะไรสักอย่าง แล้วปลายนิ้วของเธอก็คือสิ่งที่เขาต้องการ พลาสเตอร์ยา แบบเรียบๆ ถูกแปะลงยังตำแหน่งที่โดนเศษแก้วบาด นึกว่าเขามองไม่เห็นเสียอีก “อ๊ะ! เจ็บๆๆ”
มาร์คินหน้าบึ้งขึ้นอีก ใครใช้ให้หล่อนจับกันล่ะ
“ความผิดผมสินะที่ไม่พาเข้าโรงแรม”
“จะว่างั้นก็ได้ค่ะ แต่ว่า...ไม่ต้องขอโทษหรอกนะ มันเป็นความผิดของฉันด้วย ฉันจะพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก เรา...จบเรื่องนี้แล้วไปทางใครทางมันดีไหมคะ”
มาร์คินไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ จ้องมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณาอีกครั้ง ทำไมเขาถึงไม่พอใจที่หล่อนเจ็บตัว ทำไมต้องกลัวเวลาที่หล่อนพูดแบบนี้ ไม่ได้สิ เขาจะหวั่นไหวเพียงเพราะหล่อนเป็นผู้หญิงที่เคยอยู่บนเตียงของตัวเองไม่ได้
“เก็บเรื่องของเราไว้เป็นความลับ อย่าพูดให้ใครฟัง เข้าใจไหม”
คนถูกสั่งค้อนเข้าให้ “ค่ะ เข้าใจแล้ว ฉันคงไม่ไปป่าวประกาศหรอกว่าเคยขึ้นเตียงเจ้านาย แต่ว่า...อานุช”
“อานุชไม่มีวันหักหลังหลานตัวเอง ผมจะไม่ยุ่งกับคุณอีก”
พริ้มเพราใจหายแปลกๆ ก้มมองแต่มือของตัวเอง มันสั่นอีกแล้ว ต้องคอยจับมันไว้ ทำไมรู้สึกแบบนี้ล่ะ รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เหมือนกำลังจะถูกทิ้งอย่างไรก็ไม่รู้ พวกเธอไม่ได้คบกันซะหน่อย ก็แค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวย พอจบก็แยกจากทางใครทางมัน
“เรื่องที่ผ่านมา ถ้าคุณต้องการ...อะไรตอบแทน”
“หยุดค่ะ ถ้าอยากให้ฉันเคารพคุณในฐานะเจ้านายก็อย่าพูดสิ่งนั้นออกมาเลย เราสองคนก็แค่ผู้หญิงกับผู้ชาย จูนติดกันไวไปหน่อยแต่มันก็แค่นั้น แล้วก็...อย่ายัดเยียดความต้องการของคุณมาให้ฉัน คุณอาจเคยชินที่ต้องใช้เงินแลกมา แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่ คุณรู้ดีว่าเพราะอะไร ฉันไม่ได้เสียใจในสิ่งที่สูญเสีย ฉัน...ดีใจ ที่เป็นคุณ”
พริ้มเพราเอ่ยแล้วลุกยืน การที่มาร์คินเป็นผู้ชายคนแรกของเธอก็ไม่ได้แย่นัก บนเตียงนั้นเธอเป็นที่รักของเขา เขาดูแลเอาใจใส่และปรนเปรอให้เธอมีความสุข ไม่รู้เลยว่าหากคนที่อยู่บนเตียงกับเธอคือพัชญะ เธอจะมีความสุขได้ถึงขนาดนั้นไหม ถือเสียว่าเป็นประสบการณ์อันดี ต่อไปนี้เธอก็ไม่ต้องยึดมั่นถือมั่นอะไรแล้ว เธอเคยมาแล้ว ชีวิตต่อจากนี้คงบันเทิงเริงใจมากขึ้น หาความสุขใส่ตัวให้มากขึ้น ไม่ต้องเกรงใจเยื่อพรหมจรรย์นั่นอีก
มาร์คินมองคนตรงหน้า หล่อนพูดออกมาว่าดีใจที่เป็นเขา แล้วจะให้เขาปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไร แต่ว่า...หากนั่นคือการตัดสินใจของหล่อน แล้วเขาจะห้ามได้หรือ
“ถ้าคุณลำบาก หรือต้องการความช่วยเหลือ ได้โปรด คิดถึงผม”
พริ้มเพรายิ้มน้อยๆ คนแรกที่เธอจะหนีให้ห่างคือเขาต่างหาก อุตส่าห์ว่าจะไม่มีครั้งที่สอง แต่ก็มีขึ้นอีกจนได้ นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เธอกับเขาจะเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง เป็นแค่บอสมาร์กับผู้ช่วยเลขา เท่านั้นก็พอ
“ฉันจะกลับแล้วค่ะ”
“ผมจะไปส่ง” พริ้มเพราเหล่มองเชือกเสื้อคลุม เขายังสวมเสื้อคลุมในขณะที่เธอแต่งตัวเสร็จแล้ว “ฉันนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้ แล้วรถฉันล่ะ”
“ผมให้คนขับไปไว้ที่บริษัท วันจันทร์...ผมจะไปรับคุณ...”
“ไม่ต้องไปรับค่ะ ฉันจะนั่งรถไฟฟ้า ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะบอส” หญิงสาวยิ้มยินดี การจากกันด้วยดีก็ดีนะ แต่ทำไมใจหายอย่างนี้ กลิ่นเขายังติดที่ปลายจมูก เสียงลมหายใจเขายังแว่วเข้าหู ฝ่ามือร้อนผ่าวที่เพียรลูบไล้ร่างเธอก็อีก เธอยังรู้สึกได้อยู่เลย
มาร์คินตามพริ้มเพราออกมาข้างนอก หล่อนเดินลงไปข้างล่างในขณะที่เขายืนมองที่ระเบียงชั้นสอง อานุชยังเตร่อยู่แถวบันได และมองขึ้นมาเห็นพริ้มเพราเข้า
มืออวบๆ ของมณีนุชทาบเข้าที่อกเบาๆ ยามเห็นพริ้มเพราในชุดเดรสคอจีน มันช่วยปกปิดรอยที่รอบลำคอ ทว่าไม่อาจปกปิดรอยหม่นเศร้าในแววตา เธอไม่ได้สนใจสีหน้าหรือความรู้สึกของผู้ช่วยเลขา เธอสนใจมาร์คินมากกว่า