บทที่ 6 ตัวตนที่แท้จริง
สหราชอาณาจักร
ไพลินทร์และกัลยาเดินทางมาถึงอังกฤษในช่วงบ่ายของวัน โดยมีคนขับรถมารอรับที่สนามบิน บ้านของทั้งสองตั้งอยู่ในย่าน Kensington Palace Gardens เป็นย่านหรูในกรุงลอนดอน อีกทั้งบ้านของสองสาวยังติดกัน ไม่แปลกที่จะสนิทกันมาก
ตลอดทางที่รถมุ่งหน้าสู่บ้านไปในย่านหรู หญิงสาวนั่งบีบมือตัวเองแน่น ด้วยคิดว่าคุณปู่จะรับได้หรือเปล่าที่เธอทำให้ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนในครอบครัวรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงแค่คุณปู่กับคุณย่าเท่านั้นที่ยังไม่ได้บอก เพราะอยากบอกกับปากตนเองมากกว่า ถึงแม้จะทำให้ท่านเสียใจและไม่พอใจก็ตาม
คฤหาสน์หรูตั้งอยู่ในพื้นที่กว่า 20 เอเคอร์ถูกออกแบบให้เข้ากับธรรมชาติมากที่สุด ตระกูลของเธอเป็นตระกูลเก่าแก่ที่มาตั้งรกรากบนที่ดินแห่งนี้ พื้นฐานของครอบครัวรัตนไพศาลก็ทำธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์มาก่อน ตอนนี้เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ และยังได้ขยายฐานธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ต โรงแรม โรงบ่มไวน์ ไร่สวน และกิจการอื่น จนติดอันดับเศรษฐีต้น ๆ ของโลก
แต่ด้วยความที่อยู่บนเส้นเสี่ยงตาย ทำให้การกำเนิดของเธอถูกปกปิดไว้เพื่อความปลอดภัย และตอนนี้เธอพร้อมที่จะกลับมาอยู่บนความเสี่ยงนั้น
“มัมคะ...”
ไพลินทร์เรียกชื่อมารดาทันทีที่ก้าวลงจากรถ สองเท้าพุ่งไปกอดด้วยความคิดถึง กัลยายกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างคุ้นเคย
“ยัยหนู...มัมคิดถึงหนูมากเลยรู้มั้ยคะ”
พลอยเพชรกระชับกอดลูกสาวคนเดียวแน่น นานแค่ไหนแล้ว...ที่ไม่ได้กอด ไม่ได้ใกล้ชิดแบบนี้
“หนูกลับมาอยู่กับมัมแล้วนะคะ ต่อไปนี้หนูจะไม่ไปไหน ขอโทษนะคะที่ทำให้มัมต้องเสียใจ”
หญิงสาวพูดทั้งน้ำตา มือเรียวบางกอดมารดาไว้แน่น เธอรู้สึกอบอุ่นและสบายใจทุกครั้งที่ได้กอดท่าน
“มัมไม่เคยโกรธหนูเลย ทุกคนย่อมมีผิดพลาดกันได้ อีกอย่างหนูกำลังมีหลานให้มัมด้วย” พลอยเพชรผลักตัวออกแล้วเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าของลูกสาวเบา ๆ
“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธหนู” ต่อให้เธอทำผิดแค่ไหน มารดาก็ไม่เคยโกรธไม่เคยว่า ท่านกลับให้อภัยเสมอ
“จ้ะ เข้าบ้านกันเถอะนะ แด๊ดกับพี่ ๆ รอเราอยู่”
ทั้งสามเดินเข้าบ้าน โดยมีสาวใช้ถือกระเป๋าเดินตาม ทันทีที่เธอก้าวเท้าเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของที่นี่ “บ้าน” ที่เธอจากมานานแสนนาน ต่อจากนี้ไปจะไม่หายไปอีกแล้ว
“แด๊ด...” ร่างบางเรียกบิดาที่กำลังยืนหันหลังอยู่
“ยัยหนูของแด๊ด คิดถึงจังเลย โตขึ้นมากนะเนี่ยกลับมาอยู่บ้านเรานะ” ไพศาลสวมกอดลูกสาวคนเล็กแน่น แล้วก้มลงหอมแก้มนุ่ม ๆ ทั้งสองข้างด้วยความคิดถึง
“ค่ะแด๊ด หนูจะกลับมาอยู่กับแด๊ดไม่หายไปไหนอีกแล้ว”
“ไม่กอดพวกพี่บ้างเหรอตัวเล็ก” ชายหนุ่มรูปร่างล่ำสัน ใบหน้าคมคายราวกับเทพบุตร มีนามว่า เพชรพิรุณ พี่ชายคนโตและอีกคนที่ยืนข้างกัน ภัทรชรพี่ชายคนรองที่รูปร่างและหน้าตาไม่ต่างกัน จะมีเพียงแววตาของภัทรชรออกจะแพรวพราวเหมือนคาสโนว่าต่างจากคนพี่ที่นัยน์ตาดุดัน
“พี่เพชร พี่ภัทร” ไพลินทร์สวมกอดพี่ชายทั้งสอง ผู้ชายอีกคนที่คอยตามใจ เสียสละความสุขของตนเองเพื่อความปลอดภัยของเธอ
“คิดถึงตัวเล็กจังเลย”
เพชรพิรุณหอมแก้มน้องสาวของฟอดใหญ่ ต่อให้โตแค่ไหน ไพลินทร์ยังเป็นเด็กน้อยสำหรับเขาเสมอ และตามด้วยพี่ชายคนรองที่เข้ามากอดน้องบ้าง
“หนูก็คิดถึงพี่ทั้งสองค่ะ” น้องน้อยเงยหน้ายิ้มให้พี่ชาย ความสุขที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้ เมื่อกลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัวอีกครั้ง
“ยัยหนู...แด๊ดไม่โกรธสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นนะ แด๊ดเคารพการตัดสินใจของหนู ที่ไม่ยอมพิสูจน์ความจริงให้ไอ้ผัวหน้าโง่ของหนูรู้” ไพศาลเอ่ยพลางลูบศีรษะลูกสาว เขาเชื่อว่าไพลินทร์คิดดีแล้วแน่นอนที่ยอมหันหลังให้กับความเจ็บปวดแล้วยอมกลับมาอยู่ที่บ้าน ละทิ้งทุกสิ่งในเมืองไทยเพื่อมาเริ่มต้นชีวิตใหม่
“ขอบคุณนะคะแด๊ดที่เคารพในการตัดสินใจของหนู ตอนนี้หนูยังไม่กล้าพอที่จะเป็นตัวร้าย หากเมื่อไรที่หนูเข้มแข็ง เมื่อนั้นหนูจะกลับไปสนองความเจ็บปวดให้คนพวกนั้นเองด้วยสองมือคู่นี้” ไพลินทร์ยกมือไหว้ขอบคุณบิดาที่ให้อภัยเธอ แผลในหัวใจของเธอตอนนี้ยังสดอยู่ คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะสมานกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
“มัมว่าหนูสองคนไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ คุณปู่กับคุณย่าท่านจะมาร่วมทานมื้อเย็นด้วย หนูไม่ต้องกังวลอะไรนะ มัมเชื่อว่าท่านต้องรับฟังและมีเหตุผลมากพอ ตอนนี้หนูควรห่วงลูกในท้องมากกว่า” พลอยเพชรตัดบท หล่อนไม่อยากให้ลูกสาวต้องคิดมากไปกว่านี้อยากจะให้พักผ่อนมากกว่าเพราะเดินทางมาเหนื่อยหนำซ้ำยังมีเจ้าตัวเล็กในท้องอีก หล่อนกลัวว่าจะกระทบกระเทือนไปถึงหลานในท้องได้
“ค่ะมัม”
ไพลินทร์และกัลยาเดินขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อไปพักผ่อนตามที่มารดาบอก โดยมีสาวใช้นำกระเป๋าไปวางไว้ที่ห้องอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเปิดประตูเข้ามา ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง มารดาคงให้สาวใช้เข้ามาทำความสะอาดก่อนที่เธอจะบินมา
“กำลังคิดมากใช่มั้ยหนูจ๋า” กัลยาถามเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องกันสองคน เธอสังเกตตั้งแต่มาถึงที่บ้านแล้ว
“อือ ฉันกลัว...ฉันเป็นหลานที่ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ ทั้งที่ท่านรักฉันมาก ตามใจฉันทุกอย่าง แต่ตอนนี้แกดูสิ! ฉันทำเรื่องให้ท่านอับอาย”
เธอแคร์ความรู้สึกของคุณปู่กับคุณย่ามาก มากเสียจนไม่กล้าที่จะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอให้ท่านฟังกลัวว่าท่านจะพลี่พล่ามส่งลูกน้องไปจัดการทางนั้น
“ไม่เลย! แกไม่ได้ทำเรื่องอับอายหนูจ๋า แกท้องกับพี่เมฆที่เป็นสามีของแก และตอนนี้แกก็ได้หย่ากับเขาแล้ว แกไม่ได้ทำอะไรผิด คนพวกนั้นต่างหากล่ะที่ผิด!” กัลยาบอก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมไพลินทร์ต้องคิดว่าเป็นความผิดของตนเองด้วยหรือว่าฮอร์โมนคนท้องกำเริบเลยทำให้คิดมาก
“แต่...ฉันก็กังวลอยู่ดี แกก็รู้ว่าคุณปู่ตามใจฉันขนาดไหน ถึงยอมให้ฉันแต่งงานกับพี่เมฆทั้งที่รู้ว่าคุณหญิงไม่ชอบหน้า” หญิงสาวพูดน้ำเสียงแผ่วเบา พลางบีบมือตัวเอง
“ฟังนะ...ฉันเชื่อว่าท่านต้องเคารพในการตัดสินใจของแกทุกอย่าง เพราะท่านเชื่อใจแกยังไงล่ะ” กัลยาจับมือของไพลินทร์บีบเพื่อให้หญิงสาวคลายความกังวล
“ฉัน...”
“พอเถอะตอนนี้อย่าคิดมากเลย เหตุการณ์มันยังไม่เกิดขึ้น หากท่านรับไม่ได้จริง ๆ แกยังมีฉัน พ่อแม่และพี่ชายของแกอีกที่พร้อมจะอยู่เคียงข้าง ฉันเชื่อว่าคุณปู่ไม่มีทางใจร้ายกับหลานที่ท่านรักหรอกนะ”
“ขอบใจแกมากนะยัยกุลที่คอยอยู่เคียงข้างฉันมาโดยตลอด ถ้าไม่มีแกฉันคงแย่แน่ๆ”
“เล็กน้อยน่า เราสองคนเป็นเพื่อนนิ ตอนนี้แกห่วงหลานฉันก่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ นอนพักได้แล้ว”
“อือ”
********
เมื่อถึงช่วงเวลาทานอาหารเย็น พลอยเพชรขึ้นมาปลุกไพลินทร์และกัลยาด้วยตัวเอง เพื่อให้เตรียมตัวสำหรับมื้อเย็น ระหว่างนั่งทาครีมเป็นช่วงเวลาที่เธอนั่งเครียด ไม่รู้ว่าจะบอกคุณปู่ยังไงดี เพื่อให้ท่านเสียใจน้อยที่สุด
“คุณปู่...” หญิงสาวเรียกคุณปู่ที่กำลังยืนพูดคุยกับพี่ชายทั้งสอง ขาสองข้างถึงกับก้าวไม่ออก รู้สึกเหมือนถูกดูดไว้กับที่ ความหวาดกลัวเริ่มครอบงำ
“ยัยหนูของปู่...กลับมาเมื่อไหร่ ทำไมไม่โทรมาบอกปู่ล่ะ” ชาติชายหันมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นหู ปรากฏว่าเสียงนั้นเป็นของหลานสาวสุดที่รัก
“เซอร์ไพรส์คุณปู่ยังไงล่ะคะ”
หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างกลั้นไม่อยู่ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี คุณปู่ยังเหมือนเดิมเสมอ
“มา ๆ ให้ปู่ชื่นใจหน่อย คิดถึงยัยหนูที่สุดเลย” ชาติชายจุ๊บแก้มทั้งสองข้างของหลานสาวด้วยความคิดถึง นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เจอหลานสาวสุดที่รักตั้งแต่แต่งงานไปมีครอบครัวหลานสาวก็ไม่มีเวลาบินมาหาเขาเลย
“แล้วย่าล่ะ ไม่คิดถึงย่าบ้างเหรอ...” มาดามเพียงเพ็ญพูดอย่างน้อยใจ
“โอ๋ ๆ คุณย่าขา หนูก็คิดถึงคุณย่าเหมือนกันค่ะ เหมือนจะสวยขึ้นด้วยหรือเปล่าคะเนี่ย” เธอแซวขึ้นแล้วเดินเข้าไปกอดท่านด้วยความคิดถึง คุณย่าของเธอยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดยิ่งกว่าวัยรุ่นเสียอีก
“แหม...ปากหวานเชียวนะหลานย่า ไปทานข้าวดีกว่า ย่าหิวแล้ว”
บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเมนูหลากหลายอย่าง ทุกคนต่างลงมือทานอาหารกันอย่างมีความสุขที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาในรอบหลายปี ต่างคนต่างผลัดกันเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างสนุกสนาน จนทำให้ลืมความเครียดไป เมื่อทานอาหารเสร็จไพลินทร์และกัลยาหันมามองหน้ากันอย่างใช้ความคิด
“คุณปู่คุณย่าคะ หนูมีเรื่องจะบอก” ไพลินทร์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อบอกเรื่องที่เกิดขึ้น ผลมันจะเป็นอย่างไร เธอก็ไม่สน ขอเพียงแค่ได้บอกคุณปู่กับคุณย่าพอ อยู่ที่ว่าท่านทั้งสองจะตัดสินใจยังไงเธอยอมรับได้หมด
“อะไรหึ!” ชาติชายเงยหน้ามามองหลานสาว
“หนูหย่ากับพี่เมฆแล้วค่ะ” สิ้นเสียงมือที่ถือช้อนอยู่ของท่านทั้งสองก็ตกลงมาในจานของหวานที่สาวใช้เพิ่งนำมาเสิร์ฟ
เคล้ง!
“หย่า? เราเพิ่งแต่งงานได้สามเดือนเองนะ!!! แล้วจะหย่าได้ยังไง บอกสาเหตุมาซิ!” เสียงแหบแห้งถาม อะไรกัน! เพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือนก็หย่าแล้ว เขาไม่เข้าใจเลย
“หนูถูกคุณหญิงรัตนาใส่ร้ายโดยการจัดฉากให้หนูนอนกับผู้ชายคนหนึ่ง พอพี่เมฆมาเห็นเลยขอหย่ากับหนู ฮึก...หนูขอโทษนะคะคุณปู่คุณย่า...” ไพลินทร์เล่า แล้วเดินเข้าไปกราบขอโทษท่านทั้งสองที่ทำให้เสียใจ
มาดามพลอยเพชรและคุณไพศาลร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจไม่แพ้กัน หัวอกของคนเป็นพ่อแม่เจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่าลูกต้องมาเจอเรื่องร้าย ๆ อะไรแบบนี้
“นังคุณหญิง!!!” คุณปู่สถบอย่างโมโหที่กล้าทำร้ายหลานสาวสุดรักสุดหวงของตน
“ไม่ร้องนะยัยหนู ย่ากับปู่รู้เรื่องที่เราหย่าตั้งนานแล้วแหละ เพียงแค่ไม่รู้สาเหตุเท่านั้น” มาดามเพียงเพ็ญเฉลย หล่อนกับสามีรู้เรื่องก่อนที่หลานสาวจะเดินทางมาที่นี่เพียงกี่วัน หล่อนแค่อยู่เฉย ๆ รอให้หลานสาวมาพูดเองเท่านั้น
“ยัยหนู...ปู่ไม่โกรธเราหรอกนะ สำหรับการตัดสินใจของเรา ในเมื่อผู้ชายคนนั้นมันเชื่อคำหลอกลวงของแม่