EP 3/4 ปมพิศวาส

1003 Words
มณีนุชหาที่ทางวางแก้วกาแฟแล้วตามบุตรชายเข้ามายืนใกล้พริ้มเพรา ดูหล่อนเถิด ช่างโทรมได้ใจ “มาร์ตื่นหรือยัง” คนถูกถามพยักหน้า กอดรองเท้าส้นสูงด้วยอาการประหม่าเขิน “ขอโทษ...ที่รบกวนนะคะ” เอ่ยขออภัยอย่างอับอาย เธอไม่ควรต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ เพราะมาร์คินคนเดียว โรงแรมมีเยอะแยะทำไมไม่พาไปนะ น่าโมโห! “ช่างเถอะ แล้วนี่จะกลับยังไง เอารถมาหรือเปล่า” มณีนุชตั้งคำถาม หญิงสาวส่ายหน้าดิก เจ้าบ้านเลยถามอีก “ไม่ได้เอามา?” พริ้มเพราส่ายหน้า “ไม่รู้ค่ะ ฉัน...จำไม่ได้” ไม่มีวันไหนที่อับอายมากเท่านี้ ในสภาพที่เพิ่งลุกจากเตียง กลิ่นผู้ชายยังกรุ่นๆ หน้ายังไม่ได้ล้าง เนื้อตัวมีแต่กลิ่นไวน์เปรี้ยวๆ เธอต้องมายืนตอบคำถามญาติผู้ใหญ่ของเขาอีก อีกิ๊บอีกุ้ง ช่วยเพื่อนด้วย! มณีนุชขยับแว่นสายตาแล้วส่ายหน้าอย่างระอา เด็กชายที่ยืนอยู่จึงได้จังหวะถาม “แม่ครับๆ” “อะไรลูก” “บ้านเรายุงเยอะเหรอ” “ทำไมลูก ไม่มีนะ แม่ติดมุ้งลวดนี่นา ถ้าวันไหนยุงเยอะก็พ่นยาให้” หนูน้อยมองพริ้มเพราแล้วมุ่นคิ้ว “แล้วทำไมพี่เขาโดนกัดล่ะ นั่นน่ะ เต็มคอเลย” พริ้มเพราตาเบิกโต ตะปบมือเข้ากับซอกคอ คุณพระช่วยด้วยเถอะ มาร์คินทำพิษเข้าแล้ว มณีนุชเม้มปากแน่น มองพริ้มเพราอย่างตำหนินิดๆ “เอ่อ...ใช่ๆ พี่ถูกยุงกัดน่ะ ยุงตัวผู้ด้วย มันก็เลยเป็นรอย ฮ่าๆๆ” ตอบแล้วหัวเราะกลบเกลื่อน เด็กน้อยเกาหัวแกรกๆ “งั้นฉันไม่รบกวนแล้วค่ะ ขอตัวกลับเลยนะคะ สวัสดีค่ะ” พริ้มเพราร่ำลาโดยยกมือไหว้แค่ข้างเดียว ทำอย่างไรได้ มือข้างหนึ่งมีรองเท้าถืออยู่ ทว่าก้าวออกไปยังไม่ทันพ้นกรอบประตู เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้น “อย่าเพิ่งไป!” มาร์คินในชุดเสื้อคลุมร้องลงมาจากระเบียงชั้นสอง พริ้มเพราหันขวับ จ้องตาคนที่อยู่ข้างบน เพิ่งนึกได้หรือว่าแสดงท่าทีไม่ดีกับเธอ มณีนุชมองคนทั้งสองที่กำลังห้ำหั่นกันทางสายตา “ขึ้นไปคุยข้างบนเถอะ” มณีนุชบอกพริ้มเพรา หญิงสาวไม่มีทางเลือก จำต้องวางรองเท้าไว้ข้างบันไดแล้วก้าวขึ้นไป มาร์คินยังหน้าตึงๆ มองมายังเธอด้วยสายตาที่เธอไม่เคยเห็น “เข้าไปสิ” เขาบอก ชี้ไปยังประตูห้องของตัวเอง พริ้มเพราก้าวเข้ามาอีกครั้ง กรอบรูปที่แตกถูกเก็บกวาดแล้วเรียบร้อย ตอนนี้มันวางอยู่ตำแหน่งเดิมของมัน ในกรอบใหม่ที่สวยยิ่งกว่าเก่า ผู้หญิงในรูปทั้งสองงดงามไม่แพ้กัน แต่คนหนึ่งดูมีอายุมากกว่า และเป็นคนต่างชาติ ผมของหล่อนเป็นสีเดียวกับเส้นไหม เงางามทีเดียว “อย่าแตะต้องกรอบรูปทุกอันในห้องนี้” เขาบอกเสียงเรียบ ชี้ให้หล่อนนั่งลงที่ปลายเตียง “ฉันไม่ได้แตะค่ะ มันแตกอยู่แล้ว” คำ ตอบนั้นทำให้คนที่เปิดลิ้นชักหาของต้องหยุดชะงัก เหล่มองคนที่บอกแล้วเคืองใจสภาพของหล่อน หล่อนจะกลับไปในสภาพแบบนี้หรือ “ไปอาบน้ำซะ” “ไม่อาบค่ะ จะกลับบ้าน มีอะไรก็พูดมาเถอะ” มาร์คินไม่ฟังเสียง พอได้ของในลิ้นชักก็กำมันเอาไว้แล้วหันมาหาพริ้มเพรา เขาดึงให้หล่อนลุกแล้วลากไปห้องน้ำ “เอ๊ะคุณ! ฉันไม่อาบ จะกลับบ้าน” “ไปอาบน้ำก่อน ลงไปสภาพนี้ได้ยังไง” “ก็คุณไล่ฉันนี่นา” มาร์คินหยุดลาก เขาผลักหล่อนแทน ก็จริงที่เขาพูดแบบนั้น แต่ไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผลกระมัง หล่อนไม่มีวันเข้าใจหรอก “เข้าไปแล้วอาบซะ” “ฉันไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน” “เดี๋ยวก็มีเองนั่นแหละ” ว่าพลางเปิดประตูห้องน้ำ ก่อนจะยัดพริ้มเพราเข้าไปแล้วปิดประตูเสีย “เฮ้อ...คิดผิดหรือถูกกันนะที่ยุ่งกับเธอคนนี้” ถามตัวเองแล้วถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะเดินเข้าห้องแต่งตัว แลหาชุดให้พริ้มเพราสักชุด ไม่มีเสื้อผ้าเขาที่หล่อนใส่ได้ จะมีก็แต่... แอ๊ด... ประตูตู้เสื้อผ้าหลังหนึ่งมีเสียงออดแอดเมื่อถูกเปิด มันไม่ได้เปิดมานานจนฝืดไปหมด เขายืนมองเสื้อผ้าสวยๆ ในนั้น มองอยู่นานทีเดียวกว่าจะตัดสินใจเลือกมาสักชุด มีชุดชั้นในที่ยังไม่ได้ใช้ ป้ายราคายังติดอยู่ เขาหยิบออกมาด้วย พริ้มเพราคงพอสวมได้กระมัง “ขอยืมแค่ชุดเดียว แล้วจะไม่ทำแบบนี้อีก ขอโทษนะ ถ้าดาโกรธ...ก็กลับมาด่าผมก็แล้วกัน” เอ่ยแบบนั้นแล้วยิ้มสมเพชตัวเอง ต่อให้ ปาลิดา โกรธเขาแค่ไหน ก็คงกลับมาด่าเขาไม่ได้ หล่อนจากไปในที่ที่ไกลแสนไกล ทิ้งเขาไว้ที่นี่เพียงลำพังนานเหลือเกินแล้ว มาร์คินอ้อยอิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าหลายนาที กว่าจะยอมปิดมันไว้เช่นเดิม กลิ่นของปาลิดายังอวลอบในตู้นั้นแม้ว่าจะผ่านมาสองปีแล้วก็ตาม หล่อนทิ้งเขาไปเหมือนมารดา ทิ้งเขาให้ต้องเจ็บปวดแค่คนเดียว หลายครั้งหลายหนที่พยายามตัดใจ พยายามลืมความเศร้าให้หมด แต่มันอดไม่ได้ หากทำใจได้สักนิด คงไม่เก็บเสื้อผ้าและของใช้ของหล่อนเอาไว้เช่นนี้ อานุชเคยบอกเขาหลายครั้งหลายหนว่าอย่ายึดติดกับสิ่งเดิมๆ บางที...ชุดที่เพิ่งหยิบออกมาจากตู้ อาจเป็นการเริ่มต้นที่ดีก็ได้ ความทุกข์มันอยู่ในใจเขามานานพอแล้ว ได้เวลาปลดปล่อยมันออกไปเสียที หากไม่เริ่มต้น เขาคงไม่มีวันลืมความเจ็บปวดนั้นได้กระมัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD